• Accessibility

    • normal big bigger

Last posts

Last Comments

Most active posts

ค้นหา

หมวดหมู่

วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี อุตรดิตถ์สรุปแนวทางการปฏิบัติที่ดี (Best Practice)?การจัดการเรียนการสอนภาคปฏิบัติในคลินิก สำหรับนักศึกษาหลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต?

Blogged under การจัดการความรู้ วพบ.อต. by admin on วันจันทร์ 10 มีนาคม 2014 at 9:21 am

วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี อุตรดิตถ์
สรุปแนวทางการปฏิบัติที่ดี (Best Practice)
?การจัดการเรียนการสอนภาคปฏิบัติในคลินิก สำหรับนักศึกษาหลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต?

——————————————————————————

ขั้นตอนการดำเนินงาน
๑. การเตรียมความพร้อมของนักศึกษา
๑.๑ สร้างความเชื่อมั่นและลดความเครียดในการฝึกปฏิบัติการพยาบาลของนักศึกษาก่อนการปฏิบัติจริงบนคลินิก ดังนี้
๑.๑.๑ ประเมินสถานการณ์ที่ก่อให้เกิดความเครียดแก่นักศึกษา ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น ๙ ประเภท ได้แก่ ๑) ขาดความเชื่อมั่นในตนเอง ๒) มีความรู้และประสบการณ์ไม่เพียงพอ ๓) การปรับตัวและการจัดการกับปัญหาที่ไม่มีประสิทธิภาพ ๔) ความรู้สึกมีคุณค่าในตนเองลดลงหรือถูกคุกคาม ๕) ทัศนคติที่ไม่ดีต่อการฝึกปฏิบัติ ๖) อาจารย์นิเทศ ๗) บุคลากรบนหอผู้ป่วย ๘) เพื่อน และ ๙) สถานที่และสิ่งแวดล้อม
๑.๑.๒ จัดการหรือแก้ไขสถานการณ์อันจะก่อให้เกิดความเครียดแก่นักศึกษาให้ลดลง ดังนี้
๑) มีการประชุมปรึกษาระหว่างอาจารย์นิเทศ ฝ่ายการพยาบาล เพื่อชี้แจงถึงขอบเขตความสามารถของนักศึกษา ลักษณะงานที่นักศึกษาสามารถทำได้ และร่วมกำหนดแนวทางในการสอนภาคปฏิบัติให้เป็นในทิศทางเดียวกัน
๒) ปฐมนิเทศการฝึกปฏิบัติการพยาบาลแก่นักศึกษา เพื่อชี้แจงรายวิชา ขอบเขตความสามารถของนักศึกษาและลักษณะงานที่นักศึกษาสามารถทำได้ และร่วมกำหนดแนวทางและประสบการณ์การเรียนรู้ในฝึกภาคปฏิบัติ
๓) มีการจัดทบทวนความรู้ ทักษะ หรือวิธีปฏิบัติการพยาบาลพื้นฐานหรืออื่นๆ ที่จำเป็นก่อนการปฏิบัติจริงบนคลินิก ตลอดจนการเพิ่มทักษะการบริหารเวลา และวิธีการจัดการความเครียดให้กับนักศึกษา
๔) แนะนำสถานที่ ลักษณะการทำงาน บุคลากรบนหอผู้ป่วย และสิ่งแวดล้อมต่างๆ เพื่อให้นักศึกษาเกิดความคุ้นเคย และรู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งของหน่วยงาน
๕) การมอบหมายงานให้นักศึกษา ควรมีความเหมาะสมไม่มากหรือน้อยเกินไป และให้นักศึกษามีเวลาในการทบทวนบทเรียน และใช้ชีวิตด้านอื่นๆ อย่างสมดุล
๖) อาจารย์นิเทศควรมีบุคลิกภาพที่เอื้ออาทร มีความเป็นกันเอง เปิดโอกาสให้นักศึกษาได้ซักถาม รับฟังความคิดเห็นของนักศึกษา ให้ข้อมูลย้อนกลับเป็นระยะ ให้คำชื่นชมเมื่อนักศึกษาทำถูก ไม่ตำหนินักศึกษาต่อหน้าบุคลากรอื่นหรือผู้ป่วยและญาติ
๗) อาจารย์ผู้รับผิดชอบรายวิชา ควรนำเสนอผลการประเมินรายวิชาในประเด็นปัญหาและอุปสรรคการฝึกปฏิบัติการพยาบาลของนักศึกษาบนหอผู้ป่วยให้ฝ่ายการพยาบาล หัวหน้าหอผู้ป่วย พยาบาลพี่เลี้ยงแหล่งฝึกได้รับทราบ เพื่อจะได้ให้การช่วยเหลือปรับปรุงลักษณะการทำงานร่วมกันบนหอผู้ป่วย

๑.๒ จัดการเรียนการสอนภาคทฤษฎีรายวิชาทางการพยาบาลที่มุ่งเน้นให้นักศึกษา มีประสบการณ์ตรงหรือประสบการณ์การเรียนรู้เสมือนจริง เช่น
๑) การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนแบบนักศึกษามีส่วนร่วม โดยกำหนดให้นักศึกษาได้ฝึกปฏิบัติในสถานการณ์จำลองที่เสมือนจริงกับการปฏิบัติบนหอผู้ป่วย เช่น มีหุ่นสาธิต มีอุปกรณ์ที่สามารถใช้ได้จริง มีสถานการณ์จำลองและบุคลาการแสดงตามบทบาทสมมุติเหมือนหอผู้ป่วย
๒) ประสานกับแหล่งฝึกปฏิบัติบนคลินิก เพื่อให้นักศึกษาได้ไปสังเกตการณ์การปฏิบัติการพยาบาลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องตามความเหมาะสม
๓) ใช้สื่อการเรียนที่หลากหลาย ซึ่งนักศึกษาสามารถเข้าถึงได้ง่าย สามารถศึกษาค้นคว้าหรือฝึกเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง
๒. การสอนภาคปฏิบัติ
๒.๑ มอบหมายผู้ป่วยในความดูแลกับนักศึกษาตามความเหมาะสม โดยกำหนดให้นักศึกษาศึกษาข้อมูลผู้ป่วยในความดูแลล่วงหน้าอย่างน้อย ๑ วัน ดูแลต่อเนื่อง อย่างน้อย ๓ วัน
๒.๒ กำหนดเวลาให้นักศึกษาขึ้นฝึกปฏิบัติงานบนหอผู้ป่วย ก่อนเวลาอย่างน้อย ๓๐ นาที เพื่อศึกษาและติดตามประเมินสภาพผู้ป่วยและแผนการรักษาพยาบาลผู้ป่วยในความดูแลอย่างต่อเนื่อง
๒.๓ อาจารย์นิเทศให้ขึ้นไปบนหอผู้ป่วยให้ทันรับฟังการส่งเวรพร้อมกับนักศึกษา ซึ่งจะทำให้อาจารย์รับทราบรายละเอียดข้อมูลผู้ป่วยที่เป็นปัจจุบัน มีประโยชน์ต่อการ แนะนำหรือเน้นย้ำนักศึกษาเกี่ยวกับการวางแผนการพยาบาลผู้ป่วยในความดูแลอย่างถูกต้อง เหมาะสม ในช่วงเวลา Pre conference
๒.๔ ส่งเสริมการคิดอย่างมีวิจารณญาณและการเชื่อมโยงความรู้ภาคทฤษฎีสู่การปฏิบัติแก่นักศึกษาพยาบาล โดยกิจกรรม ?Nursing round? กับนักศึกษารายบุคคล ซึ่งเป็นกระบวนการที่ส่งเสริมให้นักศึกษาได้ศึกษาข้อผู้ป่วยกรณีศึกษาโดยละเอียด ทั้งข้อมูลปฐมภูมิและ ทุติภูมิ ตลอดจนทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเชิงทฤษฎีและวิเคราะห์เปรียบเทียบกับสภาพการณ์ของผู้ป่วยจริง จากนั้นจึงนำข้อสรุปของตนเองมานำเสนอและร่วมอภิปรายกับอาจารย์นิเทศภายใต้บรรยากาศแบบกัลยาณมิตร
๒.๕ อาจารย์ควรแสดงพฤติกรรมการสอนภาคปฏิบัติและส่งเสริมบรรยากาศการเรียนรู้ภาคปฏิบัติให้เกิดขึ้นอย่างเอื้ออาทร ซึ่งพฤติกรรมการสอนอย่างเอื้ออาทรจะช่วยส่งเสริมความอยากรู้อยากเรียนอย่างต่อเนื่อง ไม่รู้สึกว่าถูกคุกคามเกิดขึ้น ส่งผลให้นักศึกษาเกิดการเรียนรู้อย่างมีความสุข
๓. การวัดและประเมินผลการเรียนการสอนภาคปฏิบัติอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการ ทวนสอบการจัดการเรียนการสอน การวัดและประเมินผลรายวิชา โดยอาจารย์ผู้ร่วมสอน ก่อนการตัดสิน และให้เกรดแก่นักศึกษาทุกครั้ง

กลุ่มงานวิจัย บริการวิชาการและวิเทศสัมพันธ์

การเตรียมนักศึกษาเพื่อเป็นพยาบาลวิชาชีพแนวปฏิบัติการเตรียมความพร้อมในการสอบขึ้นทะเบียน

Blogged under การจัดการความรู้ วพบ.อต. by admin on วันจันทร์ 10 มีนาคม 2014 at 9:20 am

วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี อุตรดิตถ์
การเตรียมนักศึกษาเพื่อเป็นพยาบาลวิชาชีพ
แนวปฏิบัติการเตรียมความพร้อมในการสอบขึ้นทะเบียน

จากการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และการค้นหาความรู้เพิ่มเติมในด้านการเตรียมนักศึกษาเพื่อเป็นพยาบาลที่ดีงานจัดการความรู้ได้สรุปออกมาเป็นแนวปฏิบัติดังนี้
ขั้นตอนการดำเนินงาน
๑.ปฐมนิเทศให้แก่นักศึกษาชั้นปีที่ ๑ทราบเส้นทางการเรียนการสอนและการก้าวเข้าสู่วิชาชีพพยาบาลตั้งแต่เริ่มต้นเรียน จนสอบประมวลความรู้ความสามารถทางการพยาบาลและการสอบขึ้นทะเบียนรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ
๒.การจัดการเรียนการสอนภาคทฤษฎีใช้การจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ มีการกระตุ้นให้ผู้เรียนสร้างความรู้สรุปเป็นความรู้ของตนเอง เช่น การทำแผนผังความคิดและการจัดการเรียนการสอนภาคปฏิบัติควรให้นักศึกษาสามารถเชื่อมโยงจากทฤษฎีสู่การปฏิบัติ (ใช้สรุปแนวทางการปฏิบัติที่ดี (Best Practiceการจัดการเรียนการสอนภาคปฏิบัติในคลินิก สำหรับนักศึกษาหลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต)
๓. ในระหว่างที่ฝึกปฏิบัติอาจารย์ที่นิเทศภาคปฏิบัติควรสามารถชี้ประเด็นที่สำคัญๆของการฝึกปฏิบัติที่เชื่อมโยงกับทฤษฎีและมีการเน้นย้ำให้นักศึกษามีกระบวนการจัดเก็บความรู้อย่างเป็นระบบ เช่นทำแผนผังความคิดแต่ละโรค หรือการบันทึกย่อสิ่งที่สำคัญสำหรับการฝึกในชั้นปี ๔ ควรมีการจัดให้มีการ Conference โดยเน้นการดูตาม Test Blue Print ของสภาการพยาบาลเพื่อให้นักศึกษาได้รับประสบการณ์ครบถ้วน
๔.สร้างขวัญและกำลังใจให้นักศึกษามีเจตคติที่ดีต่อวิชาชีพในแต่ละชั้นปีและบอกถึงเส้นทางความก้าวหน้าของการประกอบวิชาชีพพยาบาลโดยให้รุ่นพี่หรือศิษย์เก่ามีส่วนร่วม
๕.กระตุ้นให้นักศึกษามีความตั้งใจเรียนตั้งแต่ต้น คือ ชั้นปีที่ ๑ เพราะทุกรายวิชาสามารถนำมาเป็นพื้นฐานสำหรับวิชาในชั้นปีสูงๆ และให้แจกTest Blue Print ของสภาการพยาบาลให้กับนักศึกษา
๖. ในตอนปลายของชั้นปีที่ ๓ ควรมีการจัดสอบเพื่อประเมินความรู้ความสามารถทางการพยาบาลของนักศึกษาเพื่อใช้เป็นข้อมูลในการจัดกลุ่มนักศึกษาเพื่อเตรียมตัวในชั้นปีที่ ๔การแบ่งกลุ่มเพื่อเตรียมทบทวนความรู้ควรแบ่งตามความรู้ที่มีอยู่ทั้งนี้ฝ่ายวิชาการควรมีการอธิบายให้กับนักศึกษาทราบวัตถุประสงค์ของการแบ่งกลุ่มในขั้นนี้การตรวจข้อสอบแบ่งตามหัวข้อเพื่อเป็นข้อมูลสำหรับนักศึกษาและอาจารย์ทราบว่าเด็กแต่ละคนมีจุดบกพร่องด้านใด
๗. ในชั้นปีที่ ๔ การทบทวนความรู้ควรเริ่มจากให้นักศึกษามีการทบทวน Concept สำคัญก่อน โดยนักศึกษาสามารถทบทวนได้โดยการชี้ประเด็นโดยผู้สอนผ่านการประชุมปรึกษาทางการพยาบาล
๘. ในชั้นปีที่ ๔ นักศึกษาจะมีความเครียดมากขึ้นตามลำดับโดยเฉพาะช่วงที่ใกล้สอบวิทยาลัยควรจัดกิจกรรมในการเสริมสร้างพลังใจให้กับนักศึกษาเป็นระยะพร้อมกับให้นักศึกฯวิเคราะห์จุดอ่อนจุดแข็งของตนเองรวมทั้งหาแนวทางในการกำจัดจุดอ่อน เช่นการจัดให้ออกนอกสถานที่ การจัดกิจกรรมเสริมสร้างพลังใจ
๙.ในช่วงสุดท้ายการทบทวนความรู้ที่จัดให้ควรมีการแนะแนวเกี่ยวกับเทคนิควิธีการทำข้อสอบแต่ละรายวิชาเนื่องจากพบว่าศิษย์เก่าบอกว่าปัญหาที่สำคัญคือไม่รู้ว่าควรจะจัดการกับการทำข้อสอบแต่ละรายวิชาอย่างไร
๑๐.ในการทบทวนความรู้ควรให้นักศึกษามีส่วนร่วมโดยสอบถามความคิดเห็นถึงความต้องการการช่วยเหลือต่างๆ
๑๑. ผู้บริหารทุกระดับโดยเฉพาะระดับสูงของวิทยาลัยควรมีบทบาทในการสร้างขวัญและกำลังใจแก่นักศึกษา
๑๒.ใช้มาตรการหรือแนวทางการช่วยเหลือนักศึกษาที่มีปัญหาเรื่องการเรียนอย่างเคร่งครัด หากนักศึกษามีผลการเรียนในรายวิชาไม่เป็นไปตามเกณฑ์ควรดำเนินการตามมาตรการเพื่อเสริมสร้างความรู้ของนักศึกษาอย่างเคร่งครัดจนกว่าผลที่ออกมาจะเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด
ซึ่งการจัดทำแนวปฏิบัติดังกล่าวต้องการการยืนยันถึงประสิทธิภาพของการนำแนวปฏิบัติไปใช้และต้องการเพิ่มเติมรายละเอียดในแต่ละขั้นตอนหากภาควิชาใดนำไปปฏิบัติแล้วและมีข้อเสนอแนะ ช่วยเสนอให้ทราบเพื่อเป็นหลักฐานเชิงประจักษ์

ศศิธร ชิดนายี
หัวหน้างานวิจัย การจัดการความรู้และวิเทศสัมพันธ์

แนวทางการการทำวิจัยด้านการส่งเสริมสุขภาพทุกช่วงวัย วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี อุตรดิตถ์

Blogged under การจัดการความรู้ วพบ.อต. by admin on วันจันทร์ 10 มีนาคม 2014 at 9:18 am

แนวทางการการทำวิจัยด้านการส่งเสริมสุขภาพทุกช่วงวัย วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี อุตรดิตถ์
จากการดำเนินการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านการทำวิจัยด้านการส่งเสริมสุขภาพสามารถสรุปออกมาเป็นแนวปฏิบัติของวิทยาลัยได้ดังนี้
๑.ควรดำเนินการวิจัยให้ครบทุกกลุ่มได้แก่
๑) ในสถานพยาบาล หมายถึง โรงพยาบาล
และ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพระดับตำบล
๒) กลุ่มเป้าหมาย คือ ผู้ป่วย ญาติ และ care giver
๓) การสร้างเสริมสุขภาพควรคำนึงถึง บริบทต่าง ๆ
๒. บูรณาการกับการเรียนการสอน การพัฒนาบุคลากร เช่น การตรวจสุขภาพ
๓. การสร้างเสริมสุขภาพสามารถให้ทั้งความรู้ การปรับทศนคติ และการส่งเสริมพฤติกรรมสุขภาพ
๔. รายวิชาวิจัยควรให้นักศึกษาทำวิจัยเกี่ยวกับการสร้างเสริมสุขภาพ
จากการสรุปเป็นแนวทางเพื่อปฏิบัตินี้หากอาจารย์แต่ละสาขาวิชานำไปปฏิบัติ แล้วค้นพบสิ่งที่เห็นว่าควรปรับปรุงหรือพัฒนาแนวทาง ขอให้แสดงความคิดเห็นร่วมด้วย หากมีเอกสารอ้างอิงด้วยจะทำให้สามารถพัฒนาเป็นแนวปฏิบัติที่มีประสิทธิภาพ มากยิ่งขึ้น
ศศิธร ชิดนายี
หัวหน้างานวิจัย การจัดการความรู้และวิเทศสัมพันธ์
วันพฤหัส 6 กันยายน 2012

แนวทางการบูรณาการการเรียนการสอนกับการสร้างเสริมสุขภาพของ

Blogged under การจัดการความรู้ วพบ.อต. by admin on วันจันทร์ 10 มีนาคม 2014 at 9:17 am

แนวทางการบูรณาการการเรียนการสอนกับการสร้างเสริมสุขภาพของ
วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี อุตรดิตถ์

๑. สร้างความเข้าใจและความกระจ่างชัดในการสร้างเสริมสุขภาพร่วมกัน
๒. การพิจาณารายวิชาที่สอดคล้องกับการสร้างเสริมสุขภาพ
๓. การวางแผนการบูรณาการการเรียนการสอนกับการสร้างเสริมสุขภาพ
๓.๑ การจัดทำมคอ. ชัดเจน กิจกรรมที่ชัดเจน จะส่งผลการวัดและประเมินผลที่สอดคล้อง
๓.๒ กำหนดสมรรถนะให้เกิดกับนักศึกษาในเรื่อง การสื่อสารที่ดี ทีมที่ดี การเขียนแผนงานและโครงการ
? การบริหารจัดการการเรียนรู้ตามสภาพจริงจะช่วยให้นักศึกษาได้ฝึกทักษะหรือสมรรถนะด้านการบริหารจัดการ ได้แก่การศึกษาและข้อมูลสภาพปัญหาการวางแผน การดำเนินการตามแผนการประเมินผล และการปรับปรุงหรือการพัฒนาต่อเนื่อง
? การสร้างสัมพันธภาพที่ดีระหว่างบุคคล
? การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า จากสถานการณ์ที่ไม่ได้เป็นดังที่คาดหวังไว้
? การสร้างเสริมความร่วมมืออันดี กับ อสม. ผู้ป่วย ญาติ และพยาบาล
? การคิดสร้างสรรค์ และการคิดอย่างมีวิจารณญาณเพื่อพัฒนาแผนงาน กิจกรรม นวัตกรรมการดูแลและสร้างเสริมสุขภาพผู้ป่วยกรณีศึกษาตามสภาพจริง
๓.๓ พัฒนานักศึกษาให้มีสมรรถนะการสร้างสัมพันธภาพและการติดต่อสื่อสารการสร้างสัมพันธภาพการประเมินผู้ป่วยในครั้งแรกที่นักศึกษาเสนอเพิ่มเติมจะเป็นขั้นตอนที่ช่วยให้นักศึกษาวิเคราะห์ปัญหาของผู้ป่วยได้ละเอียดมากยิ่งขึ้นและนำมาสู่การปฏิบัติการพยาบาลในการสร้างเสริมสุขภาพที่ครอบคลุมในทุกมิติ
๓.๔ การค้นหาทุนทางสังคม การบูรณาการได้ดีต้องมีภาคีเครือข่ายที่ดี
๓.๕ ปฏิทินการปฏิบัติงานควรมีความสอดคล้องกับปฏิทินชุมชนและปฏิบัติงานของทีมอ.ส.ม. ทีมพยาบาลชุมชนและองค์กรชุมชนเพื่อให้เกิดความทำงานที่สอดประสานกันและมีประสิทธิภาพ
๓.๖ วางแผนการพัฒนาผลการเรียนรู้ (Learning Outcome [LO]) ในด้านการสร้างเสริมสุขภาพ (domain) ควรมีความสัมพันธ์และสอดคล้องกันระหว่าผลลัพธ์การเรียนรู้ กิจกรรมการสอนและกิจกรรมการวัดประเมินผล โดยยึดหลักตามกรอบแนวคิด?OLE Alignment? (Outcome-Learning activity-Evaluation activity Alignment)การดำเนินกิจกรรมการเรียนการสอนภาคปฏิบัติที่มีการบูรณาการกับการสร้างเสริมสุขภาพตามแผนที่วางไว้นั้นควรมีการดำเนินการแบบมีส่วนร่วมในทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะการมีส่วนร่วมแบบภาคีเครือข่ายระดับท้องถิ่นหรือประชาชนที่เกี่ยวข้องซึ่งนอกจากจะก่อให้เกิดการดำเนินการแบบคล่องตัวยังทำให้เกิดความต่อเนื่องและยั่งยืนทั้งด้านกระบวนการและผลลัพธ์การดำเนินการเรียนการสอนและการสร้างเสริมสุขภาพ
๓.๗ เครือข่ายความร่วมมือในส่วนของชุมชน ควรพิจารณา ดังนี้
๑) เครือข่ายความร่วมมือหลักที่สำคัญ ได้แก่ เครือข่ายภาคประชาชนทั้งที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ เช่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อสม. เป็นต้น
๒) เครือข่ายความร่วมมือ ส่วนองค์กรในชุมชนทั้งภาครัฐและเอกชน เช่นโรงเรียน สถานบริการสุขภาพในท้องถิ่น องค์การบริหารส่วนท้องถิ่นโดยเฉพาะองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นนั้นถือว่าเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยผลักดันและเสริมความเข้มแข็งของดำเนินงานและผลลัพธ์ยั่งยืน
๔. การดำเนินการบูรณาการการเรียนการสอนกับการสร้างเสริมสุขภาพ
๔.๑ การทำมคอ.ที่มีวัตถุประสงค์ของการบูรณาการกับการสร้างเสริมสุขภาพที่ชัดเจน
วัตถุประสงค์และผลลัพธ์การเรียนรู้ของรายวิชาภาคปฏิบัติโดยพิจารณาความสอดคล้องกับการสร้างเสริมสุขภาพ เช่น
?วางแผนและจัดกิจกรรมสร้างเสริมศักยภาพของผู้สูงอายุที่มีปัญหาสุขภาพหรือญาติในการควบคุมและดูแลปัญหาสุขภาพผู้สูงอายุได้?
๔.๒ กิจกรรมการเรียนการสอนที่ชัดเจน อาศัยการสื่อสารที่ดี ทำให้เกิดทีมที่ดี
๔.๓ การบูรณาการการเรียนการสอนภาคปฏิบัติการพยาบาลสามารถทำได้ทั้งที่ชุมชนและการบูรณาการในหอผู้ป่วยการบูรณาการในหอผู้ป่วย เช่น การแนะนำผู้ป่วยก่อนกลับบ้าน D/C plan
๕. การวัดและประเมินผล
๕.๑ การวัดและประเมินผลนอกจากประเมินผู้เรียนตามวัตถุประสงค์และผลการเรียนรู้ ของรายวิชาแล้วควรพิจารณาเพิ่มเติมในส่วนของผู้รับบริการ/ประชาชนกลุ่มเป้าหมายหรือผลลัพธ์ด้านการสร้างเสริมสุขภาพที่ชัดเจน โดยประเมินเป็นระยะๆ ดังนี้
ระยะแรกให้ระบุการวัดความรู้เกี่ยวกับปัญหาและการแก้ไขปัญหาสุขภาพหรือการวัดความตระหนักในความรับผิดต่อสุขภาพเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพหรือผลกระทบต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น หรือวัดทักษะการจัดการปัญหาสุขภาพภายหลังกิจกรรมเสร็จสิ้น
ระยะหลังให้ระบุการวัดเพิ่มในประเด็นการแสดงพฤติกรรมหรือการคงไว้ซึ่งพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพนั้นๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งการวัดดังกล่าว อาจวัดเป็นระยะๆ เช่นทุก ๑ สัปดาห์ หรือ ๒ สัปดาห์ หรือ ๑ เดือน เป็นต้นซึ่งขึ้นอยู่กับความเหมาะสม
๕.๒ จะต้องวัดผลที่เกิดกับนักศึกษา สำหรับผลที่เกิดกับผู้ป่วยหรือประชาชน ถือเป็น outcome เชิงประจักษ์สำหรับที่หอผู้ป่วยจะแตกต่างการประเมินผลของผู้ป่วยที่มีสุขภาพที่ดีขึ้น
๕.๓ มีการประเมินผลมาเป็นคะแนนฝึกปฏิบัติ
๖ .การพิจารณาผลกระทบ
-นักศึกษาสามารถนำมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันได้นักศึกษาสามารถสร้างเสริมสุขภาพตนเองได้ทำสื่อได้ด้วยตนเองโดยใช้อุปกรณ์และสร้างสื่อเป็นวีดีโอเพื่อไปให้ชุมชนใช้ต่อไป
๗. การบูรณาการกับพันธกิจอื่น เช่น บริการวิชาการ วิจัย
แต่ละภาควิชามีการพิจารณาในประเด็นการบริการวิชาการ และการวิจัยไปด้วยเพื่อที่จะสามารถยืนยันผลของการทำงาน เช่น การบูรณาการการสร้างเสริมสุขภาพกับการเรียนการสอนและบริการวิชาการ ที่นำความรู้จากรายวิชา เพื่อนำไปให้ความรู้ หรือการตรวจสุขภาพเพื่อป้องกันการเกิดโรคให้กับประชาชน หลังจากที่มีการบูรณาการกับบริการวิชาการแล้ว ได้ดำเนินการทำวิจัยต่อเนื่อง เพื่อเป็นการต่อยอดความรู้

ศศิธร ชิดนายี
หัวหน้างานวิจัย การจัดการความรู้และวิเทศสัมพันธ์
วันพฤหัส 6 กันยายน 2012

แนวปฏิบัติที่ดีในการเตรียมนักศึกษาเพื่อเป็นพยาบาลวิชาชีพ

Blogged under การจัดการความรู้ วพบ.อต. by admin on วันจันทร์ 10 มีนาคม 2014 at 9:16 am

วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี อุตรดิตถ์
แนวปฏิบัติที่ดีในการเตรียมนักศึกษาเพื่อเป็นพยาบาลวิชาชีพ

จากการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และการค้นหาความรู้เพิ่มเติมในด้านการเตรียมนัก ศึกษาเพื่อเป็นพยาบาลที่ดี งานจัดการความรู้ได้สรุปออกมาเป็นแนวปฏิบัติดังนี้
ขั้นตอนการดำเนินงาน
๑.ปฐมนิเทศให้แก่นักศึกษาชั้นปีที่ ๑ ทราบเส้นทางการเรียนการสอนและการก้าวเข้าสู่วิชาชีพพยาบาลตั้งแต่เริ่มต้น เรียน จนสอบประมวลความรู้ความสามารถทางการพยาบาล และการสอบขึ้นทะเบียนรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ
๒.การจัดการเรียนการสอนภาคทฤษฎีใช้การจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้ เรียนเป็นสำคัญ มีการกระตุ้นให้ผู้เรียนสร้างความรู้ สรุปเป็นความรู้ของตนเอง เช่น การทำแผนผังความคิด และการจัดการเรียนการสอนภาคปฏิบัติควรให้นักศึกษาสามารถเชื่อมโยงจากทฤษฎี สู่การปฏิบัติ (ใช้สรุปแนวทางการปฏิบัติที่ดี (Best Practiceการจัดการเรียนการสอนภาคปฏิบัติในคลินิก สำหรับนักศึกษาหลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต)
๓. ในระหว่างที่ฝึกปฏิบัติ อาจารย์ที่นิเทศภาคปฏิบัติควรสามารถชี้ประเด็นที่สำคัญๆของการฝึกปฏิบัติที่ เชื่อมโยงกับทฤษฎี และมีการเน้นย้ำให้นักศึกษามีกระบวนการจัดเก็บความรู้อย่างเป็นระบบ เช่น ทำแผนผังความคิดแต่ละโรค หรือการบันทึกย่อสิ่งที่สำคัญ สำหรับการฝึกในชั้นปี ๔ ควรมีการจัดให้มีการ Conference โดยเน้นการดูตาม Test Blue Print ของสภาการพยาบาลเพื่อให้นักศึกษาได้รับประสบการณ์ครบถ้วน
๔. สร้างขวัญและกำลังใจให้นักศึกษามีเจตคติที่ดีต่อวิชาชีพในแต่ละชั้นปี และบอกถึงเส้นทางความก้าวหน้าของการประกอบวิชาชีพพยาบาลโดยให้รุ่นพี่หรือ ศิษย์เก่ามีส่วนร่วม
๕.กระตุ้นให้นักศึกษามีความตั้งใจเรียนตั้งแต่ต้น คือ ชั้นปีที่ ๑ เพราะทุกรายวิชาสามารถนำมาเป็นพื้นฐานสำหรับวิชาในชั้นปีสูงๆ และให้แจกTest Blue Print ของสภาการพยาบาลให้กับนักศึกษา
๖. ในตอนปลายของชั้นปีที่ ๓ ควรมีการจัดสอบเพื่อประเมินความรู้ความสามารถทางการพยาบาลของนักศึกษา เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการจัดกลุ่มนักศึกษาเพื่อเตรียมตัวในชั้นปีที่ ๔ การแบ่งกลุ่มเพื่อเตรียมทบทวนความรู้ควรแบ่งตามความรู้ที่มีอยู่ ทั้งนี้ฝ่ายวิชาการควรมีการอธิบายให้กับนักศึกษาทราบวัตถุประสงค์ของการแบ่ง กลุ่ม ในขั้นนี้การตรวจข้อสอบแบ่งตามหัวข้อเพื่อเป็นข้อมูลสำหรับนักศึกษาและ อาจารย์ทราบว่าเด็กแต่ละคนมีจุดบกพร่องด้านใด
๗. ในชั้นปีที่ ๔ การทบทวนความรู้ควรเริ่มจากให้นักศึกษามีการทบทวน Concept สำคัญก่อน โดยนักศึกษาสามารถทบทวนได้โดยการชี้ประเด็นโดยผู้สอนผ่านการประชุมปรึกษาทางการพยาบาล
๘. ในชั้นปีที่ ๔ นักศึกษาจะมีความเครียดมากขึ้นตามลำดับโดยเฉพาะช่วงที่ใกล้สอบ วิทยาลัยควรจัดกิจกรรมในการเสริมสร้างพลังใจให้กับนักศึกษาเป็นระยะพร้อมกับ ให้นักศึกฯวิเคราะห์จุดอ่อน จุดแข็งของตนเองรวมทั้งหาแนวทางในการกำจัดจุดอ่อน เช่น การจัดให้ออกนอกสถานที่ การจัดกิจกรรมเสริมสร้างพลังใจ
๙. ในช่วงสุดท้ายการทบทวนความรู้ที่จัดให้ควรมีการแนะแนวเกี่ยวกับเทคนิควิธี การทำข้อสอบแต่ละรายวิชา เนื่องจากพบว่าศิษย์เก่าบอกว่าปัญหาที่สำคัญคือไม่รู้ว่าควรจะจัดการกับการ ทำข้อสอบแต่ละรายวิชาอย่างไร
๑๐.ในการทบทวนความรู้ควรให้นักศึกษามีส่วนร่วมโดยสอบถามความคิดเห็นถึงความต้องการการช่วยเหลือต่างๆ
๑๑. ผู้บริหารทุกระดับโดยเฉพาะระดับสูงของวิทยาลัยควรมีบทบาทในการสร้างขวัญและกำลังใจแก่นักศึกษา
๑๒. ใช้มาตรการหรือแนวทางการช่วยเหลือนักศึกษาที่มีปัญหาเรื่องการเรียนอย่าง เคร่งครัด หากนักศึกษามีผลการเรียนในรายวิชาไม่เป็นไปตามเกณฑ์ ควรดำเนินการตามมาตรการเพื่อเสริมสร้างความรู้ของนักศึกษาอย่างเคร่งครัด จนกว่าผลที่ออกมาจะเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด
ซึ่งการจัดทำแนวปฏิบัติดังกล่าวต้องการการยืนยันถึงประสิทธิภาพ ของการนำแนวปฏิบัติไปใช้และต้องการเพิ่มเติมรายละเอียดในแต่ละขั้นตอนหากภาค วิชาใดนำไปปฏิบัติแล้วและมีข้อเสนอแนะ ช่วยเสนอให้ทราบ เพื่อเป็นหลักฐานเชิงประจักษ์

ศศิธร ชิดนายี
หัวหน้างานวิจัย การจัดการความรู้และวิเทศสัมพันธ์
วันพฤหัส 6 กันยายน 2012

แนวทางการจัดการเรียนการสอนภาคปฏิบัติของนักศึกษาโดยเน้นการจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning

Blogged under KM ของ ภาควิชาการพยาบาลสูติศาสตร์ by jiraporn on วันพฤหัส 19 กันยายน 2013 at 6:19 am

KM7ถอดบทเรียนการเสวนาในการจัดการความรู้ ( KM )

ภาควิชาการพยาบาลสูติศาสตร์

เรื่อง แนวทางการจัดการเรียนการสอนภาคปฏิบัติงานของนักศึกษา ครั้งที่ ๒

โดยเน้นกระบวนการเรียนการสอนแบบ Active Learning

ณ ห้องประชุมภาควิชาการพยาบาลสูติศาสตร์ ?

วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี อุตรดิตถ์

ครั้งที่ ๑ วันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๖

ครั้งที่ ๒ วันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๖

?

ผู้เข้าร่วมประชุม
๑. นางสาวสิตานันท์ ?? ??????? ศรีใจวงศ์ ????????? ประธาน
๒. นางสาววรรณวดี??? ?????? เนียมสกุล
๓. นางสาวศศมน ?????? ??????? ศรีสุทธิศักดิ์
๔. นางภิญญารัช ?????? ??????? บรรเจิดพงศ์ชัย
๕. นางสาวอรทัย ?????? ??????? แซ่ตั้ง

๖. นางสาวดาราวรรณ ??????? ดีพร้อม
๗. นางสาวจิราพร ???? ??????? วิศิษฏ์โกศล ?????? เลขานุการ

เปิดประชุมเวลา ๑๓.๓๐ น.

ระเบียบวาระที่ ๑ เรื่องที่ประธานแจ้งให้ทราบ

๑.?????????????? คณะกรรมการจัดการองค์ความรู้ของวิทยาลัยฯ ได้กำหนดประเด็นในการจัดการความรู้ให้สอดคล้องกับพันธกิจของวิทยาลัยฯ ด้านวิชาการ ๒ เรื่อง ได้แก่ การจัดการเรียนการสอนเพื่อเตรียมความพร้อมของนักศึกษาในการสอบขึ้นทะเบียนใบประกอบวิชาชีพ และแนวทางพัฒนาการจัดการเรียนการสอนภาคปฏิบัติ โดยในปีการศึกษา ๒๕๕๖ เน้นกระบวนการจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning

๒.????????????? แนวทางในการดำเนินงานเพื่อการจัดการองค์ความรู้เรื่อง? การจัดการเรียนการสอนเพื่อเตรียมความพร้อมของนักศึกษาในการสอบขึ้นทะเบียนใบประกอบวิชาชีพ ทบทวนประสบการณ์เดิมเพื่อเสริมการบริหารจัดการใหม่ คือ

๒.๑ การแสวงหาความรู้
๒.๒ การวิเคราะห์ความรู้ เพื่อหาแนวทางในการพัฒนา
๒.๓ การสังเคราะห์ความรู้
๒.๔ นำข้อมูลลง web blog ของวิทยาลัยฯและมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน
๒.๕ สรุปและจัดระเบียบความรู้

๒.๖ การแสดงผลงาน
๒.๗ การประยุกต์ใช้ความรู้

??????? ๓. ในรอบปีการศึกษา ๒๕๕๔-๒๕๕๕ ภาควิชาการพยาบาลสูติศาสตร์ได้มีการเสวนาในการจัดการองค์ความรู้ (KM) เกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอนเพื่อเตรียมความพร้อมของนักศึกษาในการสอบขึ้นทะเบียนใบประกอบวิชาชีพ และแนวทางพัฒนาการจัดการเรียนการสอนภาคปฏิบัติ ซึ่งภายหลังจากการนำองค์ความรู้มาเป็นแนวทางในการจัดการเรียนการสอนภาคปฏิบัติของนักศึกษาพบว่า นักศึกษาสามารถปฏิบัติการพยาบาลในการดูแลสตรีในระยะตั้งครรภ์ ระยะคลอด และหลังคลอดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น จากการประเมินของอาจารย์นิเทศ และอาจารย์พี่เลี้ยงแหล่งฝึก และในปีการศึกษา ๒๕๕๖ ภาควิชาควรจะมีการจัดการองค์ความรู้เพื่อพัฒนาแนวทางในการฝึกปฏิบัติของนักศึกษาให้เป็นระบบและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นโดยเน้นกระบวนการเรียนการสอนแบบ Active Learning?

?

วาระที่ ๒ ?รับรองรายงานการประชุม และเรื่องสืบเนื่อง

????????????? ไม่มี

?

วาระที่ ๓ เรื่องพิจารณา

๓.๑ การวิเคราะห์ความรู้และการสังเคราะห์ความรู้

ในขั้นตอนนี้ได้ให้อาจารย์ทุกท่านเสนอประสบการณ์การแลกเปลี่ยนเรียนรู้การเตรียมความพร้อมของนักศึกษาในการขึ้นฝึกปฏิบัติงานและการจัดการเรียนการสอน รูปแบบ เทคนิคการเรียนการสอน รวมทั้งเสนอปัญหาและอุปสรรคที่เกิดขึ้นในระหว่างการฝึกปฏิบัติงานในรอบปีที่ผ่านมา

วิชา การพยาบาลมารดา ทารกและการผดุงครรภ์ ๑?

จุดเด่น

๑.??? มีการจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning? ในรูปแบบของการสอนแบบโครงงาน (Project-base learning) โดยมีการ บูรณาการการจัดการเรียนการสอนกับการทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมไทย และมีการจัดนิทรรศการ/โครงการบริการวิชาการเรื่อง ?แม่ลูกปลอดภัย ด้วยวิถีไทยและภูมิปัญญา? แก่สตรีวัยเจริญพันธุ์ สตรีในระยะตั้งครรภ์ คลอด และหลังคลอด โดยการประยุกต์ใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นในการส่งเสริมสุขภาพสตรีวัยเจริญพันธุ์

๒.?? มีการจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning? ในรูปแบบของการเขียนบันทึก (Keeping journals or logs) โดยมีการจัดให้นักศึกษาขึ้นสังเกตการณ์ทำคลอดที่โรงพยาบาลอุตรดิตถ์คนละ ๒-๓ ครั้ง ระหว่างเวลา ๑๘.๐๐-๒๐.๐๐ น. และจัดทำรายงานการสังเกตการณ์คลอด รวมถึงเขียนบันทึกเรื่องราวต่างๆ หรือประสบการณ์ที่ได้รับจากการสังเกตการคลอดส่งอาจารย์ประจำกลุ่ม โดยอาจารย์ประจำกลุ่มจะมีการอภิปรายกลุ่มย่อยเกี่ยวกับสิ่งที่ได้รับจากการขึ้นไปสังเกตการคลอด ปัญหาและอุปสรรคที่พบในระหว่างการขึ้นสังเกตการคลอด และอาจารย์ประจำกลุ่มให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการทำรายงานการสังเกตการคลอด เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมของนักศึกษาก่อนการขึ้นฝึกปฏิบัติงานจริง

ปัญหาและแนวทางการปรับปรุงแก้ไข

๑.?? อาจารย์จะบรรยายและอภิปรายเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นอาจารย์ควรมีการสอนด้วยวิธีหลากหลายที่เน้นการมีส่วนร่วมของนักศึกษา

๒.?? เป็นเนื้อหาใหม่สำหรับนักศึกษา ดังนั้นจึงขอให้อาจารย์ใช้วิธีการบรรยายแบบมีส่วนร่วม? ร่วมกับวิธีการสอนแบบสาธิต?????? และสาธิตย้อนกลับ รวมทั้งการศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง

๓.? ศัพท์ที่เกี่ยวข้องทางด้านสูติศาสตร์มีจำนวนมาก และเป็นศัพท์ที่นักศึกษาไม่เคยเจอมาก่อน ดังนั้นจึงได้ทำเอกสารเฉพาะศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับสูติศาสตร์

๔.?? นักศึกษาไม่มีประสบการณ์ในการดูแลสตรีในระยะตั้งครรภ์ คลอด และหลังคลอด ภาควิชาจึงได้จัดทำ VCD และคู่มือเกี่ยวกับการตรวจครรภ์ การทำคลอดกับหุ่นไฟฟ้า การตรวจรก การอาบน้ำทารก และการตรวจร่างกายทารกแรกเกิด เพื่อให้นักศึกษาได้นำไปศึกษาด้วยตนเอง ซึ่งเป็นการจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning? ในรูปแบบของการเรียนรู้แบบทบทวนโดยผู้เรียน (student-led review sessions)

วิชา ปฏิบัติการพยาบาลมารดา ทารกและการผดุงครรภ์ ๑

จุดเด่น

๑.?? แหล่งฝึกหลากหลายได้แก่ แผนกฝากครรภ์ ๒ สัปดาห์ แผนกห้องคลอด ๔ สัปดาห์ และแผนกหลังคลอด ๒ สัปดาห์ ที่โรงพยาบาลอุตรดิตถ์

๒.? มีการจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning? ในรูปแบบของการสอนแบบใช้ปัญหาเป็นฐาน (problem-base learning) โดยได้เรียนรู้จากสถานการณ์จริงในการดูแลสตรีในระยะตั้งครรภ์ คลอด และหลังคลอด ?

๓.? มีการจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning? ในรูปแบบของการเรียนรู้แบบแลกเปลี่ยนความคิด (think-pair-share) โดยมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างนักศึกษา อาจารย์นิเทศ อาจารย์พี่เลี้ยงแหล่งฝึก และสูติแพทย์? ?ทำให้ นศ.เกิดทักษะในการปฏิบัติการพยาบาลและได้รับความรู้เพิ่มขึ้น

๔.??? มีการเตรียมความพร้อมให้กับนักศึกษาโดยการจัดสอบก่อนและหลังฝึกปฏิบัติงานแต่ละแผนก และมีการแจกแผ่น VCD เรื่อง การตรวจครรภ์ การตรวจรก การทำคลอดกับหุ่นไฟฟ้า การตรวจร่างกายทารก และการอาบน้ำทารกแรกเกิดเพื่อให้นักศึกษา ศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง และจัด Clinical teaching เรื่องการใช้กระบวนการพยาบาลในการดูแลสตรีในระยะตั้งครรภ์ คลอด และหลังคลอด การประเมินความก้าวหน้าของการคลอด และการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ??

๕.??? แผนกห้องคลอดจัดให้นักศึกษาขึ้นเวร เช้า บ่ายและดึก เพื่อให้ได้ประสบการณ์ครบ

๖.??? มีการเตรียมความพร้อมของนักศึกษาสู่ประชาคมอาเซียน โดยการเสวนาเกี่ยวกับความเชื่อในการดูแลสตรีในระยะตั้งครรภ์ คลอด และหลังคลอดของแต่ละประเทศ โดยใช้ภาษาอังกฤษ

ปัญหาและแนวทางแก้ไข

๑.???? อาจารย์นิเทศภาระงานมาก เนื่องจากอาจารย์ทุกท่านมีภาระงานที่มากและมีหน้าที่ทั้งงานหลักคืองานด้านการสอนและงานบริหาร ซึ่งทุกคนจำเป็นต้องปฏิบัติหน้าที่ของตน ข้อนี้ไม่สามารถแก้ไขได้ ดังนั้นจึงจำเป็นที่อาจารย์ทุกท่านต้องบริหารจัดการเวลาเอง เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อการนิเทศการฝึกปฏิบัติของนักศึกษา ?

วิชา การพยาบาลมารดา ทารกและการผดุงครรภ์ ๒

?????? ?????? จุดเด่น

๑.??? มีการเชิญสูติแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมาสอนในหัวข้อเกี่ยวกับโรคที่เกิดร่วมกับการตั้งครรภ์

๒.?? มีการมอบหมายให้นักศึกษาแบ่งกลุ่มศึกษาค้นคว้าในหัวข้อการพยาบาลสตรีที่มีโรคร่วมกับการตั้งครรภ์

ปัญหาและแนวทางการแก้ไข

๑.?????????????? หลังจากการเรียนให้นักศึกษาสรุป mapping ทุกหัวข้อ อ. ไม่มีเวลาตรวจและ นศ.ประเมินว่างานมีจำนวนมาก แก้ไขโดยให้ นศ.สรุป mapping กลุ่มละ 2 concept และสังเคราะห์ความรู้และตั้งเป็นโจทย์ปัญหาและนำเสนอ อาจารย์พยาบาลสอนการพยาบาลตาม

๒.????????????? ?เนื้อหาค่อนข้างเยอะ อาจารย์จึงควรสอนให้นักศึกษาคิดเชิงซ้อนมากขึ้น โดยเอาสถานการณ์จริงที่เคยเจอบนหอผู้ป่วยมาใช้เป็นสถานการณ์ให้นักศึกษาวิเคราะห์

วิชา ปฏิบัติการพยาบาลมารดา ทารก และการผดุงครรภ์ ๒

?????? ?????? จุดเด่น

๑.??? มีการนำตัวอย่างข้อสอบมาให้นศ. ฝึกวิเคราะห์ โดยให้นักศึกษาฝึกวิเคราะห์และหาเหตุผลเอง และมีอาจารย์ผู้นิเทศเป็นผู้ชี้แนะและเป็นที่ปรึกษา เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมก่อนการสอบขึ้นทะเบียนใบประกอบวิชาชีพ

๒.??? เน้นการจัดการเรียนการสอนแบบ bed side teaching เพื่อฝึกให้นักศึกษาวิเคราะห์ case กรณีศึกษา และสามารถวางแผนให้การพยาบาลได้จริง

๓.?? มีการจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning? ในรูปแบบของการเรียนรู้แบบแลกเปลี่ยนความคิด (think-pair-share) ?โดยมีการจัดเสวนาเกี่ยวกับการพยาบาลสตรีในระยะตั้งครรภ์ คลอด และหลังคลอดที่มีภาวะแทรกซ้อน และมีโรคร่วมกับการตั้งครรภ์

ปัญหาและแนวทางการแก้ไข

๑.???? ระยะเวลาน้อย

๒.??? Case LR ไม่หลากหลายและการช่วยคลอดสูติศาสตร์หัตถการมีน้อย และขึ้นฝึกปฏิบัติงานพร้อมกับนักศึกษาแพทย์ แก้ไขโดยจัดให้นักศึกษา On call และมีการ oral test ในกรณีที่นักศึกษาไม่ได้ช่วยคลอดสูติศาสตร์หัตถการ

ข้อคิดจากอาจารย์

๑.???? การเรียนรู้จากประสบการณ์ทั้งข้อด้อย-ข้อดีเป็นสิ่งสำคัญ สภาพแวดล้อมการเรียนการสอนแต่ละปีแตกต่างกัน

๒.??? ข้อสอบของสภาการพยาบาลจะใช้วิธีคิด ๒-๓ ชั้น จะต้องเน้นให้พิจารณาให้ดี ถ้า นศ.คิดไม่เป็นระบบ จะต้องเน้นการฝึกคิดวิเคราะห์ให้เป็นระบบมากขึ้น ?

ความคิดเห็นของนักศึกษาต่อการสอบในปีการศึกษา ๒๕๕๕

๑. ?สิ่งที่ทำให้สอบผ่านวิชาผ่านการพยาบาลมารดาทารกและผดุงครรภ์ได้คือการทำmapping และการตรวจและสะท้อนกลับของอาจารย์ ทำให้เข้าใจและตั้งใจทำมากขึ้น แล้วใช้เวลาอ่าน จำเฉพาะ concept ซึ่งจะค่อนข้างเชื่อมโยงแต่สามารถจำได้ดีกว่าการอ่านหนังสือเนื่องจากเราได้ผ่านกระบวนการคิดวิเคราะห์และกรองออกมาในภาษาของตัวเราเอง

๒.??????????????????????? ทำข้อสอบไม่ทันเวลาเพราะตั้งใจมาก ไม่อยากผิดเลยทำให้ใช้เวลาในการทำข้อสอบแต่ละข้อนาน

๓.??????????????????????? รู้ว่าตัวเองเรียนไม่เก่ง ฟังคนอื่นไม่เข้าใจ ใช้วิธีทบทวนเองดีกว่า

๔.??????????????????????? ?ปัจจัยที่ช่วยให้สอบผ่านคือการเข้าติว เพราะเป็นการทบทวนสิ่งที่เรียนมา ถ้าได้มีการเตรียมตัวอ่านก่อนการเข้าติวแล้วจะเป็นประโยชน์อย่างมากถ้าไม่มีการอ่านหรือเตรียมตัวมาก่อนมาติวจะไม่ค่อยรู้เรื่องและเข้าใจมากนัก

๕.??????????????????????? ?ผลการสอบไม่ผ่านผดุงครรภ์ มาสอบ oral ตอบไม่ค่อยได้

๖. ?สิ่งที่ทำให้ผ่าน คือการอ่านบ่อยๆเพราะเป็นการทบทวนและเน้นให้จำและเข้าใจมากขึ้น

๗.????????????????????? ไม่ชอบอ่านหนังสือ ชอบฟังที่เพื่อนเล่า ใช้วิธีจับกลุ่มเล่าประสบการณ์ อ่านจากสรุปลายมือตัวเองจะเข้าใจมากขึ้น ถ้าไม่เข้าใจจะถามเพื่อน ถ้าเพื่อนตอบไม่เหมือนกันก็อ่านหนังสือ ทำข้อสอบของวิทยาลัยพบความหลากหลายของข้อสอบที่เนื้อหาเดียวกัน

๘.??????????????????????? ถ้ามีการติวตั้งแต่ปี ๓ จะได้ความรู้เต็มที่มากกว่าตอนที่มาเริ่มติวปี ๔ รู้สึกว่าได้ความรู้ครึ่งๆ กลางๆไม่เต็มที่

๙.?????????????????????? เอกสาร/ข้อสอบต่างๆได้จากร้านถ่ายเอกสารได้นำมาแลกเปลี่ยนจากวิทยาลัยอื่นๆซึ่งทำให้หลากหลาย

๑๐.?? การติวถ้าจัดทุกวันรู้สึกไม่อยากมา อยากอ่านเองบ้าง เลือกอาจารย์ที่จะเข้าฟัง อยากให้ติวทั้งเนื้อหาและข้อสอบสอนวิธีคิดในประเด็นต่างๆ

วิธีการจัดการเรียนการสอนที่ช่วยให้เข้าใจ

๑.?? การเรียนเป็นกลุ่มทำให้เห็นจุดอ่อนตัวเอง+ให้เพื่อนช่วยอธิบาย

๒.? อยากให้จัดฝึกกับเรียนควบคู่ไปด้วยกัน เจอ case แล้วมาถามจะเข้าใจมากยิ่งขึ้น

๓.? วิธีการสอน+สะท้อนกลับของอาจารย์แต่ละคนต่างกัน ถ้าได้แลกเปลี่ยนกับเพื่อนต่างกลุ่มจะเข้าใจมากขึ้น

๔.? การเห็นประสบการณ์บน ward จะดีกว่าสอนบรรยาย

๓.๒ สรุปประเด็นความรู้ที่ได้

ผลการจัดการความรู้ในภาควิชาการพยาบาลสูติศาสตร์เรื่องแนวทางการจัดการเรียนการสอนภาคปฏิบัติ มีประเด็นดังนี้

๑.???? ควรมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และประชุมกลุ่มย่อยระหว่างอาจารย์ผู้ร่วมสอนและร่วมนิเทศเพื่อหาแนวทางในการพัฒนาการจัดการเรียนการสอนในภาคปฏิบัติเป็นระยะๆ อย่างต่อเนื่อง

๒.??? การจัดการเรียนการสอนภาคปฏิบัติควรเน้นการวิเคราะห์กรณีศึกษา ?โดยเน้นการคิดวิเคราะห์อย่างเป็นระบบ

๓.??? อาจารย์ผู้นิเทศควรดูแลนักศึกษาอย่างใกล้ชิด และหากติดภารกิจอื่นๆ ควรติดตามผลการเรียนรู้ของนักศึกษาเพื่อดูพัฒนาการของผู้เรียนและจะได้พัฒนาอย่างต่อเนื่อง

๔. ในการฝึกปฏิบัติงาน ควรมีการอภิปรายกลุ่มย่อย ก่อนและหลังการฝึกปฏิบัติงานทุกวันและมอบหมายให้นักศึกษาเขียน Reflextive thinking เพื่อเป็นการสะท้อนคิดการฝึกปฏิบัติงานของนักศึกษาและเพื่อเป็นการทำให้อาจารย์นิเทศทราบถึงปัญหาและอุปสรรคในระหว่างการฝึกปฏิบัติงาน

?

?

?

?

สรุป

แนวทางการพัฒนาการจัดการเรียนการสอนภาคปฏิบัติที่เน้น

การเรียนการสอนแบบ Active Learning เป็นกระบวนการในจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ผู้เรียนต้องมีโอกาสลงมือกระทำมากกว่าการฟังเพียงอย่างเดียว ต้องจัดกิจกรรมให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้โดยการอ่าน การเขียน การโต้ตอบ การวิเคราะห์ปัญหา อีกทั้งให้ผู้เรียนได้ใช้กระบวนการคิดขั้นสูง ได้แก่ การวิเคราะห์ การสังเคราะห์ และการประเมินค่า ดังนั้นอาจารย์ในภาควิชาจึงควรเห็นความสำคัญของการเรียนการสอนแบบ ?Active Learning ไปประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนการสอนในภาคปฏิบัติ เพื่อให้การจัดการเรียนการสอนเกิดประสิทธิภาพสูงสุด

๓.๓ นำข้อมูลลง web blog ของวิทยาลัยฯและมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน

??????????????????????????????????????????????????????????????? จิราพร วิศิษฏ์โกศล

??????????????????????????????????????????????????????? ? ผู้บันทึกรายงานการประชุม

????????????????????????????????????????

?????????????????????????????????????????????????????? สิตานันท์ ศรีใจวงศ์

??????????????????????????????????????????????? หัวหน้าภาควิชาการพยาบาลสูติศาสตร์

รายงานการประชุมการจัดการองค์ความรู้เรื่อง ?แนวทางปฏิบัติการจัดการเรียนการสอน แบบ Active Learning? ครั้งที่ ๓

Blogged under KM ของ ภาควิชาการพยาบาลอนามัยชุมชนและจิตเวช by admin on วันพุธ 18 กันยายน 2013 at 2:49 pm

รายงานการประชุมการจัดการองค์ความรู้เรื่อง ?แนวทางปฏิบัติการจัดการเรียนการสอน
แบบ Active Learning?

วันที่ ๑๑ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๖ เวลา ๑๐.๐๐ ? ๑๒.๐๐ น.
ณ ห้อง ๓๒๔ ภาควิชาการพยาบาลอนามัยชุมชนและจิตเวช
วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี อุตรดิตถ์

รายชื่อผู้เข้าร่วมการประชุม

๑. นางสาววิไลวรรณ????????? บุญเรือง ?????????? หัวหน้าภาควิชาฯ
๒. นางวิมล???????????????????? อ่อนเส็ง????????????? พยาบาลวิชาชีพชำนาญการพิเศษ
๓. นางประภาพร?????????????? มโนรัตน์ ??????????? พยาบาลวิชาชีพชำนาญการพิเศษ
๔. นางสาวดุจเดือน?????????? เขียวเหลือง???????? พยาบาลวิชาชีพชำนาญการพิเศษ
๕. นายอดุลย์????????????????? วุฒิจูรีพันธุ์?????????? พยาบาลวิชาชีพชำนาญการพิเศษ
๖. นางอัญชรี?????????????????? รัตนเสถียร????????? พยาบาลวิชาชีพชำนาญการพิเศษ
๗. นายบุญฤทธิ์??????????????? ประสิทธินราพันธุ์? พยาบาลวิชาชีพชำนาญการพิเศษ
๘. นางสาวจิระภา ??????????? สุมาลี???????????????? พยาบาลวิชาชีพปฏิบัติการ
๙. นายอิทธิพล??????????????? แก้วฟอง???????????? พยาบาลวิชาชีพปฏิบัติการ
๑๐. นายกันตวิชญ์ จูเปรมปรี พยาบาลวิชาชีพ
๑๑. นางสาวชลธิชา?????????? จับคล้าย ??????????? พยาบาลวิชาชีพ
๑๒. นายนพรัตน์?????????????? สวนปาน ??????????? พยาบาลวิชาชีพ
๑๓. นางสาวสายฝน????????? ชมคำ???????????????? พยาบาลวิชาชีพ
๑๔. นายอรรถพล ??????????? ยิ้มยรรยง??????????? พยาบาลวิชาชีพ

ผู้เข้าร่วมประชุมคิดเป็นร้อยละ ๑๐๐
ประธานที่ประชุม นางสาววิไลวรรณ? บุญเรือง
เปิดประชุมเวลา ๑๐.๐๐ น.

ระเบียบวาระที่ ๑ เรื่องแจ้งเพื่อทราบ

- ประธานแจ้งความก้าวหน้าของการดำเนินการ การนำความรู้ที่ได้รับจากการจัดการความรู้ เกี่ยวกับ แนวปฏิบัติการจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning ?กำลังอยู่ในขั้นตอนของการดำเนินการจัดการเรียนการสอนตามที่กำหนดไว้

ระเบียบวาระที่ ๒ เรื่องสืบเนื่อง

- ผลการนำความรู้ที่ได้รับจากการจัดการความรู้ เกี่ยวกับ แนวปฏิบัติการจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning ?โดย อ.จิระภา สุมาลี แจ้งดังนี้

๑) ในรายวิชาทักษะชีวิต (ภาคทดลอง) สำหรับนักศึกษาหลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิตชั้นปีที่ ๑ มีจำนวน ๒ ห้องเรียน แบ่งกลุ่มนักศึกษาเป็นชั้นเรียนละ ๕ กลุ่ม (อัตราส่วนอาจารย์:นักศึกษา เท่ากับ ๑:๑๑) ซึ่งในกระบวนการเรียนการสอนภาคทดลองของบทที่ ๑ มีเนื้อหาเกี่ยวกับการตระหนักรู้และเข้าใจตนเอง โดยมีการเตรียมด้านการเรียนการสอนดังนี้

๑) การเตรียมผู้สอน

๑.๑ อาจารย์ผู้รับผิดชอบรายวิชาวางแผนรูปแบบการเรียนการสอนตามลักษณะเนื้อหาของรายวิชา เช่น การจัดทำ มคอ.๓ จัดทำคู่มืออาจารย์ผู้สอนภาคทดลอง

๑.๒ อาจารย์ผู้รับผิดชอบรายวิชาและอาจารย์ผู้สอนภาคทดลองร่วมประชุมเพื่อกำหนดแนวทางในการจัดการเรียนการสอน การวัดประเมินผล โดยอาจารย์ผู้รับผิดชอบรายวิชาชี้แจงถึงลักษณะการเรียนการสอนภาคทดลองซึ่งกำหนดไว้ในคู่มือ ส่วนใหญ่เป็นลักษณะของการให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมเน้นการสะท้อนคิดและอาจารย์ผู้สอน ให้ข้อมูลย้อนกลับ และเชื่อมโยงเข้าสู่เนื้อหาในทฤษฎี

๑.๓ อาจารย์ผู้สอนทบทวนความรู้ในทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับการตระหนักรู้และเข้าใจตนเอง เช่น? ทฤษฎี Jo-harri Window, ทฤษฎี Maslow, ทฤษฎีของ Floyd

๒) การเตรียมผู้เรียน

๒.๑ อาจารย์ผู้รับผิดชอบรายวิชาแจ้งรายละเอียดของการเรียนการสอนกับผู้เรียน รวมถึงลักษณะของการวัดประเมินผลภาคทดลอง

๒.๒ เตรียมผู้เรียนก่อนเริ่มการเรียนการสอนทุกครั้ง โดยการฝึกสมาธิเพื่อให้ผู้เรียนมีความพร้อมก่อนการเรียนมีการกำหนดกติกาของการเข้าร่วมกิจกรรม เช่น การรักษาความลับของกลุ่ม เพื่อให้ผู้เรียนเกิดความไว้วางใจในการพูดถึงเรื่องส่วนตัว โดยผู้สอนเชื่อมโยงไปถึงคุณธรรม จริยธรรมของพยาบาลวิชาชีพที่จะต้องรักษาความลับของผู้ป่วย

๓) กระบวนการเรียนการสอน

ในชั่วโมงแรกของการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม จะมีการทำกิจกรรมแนะนำตนเองเพื่อเป็นการสร้างสัมพันธภาพของนักศึกษาภายในกลุ่มให้นักศึกษาพร้อมที่จะเรียนรู้ และเปิดใจรับเพื่อนสมาชิกในกลุ่ม ส่วนกิจกรรมอื่นๆ เช่น กิจกรรมดูหิน เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้มองเห็นถึงความแตกต่างระหว่างบุคคลการยอมรับในข้อดี ข้อเสียของผู้อื่น เรื่องกิจกรรมสวนสัตว์, ชมสวนดอกไม้ เป็นกิจกรรมให้ผู้เรียนได้สะท้อนถึง Id, Ego, Super Ego ของตนเองมองเห็นถึงข้อดี ข้อเสียที่มีในตนเองและการพัฒนาตนเองไปในทางที่ดีขึ้น

ซึ่งจากประสบการณ์การจัดการเรียนการสอนที่ผ่านมา การวัดประเมินผลจากนักศึกษาในภาคทดลองนักศึกษาส่วนใหญ่มีความพึงพอใจในการเรียนการสอน เนื่องจากนักศึกษาได้มีส่วนร่วมในกระบวนการเรียนการสอนมาก และได้มีโอกาสพูดคุยกับอาจารย์ผู้สอนและเพื่อนนักศึกษา ได้ทราบถึงแนวทางการพัฒนา ปรับปรุงตนเองให้ดีขึ้น ซึ่งค่อนข้างแตกต่างกับรายวิชาอื่น

ข้อเสนอแนะ

การจัดการเรียนการสอนในลักษณะนี้ควรคำนึงถึงอัตราส่วนของอาจารย์ผู้สอนต่อนักศึกษาที่เหมาะสม เนื่องจากกิจกรรมการเรียนการสอนต้องใช้เวลามาก ทำให้ผู้เรียนบางส่วนได้แสดงความคิดเห็นไม่ทั่วถึง

…………………………………………….

(นายนพรัตน์ สวนปาน)

ผู้บันทึกรายงานการประชุม

รายงานการประชุมการจัดการองค์ความรู้เรื่อง ?แนวทางปฏิบัติการจัดการเรียนการสอน แบบ Active Learning?ครั้งที่ ๒

Blogged under KM ของ ภาควิชาการพยาบาลอนามัยชุมชนและจิตเวช by admin on วันพุธ 18 กันยายน 2013 at 2:03 pm

รายงานการประชุมการจัดการองค์ความรู้เรื่อง ?แนวทางปฏิบัติการจัดการเรียนการสอน

แบบ Active Learning?

วันที่ ๒ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๖ เวลา ๑๓.๐๐ ? ๑๖.๐๐ น.

ณ ห้อง ๓๒๔ ภาควิชาการพยาบาลอนามัยชุมชนและจิตเวช

วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี อุตรดิตถ์

รายชื่อผู้เข้าร่วมการประชุม

๑. นางสาววิไลวรรณ บุญเรือง หัวหน้าภาควิชาฯ

๒. นางวิมล อ่อนเส็ง พยาบาลวิชาชีพชำนาญการพิเศษ

๓. นางประภาพร มโนรัตน์ พยาบาลวิชาชีพชำนาญการพิเศษ

๔. นางสาวดุจเดือน เขียวเหลือง พยาบาลวิชาชีพชำนาญการพิเศษ

๕. นายอดุลย์ วุฒิจูรีพันธุ์ พยาบาลวิชาชีพชำนาญการพิเศษ

๖. นางอัญชรี รัตนเสถียร พยาบาลวิชาชีพชำนาญการพิเศษ

๗. นายบุญฤทธิ์ ประสิทธินราพันธุ์ พยาบาลวิชาชีพชำนาญการพิเศษ

๘. นางสาวจิระภา สุมาลี พยาบาลวิชาชีพปฏิบัติการ

๙. นายอิทธิพล แก้วฟอง พยาบาลวิชาชีพปฏิบัติการ

ผู้เข้าร่วมประชุมคิดเป็นร้อยละ ๑๐๐

ประธานที่ประชุม นางสาววิไลวรรณ บุญเรือง

เปิดประชุมเวลา ๑๓.๐๐ น.

ระเบียบวาระที่ ๑ เรื่องแจ้งเพื่อทราบ

ประธานสรุปประเด็นองค์ความรู้เรื่อง แนวทางปฏิบัติการจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning จากการประชุมครั้งที่ผ่านมา

จึงแจ้งที่ประชุมทราบ

มติที่ประชุม รับทราบ

ระเบียบวาระที่ ๒ รับรองรายงานการประชุม

ไม่มี

ระเบียบวาระที่ ๓ เรื่องเพื่อพิจารณา

๑. ภาควิชาฯร่วมกันวิเคราะห์ แนวปฏิบัติการจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning ของภาควิชาการพยาบาลอนามัยชุมชนและจิตเวช ซึ่งได้มาจากการประชุมวันที่ ๒๘ ส.ค. ๕๖ ได้แนวทางปฏิบัติร่วมกันและได้มอบหมายให้อาจารย์ทุกท่านนำไปใช้ในการจัดการเรียนการสอนในบทเรียนที่ตนเองรับผิดชอบตามแนวปฏิบัติ ดังนี้

๑) จัดทำ มคอ. ในรายวิชาที่รับผิดชอบสอน กำหนดกิจกรรม การเรียนการสอนที่ใช้รูปแบบ AL

๒) จัดทำแผนการสอนที่ใช้รูปแบบ AL

๓) ดำเนินการสอนตามแผนที่กำหนด

๔) ประเมินผลการจัดการเรียนการสอน

๕) สรุปผลการจัดการเรียนการสอน

๖) นำผลการจัดการเรียนการสอนมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้

และที่ประชุมมอบหมายให้ อ.จิระภา สุมาลี ได้ทดลองนำไปใช้ในการจัดการเรียนการสอนรายวิชาทักษะชีวิต (ภาคทดลอง) และจะติดตามความก้าวหน้าในการประชุมครั้งต่อไป

…………………………………………….

(นางสาวจิระภา สุมาลี)

ผู้บันทึกรายงานการประชุม

รายงานการประชุมการจัดการองค์ความรู้เรื่อง ?แนวทางปฏิบัติการจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning”

Blogged under KM ของ ภาควิชาการพยาบาลอนามัยชุมชนและจิตเวช by admin on วันพุธ 18 กันยายน 2013 at 9:29 am

รายงานการประชุมการจัดการองค์ความรู้เรื่อง ?แนวทางปฏิบัติการจัดการเรียนการสอน
แบบ Active Learning?

วันที่ ๒๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ เวลา ๑๓.๐๐ ? ๑๖.๐๐ น.
ณ ห้อง ๓๒๔ ภาควิชาการพยาบาลอนามัยชุมชนและจิตเวช
วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี อุตรดิตถ์

รายชื่อผู้เข้าร่วมการประชุม

๑. นางสาววิไลวรรณ บุญเรือง หัวหน้าภาควิชาฯ
๒. นางวิมล อ่อนเส็ง พยาบาลวิชาชีพชำนาญการพิเศษ
๓. นางประภาพร มโนรัตน์ พยาบาลวิชาชีพชำนาญการพิเศษ
๔. นางสาวดุจเดือน เขียวเหลือง พยาบาลวิชาชีพชำนาญการพิเศษ
๕. นายอดุลย์ วุฒิจูรีพันธุ์ พยาบาลวิชาชีพชำนาญการพิเศษ
๖. นางอัญชรี รัตนเสถียร พยาบาลวิชาชีพชำนาญการพิเศษ
๗. นายบุญฤทธิ์ ประสิทธินราพันธุ์ พยาบาลวิชาชีพชำนาญการพิเศษ
๘. นางสาวจิระภา สุมาลี พยาบาลวิชาชีพปฏิบัติการ
๙. นายอิทธิพล แก้วฟอง พยาบาลวิชาชีพปฏิบัติการ


ผู้เข้าร่วมประชุมคิดเป็นร้อยละ ๑๐๐
ประธานที่ประชุม นางสาววิไลวรรณ บุญเรือง
เปิดประชุมเวลา ๑๓.๐๐ น.

ระเบียบวาระที่ ๑ เรื่องแจ้งเพื่อทราบ

- แจ้งเรื่อง การนำความรู้ที่ได้รับจากการจัดการความรู้ เกี่ยวกับ การบูรณาการแนวคิดการให้บริการส่งเสริมสุขภาพด้วยหัวใจความเป็นมนุษย์มาปรับใช้ในการจัดการเรียนการสอน โดย อ.อิทธิพล แก้วฟอง ดังนี้

อ.อิทธิพล แจ้งว่าได้ดำเนินการจัดการเรียนการสอนโดยทำการจัดการองค์ความรู้เรื่อง การบูรณาการแนวคิดการให้บริการส่งเสริมสุขภาพด้วยหัวใจความเป็นมนุษย์ โดยนำแนวปฏิบัติมาใช้ในรายวิชาการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันการเจ็บป่วยในบทที่ ๘ เรื่อง การใช้ทรัพยากร เทคโนโลยี และภูมิปัญญาท้องถิ่นในการส่งเสริมสุขภาพ สำหรับนักศึกษาพยาบาลศาสตร์ชั้นปีที่ ๒ โดย อ.อิทธิพล ได้ดำเนินการดังนี้

๑) ทบทวนทักษะการดูแลบุคคลด้วยหัวใจความเป็นมนุษย์โดยเน้นการสร้างเสริมสุขภาพด้วยภูมิปัญญาท้องถิ่นและเสริมสร้างพลังอำนาจให้แก่นักศึกษา โดยบรรยายถึง บทบาทพยาบาลในชุมชนที่ต้องมีคุณสมบัติพื้นฐานในการเข้าใจวิถีชีวิตตามความแตกต่างของแต่ละพื้นที่ ซึ่งแต่ละพื้นที่มีจุดเด่นของลีลาชีวิตที่แตกต่างกัน ดังนั้นความเข้าใจภูมิปัญญาหรือวิถีชีวิตด้านการส่งเสริมสุขภาพจึงเป็นกระบวนการหนึ่งของการให้กิจกรรมทางการพยาบาลในชุมชนที่เหมาะสมและสอดคล้องกับความต้องการ

๒) จัดการการเรียนการสอนตามแผนการสอนดังนี้ โดยมอบหมายให้นักศึกษาลงพื้นที่ศึกษาวิถีชีวิตด้านการส่งเสริมสุขภาพในพื้นที่ของอำเภอต่างๆ ในเขตจังหวัดอุตรดิตถ์ จากนั้นนำข้อมูลที่ได้มานำเสนอเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ตามบริบทที่ตนเองศึกษา ซึ่งการแบ่งพื้นที่ได้แบ่งตามวัฒนธรรมและความเชื่อที่คล้ายคลึงกัน

๓) สรุป ประเมินผล และถอดบทเรียน

จากการดำเนินการจัดการเรียนการสอนพบว่าหลังจากเข้าร่วมกิจกรรมทำให้ตัวผู้เรียนได้เรียนรู้วิถีชีวิตของคนในชุมชนมากขึ้น พร้อมทั้งมีแนวทางในการปรับประยุกต์ใช้ทรัพยากร เทคโนโลยี และภูมิปัญญาท้องถิ่นมาปรับประยุกต์ในการให้การพยาบาลกลุ่มคน ครอบครัว และชุมชนบนพื้นฐานของความเข้าใจความเป็นมนุษย์ โดยนักศึกษาได้ถ่ายทอดผลการศึกษาผ่านวีดีทัศน์ในการสัมภาษณ์วิถีชีวิตของคนในชุมชนและบันทึกการเรียนรู้ที่ได้รับจากการศึกษา

๔) นำผลการจัดการเรียนการสอนที่ได้ไปแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในครั้งต่อไป

หากต้องการมีการจัดการเรียนการสอนในลักษณะนี้ควรมีการกำหนดขอบเขตเนื้อหาในการศึกษาให้ชัดเจน พร้อมทั้งประสานงานพื้นที่ให้รับทราบก่อนที่นักศึกษาจะลงศึกษา

- ประธานแจ้งว่า จากการประชุมของคณะกรรมการบริหาร วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี อุตรดิตถ์ ได้กำหนดหัวข้อในการจัดการองค์ความรู้(KM) ของวิทยาลัยฯ ในหัวข้อ แนวทางปฏิบัติการจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning และเพื่อให้เกิดองค์ความรู้ ในการจัดการเรียนการสอนด้วยวิธี Active Learning และขอความร่วมมือให้อาจารย์แต่ละท่านช่วยเล่าประสบการณ์การจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning เพื่อรวบรวมวิธีการสอน กระบวนการสอน ผลการสอน ข้อดี และข้อจำกัดในการสอนแต่ละวิธี และเพื่อให้เกิดการจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning ที่มีประสิทธิภาพแก่นักศึกษา

จึงแจ้งที่ประชุมทราบ

มติที่ประชุม รับทราบ

ระเบียบวาระที่ ๒ รับรองรายงานการประชุม

ไม่มี

ระเบียบวาระที่ ๓ เรื่องเพื่อพิจารณา

จากประธานแจ้งเรื่องหัวข้อการจัดการองค์ความรู้ เรื่อง แนวทางปฏิบัติการจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning และให้อาจารย์ในภาควิชาฯ เล่าประสบการณ์การจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning เพื่อรวบรวมวิธีการสอน กระบวนการสอน ผลการสอน ข้อดี และข้อจำกัดในการสอนแต่ละวิธี และเพื่อให้เกิดการจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning ที่มีประสิทธิภาพ แก่นักศึกษา

๑. จากการทบทวนความรู้เรื่อง AL พบว่า “AL เป็นกระบวนการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้อย่างมีความหมาย โดยการร่วมมือระหว่างผู้เรียนด้วยกัน ในการนี้ ครูต้องลดบทบาทในการสอนและการให้ข้อความรู้แก่ผู้เรียนโดยตรงลง แต่ไปเพิ่มกระบวนการและกิจกรรมที่จะทำให้ผู้เรียนเกิดความกระตือรือร้นในการจะทำกิจกรรมต่างๆ มากขึ้น และอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ โดยการพูด การเขียน การอภิปรายกับเพื่อนๆ”

๒. รูปแบบของ AL การจัดการเรียนการสอนเพื่อสนับสนุนการจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning สามารถสร้างให้เกิดขึ้นได้ทั้งในและนอกห้องเรียน รวมทั้งสามารถใช้ได้กับผู้เรียนทุกระดับ ทั้งการเรียนรู้เป็นรายบุคคล, การเรียนรู้แบบกลุ่มเล็ก และการเรียนรู้แบบกลุ่มใหญ่ McKinney (๒๐๐๘) ได้เสนอรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่จะช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้แบบ Active Learning ได้ดี ได้แก่

๑) การเรียนรู้แบบแลกเปลี่ยนความคิด (Think-Pair-Share) คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนคิดเกี่ยวกับประเด็นที่กำหนดคนเดียว ๒-๓ นาที (Think) จากนั้นให้แลกเปลี่ยนความคิดกับเพื่อนอีกคน ๓-๕ นาที (Pair) และนำเสนอความคิดเห็นต่อผู้เรียนทั้งหมด (Share)

๒) การเรียนรู้แบบร่วมมือ (Collaborative learning group) คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนได้ทำงานร่วมกับผู้อื่น โดยจัดกลุ่มๆ ละ ๓-๖ คน

๓) การเรียนรู้แบบทบทวนโดยผู้เรียน (Student-led review sessions) คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ทบทวนความรู้และพิจารณาข้อสงสัยต่างๆ ในการปฏิบัติกิจกรรมการเรียนรู้ โดยครูจะคอยช่วยเหลือกรณีที่มีปัญหา

๔) การเรียนรู้แบบใช้เกม (Games) คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ผู้สอนนำเกมเข้าบูรณาการในการเรียนการสอน ซึ่งใช้ได้ทั้งในขั้นการนำเข้าสู่บทเรียน, การสอน, การมอบหมายงาน และหรือขั้นการประเมินผล

๕) การเรียนรู้แบบวิเคราะห์วิดีโอ (Analysis or reactions to videos) คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนได้ดูวิดีโอ ๕-๒๐ นาที แล้วให้ผู้เรียนแสดงความคิดเห็น หรือสะท้อนความคิดเกี่ยวกับสิ่งที่ได้ดู อาจโดยวิธีการพูดโต้ตอบกัน การเขียน หรือ การร่วมกันสรุปเป็นรายกลุ่ม

๖) การเรียนรู้แบบโต้วาที (Student debates) คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่จัดให้ผู้เรียนได้นำเสนอข้อมูลที่ได้จากประสบการณ์และการเรียนรู้ เพื่อยืนยันแนวคิดของตนเองหรือกลุ่ม

๗) การเรียนรู้แบบผู้เรียนสร้างแบบทดสอบ (Student generated exam questions) คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนสร้างแบบทดสอบจากสิ่งที่ได้เรียนรู้มาแล้ว

๘) การเรียนรู้แบบกระบวนการวิจัย (Mini-research proposals or project) คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่อิงกระบวนการวิจัย โดยให้ผู้เรียนกำหนดหัวข้อที่ต้องการเรียนรู้, วางแผนการเรียน, เรียนรู้ตามแผน, สรุปความรู้หรือสร้างผลงาน และสะท้อนความคิดในสิ่งที่ได้เรียนรู้ หรืออาจเรียกว่าการสอนแบบโครงงาน(project-based learning) หรือ การสอนแบบใช้ปัญหาเป็นฐาน (problem-based learning)

๙) การเรียนรู้แบบกรณีศึกษา (Analyze case studies) คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนได้อ่านกรณีตัวอย่างที่ต้องการศึกษา จากนั้นให้ผู้เรียนวิเคราะห์และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นหรือแนวทางแก้ปัญหาภายในกลุ่ม แล้วนำเสนอความคิดเห็นต่อผู้เรียนทั้งหมด

๑๐) การเรียนรู้แบบการเขียนบันทึก (Keeping journals or logs) คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ผู้เรียนจดบันทึกเรื่องราวต่างๆ ที่ได้พบเห็น หรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน รวมทั้งเสนอความคิดเพิ่มเติมเกี่ยวกับบันทึกที่เขียน

๑๑) การเรียนรู้แบบการเขียนจดหมายข่าว (Write and produce a newsletter) คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนร่วมกันผลิตจดหมายข่าว อันประกอบด้วย บทความ ข้อมูลสารสนเทศ ข่าวสาร และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แล้วแจกจ่ายไปยังบุคคลอื่นๆ

๑๒) การเรียนรู้แบบแผนผังความคิด (Concept mapping) คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนออกแบบแผนผังความคิด เพื่อนำเสนอความคิดรวบยอด และความเชื่อมโยงกันของกรอบความคิด โดยการใช้เส้นเป็นตัวเชื่อมโยง อาจจัดทำเป็นรายบุคคลหรืองานกลุ่ม แล้วนำเสนอผลงานต่อผู้เรียนอื่นๆ จากนั้นเปิดโอกาสให้ผู้เรียนคนอื่นได้ซักถามและแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม

ลักษณะของ Active Learning

ไชยยศ เรืองสุวรรณ (มปป.) ได้อธิบายถึงลักษณะสำคัญของการจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning ดังนี้

๑) เป็นการเรียนการสอนที่พัฒนาศักยภาพทางสมอง ได้แก่ การคิด การแก้ปัญหา การแก้ปัญหาและการนําความรู้ไปประยุกต์ใช้

๒) เป็นการเรียนการสอนที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในกระบวนการเรียนรู้สูงสุด

๓) ผู้เรียนสร้างองค์ความรู้และจัดระบบการเรียนรู้ด้วยตนเอง

๔) ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการเรียนการสอนทั้งในด้านการสร้างองค์ความรู้ การสร้างปฏิสัมพันธ์ร่วมกัน และร่วมมือกันมากกว่าการแข่งขัน

๕) ผู้เรียนได้เรียนรู้ความรับผิดชอบร่วมกัน การมีวินัยในการทํางาน และการแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบ

๖) เป็นกระบวนการสร้างสถานการณ์ให้ผู้เรียนอ่าน พูด ฟัง คิดอย่างลุ่มลึก ผู้เรียนจะเป็นผู้จัดระบบการเรียนรู้ด้วยตนเอง

๗) เป็นกิจกรรมการเรียนการสอนเน้นทักษะการคิดขั้นสูง

๘) เป็นกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนบูรณาการข้อมูล, ข่าวสาร, สารสนเทศ และหลักการสู่การสร้างความคิดรวบยอดความคิดรวบยอด

๙) ผู้สอนจะเป็นผู้อํานวยความสะดวกในการจัดการเรียนรู้ เพื่อให้ผู้เรียนเป็นผู้ปฏิบัติด้วยตนเอง

๑๐) ความรู้เกิดจากประสบการณ์ การสร้างองค์ความรู้ และการสรุปทบทวนของผู้เรียน

บทบาทของครู กับ Active Learning

ณัชนัน แก้วชัยเจริญกิจ (๒๕๕๐) ได้กล่าวถึงบทบาทของครูผู้สอนในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวทางของ Active Learning ดังนี้

๑) จัดให้ผู้เรียนเป็นศูนย์กลางของการเรียนการสอน กิจกรรมต้องสะท้อนความต้องการในการพัฒนาผู้เรียนและเน้นการนำไปใช้ประโยชน์ในชีวิตจริงของผู้เรียน

๒) สร้างบรรยากาศของการมีส่วนร่วม และการเจรจาโต้ตอบที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับผู้สอนและเพื่อนในชั้นเรียน

๓) จัดกิจกรรมการเรียนการสอนให้เป็นพลวัต ส่งเสริมให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในทุกกิจกรรมรวมทั้งกระตุ้นให้ผู้เรียนประสบความสำเร็จในการเรียนรู้

๔) จัดสภาพการเรียนรู้แบบร่วมมือ ส่งเสริมให้เกิดการร่วมมือในกลุ่มผู้เรียน

๕) จัดกิจกรรมการเรียนการสอนให้ท้าทาย และให้โอกาสผู้เรียนได้รับวิธีการสอนที่หลากหลาย

๖) วางแผนเกี่ยวกับเวลาในจัดการเรียนการสอนอย่างชัดเจน ทั้งในส่วนของเนื้อหา และกิจกรรม

๗) ครูผู้สอนต้องใจกว้าง ยอมรับในความสามารถในการแสดงออก และความคิดของที่ผู้เรียน

การเตรียมตัวด้านผู้เรียน

นอกจากจะต้องพาตัวเองหรือบังคับตัวเองให้ไปเข้าชั้นเรียนแล้ว สิ่งที่จะก่อให้เกิดบรรยากาศของ AL ได้ ผู้เรียนก็จะต้องเตรียมตัวในเรื่องต่อไปนี้ คือ

อ่านบทเรียนและหรือทำการบ้านที่ได้รับมอบหมายมาล่วงหน้า

ทบทวนสิ่งที่ได้เรียนไปแล้ว

เตรียมใจที่จะเรียนอย่างสนใจ

เตรียมกายให้พร้อมที่จะเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ

ขณะเรียน สิ่งที่จะช่วยสนับสนุนให้เกิดบรรยากาศ AL ได้นั้น ผู้เรียนจะต้องไม่ออกไปนอกห้องบ่อย พยายามนั่งแถวหน้า ซึ่งเป็นปัญหาสำหรับเด็กโตๆ ที่มีโอกาสได้เลือกที่นั่งเอง และมักจะไม่เลือกนั่งแถวหน้า นอกจากนี้ ต้องพยายามเป็นผู้ฟังที่ Active คือ ตื่นตัวตลอดเวลาว่าใครพูดอะไร ไม่ว่าจะเป็นครูหรือเพื่อนร่วมชั้น และต้องมีส่วนร่วมในการสนองตอบต่อการพูดคุยนั้น และสุดท้ายต้องจดบันทึกสม่ำเสมอ

๓. อ.ดร.ประภาพร สอนแบบ Didactic Strategic เป็นการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญโดยครูเป็นผู้ออกแบบการจัดกระบวนการเรียนรู้ให้ผู้เรียนได้บรรลุถึงวัตถุประสงค์ของการสอน เน้นให้เกิดการเรียนรู้จากกระบวนการคิดวิเคราะห์ สรุปองค์ความรู้ได้เอง ใช้สอนนักศึกษาพยาบาลชั้นปีที่ ๒ วิชาการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันการเจ็บป่วย ในบทที่ ๙ เรื่อง สถานบริการสุขภาพด้านการสร้างเสริมสุขภาพที่จัดบริการด้านการสร้างเสริมสุขภาพ จำนวน ๔ ชั่วโมง ใช้วิธีการสอน เริ่มเข้าสู่เนื้อหาโดยใช้วีดีโอ เนื้อหาเกี่ยวกับสถานการณ์จริง พบว่า นักศึกษามีความตื่นตัว สนใจในการเรียนรู้ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการสร้างเสริมสุขภาพ ให้นักศึกษาได้ดูวีดีทัศน์ ๒๐ นาที เกี่ยวกับการสร้างเสริมสุขภาพที่เชื่อมโยงกับ รพ.สต. จากนั้นให้แบ่งกลุ่มอภิปรายร่วมกัน ๒๐ นาที โดยให้ประเด็นคำถาม เหตุเกิดที่ไหน มีใครเกี่ยวข้องบ้าง เกิดผลดีอย่างไร มีความแตกต่างอย่างระหว่างสถานบริการในและนอก มีอาจารย์พิเศษจากสถานบริการร่วมบรรยาย โดยให้นักศึกษาแบ่งเป็นนายสถานี ให้นายสถานีแลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่รับผิดชอบ สรุปผลการแลกเปลี่ยนลงใน Flip Chart และอาจารย์สรุป Concept หลัก ๑๕ นาที ซึ่งวิธีการสอนแบบนี้สามารถแก้ปัญหาเรื่อง การสอนในกลุ่มใหญ่ได้ สำหรับข้อเสนอแนะในการจัดการเรียนการสอนแบบนี้คือ ควรมีการจัดการเตรียมอุปกรณ์ที่ต้องใช้ในการทำกิจกรรมให้พร้อม เช่น บอร์ด กระดาษFlip Chart เก้าอี้ เป็นต้น ตัวผู้สอนต้องเตรียมตัวให้พร้อม

๔. อ.วิมล สอนโดยให้นักศึกษาออกแบบผังความคิด (Concept Mapping) เป็นรายบุคคลในหัวข้อ การบริหารหอผู้ป่วย บทที่ ๖ วิชาบริหารการพยาบาล ให้นักศึกษานำเสนอความคิดรวบยอดและเชื่อมโยงกับกรอบความคิดในการใช้ เป็นตัวเชื่อมโยงและสุ่มนำเสนอหน้าชั้นเรียน ๒ คน และเปิดโอกาสให้ผู้เรียนซักถามแสดงความคิดเห็น ครูบรรยายสรุป การบริหารหอผู้ป่วย การสอนรูปแบบนี้พบว่า นักศึกษาบอกว่าดี ทำให้มีความเข้าใจภาพรวมการบริหารหอผู้ป่วยได้มากขึ้น การสอนวิธีนี้ช่วยแก้ปัญหาให้นักศึกษาเข้าใจรูปแบบการบริหารหอผู้ป่วยในเชิงรูปธรรมมากขึ้น

๕. อ.วิไลวรรณ จัดการเรียนการสอนโดยใช้กรณีศึกษาในรายวิชา ปฏิบัติการพยาบาลบุคคลที่มีปัญหาสุขภาพจิต โดยใช้กรณีศึกษาที่พบแล้วเขียน Concept Mapping ของวิธีการรักษาพยาบาล มาประชุมปรึกษาทางการพยาบาลในกลุ่มย่อย ๗-๘ คน พบว่า นักศึกษาสนใจดี จำได้ดี เนื่องจากประสบการณ์ตรงกับตนเองและเป็นประสบการณ์จริง, กระตือรือร้นกับผู้ป่วย, เป็นประสบการณ์แปลกใหม่ที่ไม่เคยเจอมาก่อน

๖. อ.บุญฤทธิ์ ใช้วิธีการสอน แบบ การแลกเปลี่ยนความคิด(Think-Pair-Share) ในรายวิชาสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันการเจ็บป่วย สำหรับนักศึกษาพยาบาลศาสตร์ชั้นปีที่ ๒ โดยมีการบรรยาย หลักทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับการสร้างเสริมสุขภาพ และยกตัวอย่างcase หลังจากนั้นให้นักศึกษาฝึกจับคู่ และวิเคราะห์พฤติกรรมสุขภาพสร้างเสริมสุขภาพของเพื่อนที่ควรทำอย่างน้อย ๑ เรื่อง และออกแบบกิจกรรมการพยาบาลโดยให้ผู้ถูกสัมภาษณ์ร่วมออกแบบกิจกรรมผู้ถูกสัมภาษณ์ หลังจากสอน นักศึกษามีความตื่นตัว ในการเรียนการสอน รู้จักวิธีในการสร้างสัมพันธภาพกับผู้รับบริการ เข้าใจว่าเพื่อนมีพฤติกรรมสุขภาพที่ต้องปรับปรุงและมีการวางแผนดูแลสุขภาพร่วมกัน ช่วยให้เข้าใจทฤษฎีการสร้างเสริมสุขภาพที่เป็นนามธรรมมากขึ้น

๗. อ.จิระภา ใช้วิธีการเรียนการสอนแบบ LT(Learning Together) ในรายวิชา ทักษะชีวิต (พยบ.๑) บทที่ ๒ เรื่องการพัฒนาบุคลิกภาพภายนอก หัวข้อเรื่อง มารยาทไทยและมารยาททางสังคม เนื่องจากผู้สอนคิดว่าเนื้อหามีค่อนข้างมาก และจากประสบการณ์สอนใน ๒ ปีที่ผ่านมา พบว่าเนื้อหามีมากกว่าชั่วโมงที่มีการจัดการเรียนการสอนจริง และเพื่อเป็นการกระตุ้นผู้เรียนให้มีส่วนร่วมในการเรียนการสอนมากขึ้น จึงใช้วิธีการ LT ซึ่งผู้สอนได้เตรียมวีดีโอที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาในเรื่อง มารยาทไทย และมารยาทสังคม ซึ่งเป็นวิดีโอของรายการสุภาพบุรุษจุฑาเทพของช่อง ๓ เปิดให้กับผู้เรียนดูและมอบหมายให้ผู้เรียนแต่ละคนจดบันทึก เป็นบันทึกความรู้รายบุคคลจากนั้นให้ผู้เรียนเข้ากลุ่มๆละ ๔-๕ คน เล่าถึงบันทึกความรู้ให้กับเพื่อนสมาชิกในกลุ่มฟัง จึงเป็นการทำให้เกิดการเรียนรู้ร่วมกันให้เวลา ๒๐ นาที จากนั้นให้ทำแบบทดสอบเพื่อเป็นการประเมินผลการเรียนรู้จากนั้นผู้สอนเฉลยคำตอบและสรุปประเด็นสำคัญให้ผู้เรียน แล้วมีรางวัลให้กับกลุ่มที่มีคะแนนสูงสุดเพื่อเป็นแรงจูงใจ ซึ่งคะแนนส่วนใหญ่อยู่ที่ ๖๐-๑๐๐ % ซึ่งทำให้ผู้สอนทราบว่าการเรียนการสอนโดยให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมและให้ฝึกคิดวิเคราะห์กันเองทำให้ผู้เรียนเข้าใจในเนื้อหามากขึ้นภายในเวลาที่จำกัด(ชั่วโมงการเรียนการสอน) ซึ่งเปรียบเทียบจากผลการสอบรายบทจาก ๒ ปีที่ผ่านมาพบว่ามีความก้าวหน้า ข้อดี คือ ผู้สอนสามารถใช้เวลาในการสอนได้เพียงพอกับลักษณะเนื้อหาที่มีมาก ผู้เรียนเกิดความกระตือรือร้น ฝึกการคิดวิเคราะห์ ข้อเสียคือ ไม่สามารถวัดเป็นรายบุคคลได้

๘. อ.ดุจเดือน ได้นำผลจากการวิจัย ?การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบการสะท้อนคิด เพื่อสร้างเสริมความสามารถในการตัดสินใจเชิงจริยธรรมทางการพยาบาลสำหรับนักศึกษาพยาบาล? มาใช้พบว่า รูปแบบการจัดการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้นนี้ช่วยเสริมสร้างความสามารถในการตัดสินใจเชิงจริยธรรมทางการพยาบาลซึ่งมีองค์ประกอบ ๗ ขั้นตอนคือ ๑) อธิบายสถานการณ์และปัญหาที่เกิดขึ้น ๒) อธิบายความรู้สึกต่อสถานการณ์ ๓) บอกแนวคิด/หลักการ/ความเชื่อที่สนับสนุนการกระทำ ๔) เปิดใจรับฟังความคิดเห็น/ทางเลือกที่หลากหลาย ๕) จัดลำดับความคิด/หาข้อสรุปร่วมอย่างเป็นเหตุเป็นผล ๖) นำข้อสรุปไปปฏิบัติ ๗) สะท้อนคิดการเรียนรู้/ประสบการณ์ใหม่ที่แตกต่างจากเดิม ซึ่งรูปแบบการเรียนการสอนนี้ ทำให้นักศึกษาพยาบาลเกิดพฤติกรรมการสะท้อนคิด ข้อจำกัดของการเรียนการสอนรูปแบบนี้คือ นักศึกษาต้องไม่เกินกลุ่มละ ๘-๑๐ คน และควรจัดสถานการณ์ ๑ เรื่องต่อ ๑ กลุ่ม อ.บุญฤทธิ์ เพิ่มเติมสิ่งที่ต้องวิเคราะห์ในกรณีศึกษา คือ what is informatics, patient centered acre, teamwork and collaboration, quality improvement, evidence based practice and safetyเพื่อให้นักศึกษาเกิดมุมมองในประเด็นต่างๆ

๙. อ.อิทธิพล ใช้วิธีการการจัดการเรียนการสอนแบบ Active learning ในรายวิชาการพยาบาลครอบครัวและชุมชน ๑ ในหัวข้อ การพยาบาลอาชีวอนามัย โดยใช้เทคนิค คือ การเรียนรู้แบบวิเคราะห์วีดีโอ (Analysis or reactions to video) เช่น ให้นักศึกษาชมวีดีทัศน์ ?เหตุการณ์ก๊าซรั่ว ในนิคมอุตสาหกรรม จังหวัดระยอง?ทั้ง ๔ กลุ่ม สะท้อนความคิดตามบทบาทสมมุติของตนเองในการแก้ไขปัญหาตามเหตุการณ์ก๊าซรั่ว การแลกเปลี่ยนความคิด (Think-Pair-Share) เช่น นักศึกษาร่วมกันวิเคราะห์ในฐานะพยาบาลอาชีวอนามัยเพื่อแก้ไขปัญหาสุขภาพตามสถานการณ์ดังกล่าวเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้ประกอบการ,แรงงานในสถานประกอบการและประชาชน พร้อมยกตัวอย่างโครงการ/กิจกรรมแก้ไขปัญหาระยะสั้น/ระยะยาว การเรียนรู้จากกรณีศึกษาโดยผ่านการแสดงบทบาทสมมติ (Analysis case studies) และสรุปรวบยอดแบบแผนผังความคิด เช่น ใบงานวิเคราะห์สถานการณ์ตามบทบาทสมมุติที่นักศึกษาได้รับ นักศึกษาสร้าง Mind Mapping เรื่อง ความรู้เรื่องการพยาบาลอาชีวอนามัยของชั้นเรียนโดยผ่านกระบวนการดอกไม้ความคิด ซึ่งวิธีการนี้สามารถทำให้นักศึกษาเข้าใจในเนื้อหาและสามารถมองเห็นภาพที่เป็นรูปธรรมที่ชัดเจนมากขึ้น ซึ่งดีกว่าการสอนแบบบรรยายเพียงอย่างเดียว กล่าวโดยสรุปเป็นการประยุกต์ใช้ทฤษฎีการจัดการเรียนการสอน คือ CIP-3P ประกอบไปด้วย C- Construction of the new knowledge คือการสร้างความรู้ในสิ่งที่นักเรียนอยากทราบ หรือเกิดการตั้งคำถาม I- Interaction การมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับผู้เรียน p- Process of learning คือ กระบวนการเรียนรู้ และกลับมาสู่ 3P ที่ประกอบไปด้วย presentation จะเน้นจากอธิบายเสริมจากครู, practice ทำแบบฝึกหัดอย่างเข้าใจ และ production เป็นการสร้างชิ้นงานที่แสดงความเข้าใจในสิ่งที่ได้เรียนมา

๑๐. อ.อดุลย์ ใช้ในรายวิชาการประเมินสุขภาพ(ภาคทดลอง) ปัจจัยที่ผ่านมา การสอนเรื่อง การอภิปรายผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ ใช้การเรียนรู้ โดยการมอบหมายไปค้นคว้า แล้วนำมานำเสนอในกลุ่มย่อย ซึ่งความรู้ส่วนใหญ่นักศึกษานำมาจากตำรา ทำให้บรรยากาศการเรียนน่าเบื่อ ทั้งผู้สอนและผู้เรียน แนวทางแก้ไขในปีที่ผ่านมาได้มอบหมายให้นักศึกษาไปศึกษาจาก กรณีศึกษาจริงบนหอผู้ป่วย ด้วยการซักประวัติ ตรวจร่างกาย และดูผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ แล้วนำผลการศึกษามาอภิปรายแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในกลุ่มย่อยผลพบว่า นักศึกษามีการวิเคราะห์อภิปรายผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ โดยใช้ข้อมูลทางทฤษฎี ข้อมูลจากการซักประวัติ และข้อมูลจากการตรวจร่างกายประกอบ ทำให้มีบรรยากาศการเรียนรู้ที่น่าสนใจ นำไปใช้ในการปฏิบัติจริงได้ และเป็นการทบทวนความรู้เดิมจากการสาธิตย้อนกลับในการตรวจร่างกายได้ชัดเจนขึ้น

๑๑. อ.อัญชรี การเรียนการสอนในรายวิชาทักษะชีวิต ในส่วนภาคทดลองมีกิจกรรมที่หลากหลาย ทั้งกิจกรรมรายบุคคล และการเรียนรู้เป็นกลุ่มเล็ก รวมถึงการเรียนรู้เป็นกลุ่มใหญ่ เช่น เกม ศึกษาจากกรณีศึกษา แก้ปัญหาเป็นกลุ่ม อภิปรายกลุ่มใหญ่ ทำให้นักศึกษาสนใจ ข้อเสนอแนะคือ จำนวนคนในกลุ่มไม่ควรเกิน ๑๒ คน เพราะทำให้กระตุ้นผู้เรียนไม่ทั่วถึง

ประเด็นที่ได้จากการแลกเปลี่ยนเรียนรู้

การจัดการเรียนแบบ AL พบว่ามีหลายรูปแบบแล้วแต่จะเลือกตามความสมในบริบทของแต่ละบุคคล ส่วนในเรื่องการเตรียมความพร้อมในการจัดการเรียนการสอนแบ่งเป็น ๒ ส่วนดังนี้ดังนี้

๑. บทบาทของครู

- การเตรียมตัวให้พร้อมที่จะสอนหรือศึกษาขอบเขตและกรอบในการทำงาน

- ศึกษาผู้เรียน วิเคราะห์จุดอ่อนจุดแข็ง

- จัดระบบการเรียนการสอน ซึ่งเน้นให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมมากที่สุด

- สร้างความเข้าใจรูปแบบการเรียนการสอนให้กับผู้เรียน

- เตรียมความพร้อมทรัพยากร สื่อการเรียนรู้ต่างๆ ที่สนับสนุนการเรียนรู้

- ดำเนินการพัฒนาผู้เรียนและพัฒนางาน

- ประเมินผล-สรุปผลและนำมาปรับปรุง

๒. บทบาทผู้เรียน

- ทบทวนความรู้ อ่านบทเรียนและหรือทำการบ้านที่ได้รับมอบหมายมาล่วงหน้า

- ทบทวนสิ่งที่ได้เรียนไปแล้ว

- เตรียมใจที่จะเรียนอย่างสนใจ

- เตรียมกายให้พร้อมที่จะเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ

- ผู้เรียนต้องมีความพร้อมที่จะเรียน และอยู่กับปัจจุบัน

- ขณะเรียน สิ่งที่จะช่วยสนับสนุนให้เกิดบรรยากาศ AL ได้นั้น ผู้เรียนจะต้องไม่ออกไปนอกห้องบ่อย พยายามนั่งแถวหน้า ซึ่งเป็นปัญหาสำหรับเด็กโตๆ ที่มีโอกาสได้เลือกที่นั่งเอง และมักจะไม่เลือกนั่งแถวหน้า นอกจากนี้ ต้องพยายามเป็นผู้ฟังที่ Active คือ ตื่นตัวตลอดเวลาว่าใครพูดอะไร ไม่ว่าจะเป็นครูหรือเพื่อนร่วมชั้น และต้องมีส่วนร่วมในการสนองตอบต่อการพูดคุยนั้น และสุดท้ายต้องจดบันทึกสม่ำเสมอ

…………………………………………….

(นางสาวจิระภา สุมาลี)

ผู้บันทึกรายงานการประชุม

แนวทางการบูรณาการการเรียนการสอนกับการสร้างเสริมสุขภาพ

Blogged under การจัดการความรู้ วพบ.อต. by sasidhornunc on วันอังคาร 17 กันยายน 2013 at 5:56 am

วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี อุตรดิตถ์

แนวทางการบูรณาการการเรียนการสอนกับการสร้างเสริมสุขภาพ

จากการที่แต่ละภาควิชาได้จัดการความรู้ประเด็นการบูรณาการการเรียนการสอนกับการสร้างเสริมสุขภาพ งานจัดการความรู้ได้นำมาสรุปเป็นแนวปฏิบัติของวิทยาลัยพยาบาลดังต่อไปนี้

๑. สร้างความเข้าใจและความกระจ่างชัดในการสร้างเสริมสุขภาพร่วมกัน
๒. การพิจาณารายวิชาที่สอดคล้องกับการสร้างเสริมสุขภาพ
๓. การวางแผนการบูรณาการการเรียนการสอนกับการสร้างเสริมสุขภาพ
๓.๑ การจัดทำมคอ. ชัดเจน กิจกรรมที่ชัดเจน จะส่งผลการวัดและประเมินผลที่สอดคล้อง
๓.๒ กำหนดสมรรถนะให้เกิดกับนักศึกษาในเรื่อง การสื่อสารที่ดี ทีมที่ดี การเขียนแผนงานและโครงการ
? การบริหารจัดการ การเรียนรู้ตามสภาพจริง จะช่วยให้นักศึกษาได้ฝึกทักษะหรือสมรรถนะด้านการบริหารจัดการ ได้แก่ การศึกษาและข้อมูลสภาพปัญหา การวางแผน การดำเนินการตามแผน การประเมินผล และการปรับปรุงหรือการพัฒนาต่อเนื่อง
? การสร้างสัมพันธภาพที่ดีระหว่างบุคคล
? การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า จากสถานการณ์ที่ไม่ได้เป็นดังที่คาดหวังไว้
? การสร้างเสริมความร่วมมืออันดี กับ อสม. ผู้ป่วย ญาติ และพยาบาล
? การคิดสร้างสรรค์ และการคิดอย่างมีวิจารณญาณเพื่อพัฒนาแผนงาน กิจกรรม นวัตกรรมการดูแลและสร้างเสริมสุขภาพผู้ป่วยกรณีศึกษาตามสภาพจริง
๓.๓ พัฒนานักศึกษาให้มีสมรรถนะการสร้างสัมพันธภาพและการติดต่อสื่อสาร การสร้างสัมพันธภาพการประเมินผู้ป่วยในครั้งแรกที่นักศึกษาเสนอ เพิ่มเติมจะเป็นขั้นตอนที่ช่วยให้นักศึกษาวิเคราะห์ปัญหาของผู้ป่วยได้ ละเอียดมากยิ่งขึ้น และนำมาสู่การปฏิบัติการพยาบาลในการสร้างเสริมสุขภาพที่ครอบคลุมในทุกมิติ
๓.๔ การค้นหาทุนทางสังคม การบูรณาการได้ดีต้องมีภาคีเครือข่ายที่ดี
๓.๕ ปฏิทินการปฏิบัติงานควรมีความสอดคล้องกับปฏิทินชุมชน และปฏิบัติงานของทีมอ.ส.ม. ทีมพยาบาลชุมชน และองค์กรชุมชนเพื่อให้เกิดความทำงานที่สอดประสานกันและมีประสิทธิภาพ
๓.๖ วางแผนการพัฒนาผลการเรียนรู้ (Learning Outcome [LO]) ในด้านการสร้างเสริมสุขภาพ (domain) ควรมีความสัมพันธ์และสอดคล้องกันระหว่าผลลัพธ์การเรียนรู้ กิจกรรมการสอน และกิจกรรมการวัดประเมินผล โดยยึดหลักตามกรอบแนวคิด ?OLE Alignment? (Outcome-Learning activity-Evaluation activity Alignment) การดำเนินกิจกรรมการเรียนการสอนภาคปฏิบัติที่มีการบูรณาการกับการสร้างเสริมสุขภาพตามแผนที่วางไว้นั้น ควรมีการดำเนินการแบบมีส่วนร่วมในทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะการมีส่วนร่วมแบบภาคีเครือข่าย ระดับท้องถิ่นหรือประชาชนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งนอกจากจะก่อให้เกิดการดำเนินการแบบคล่องตัว ยังทำให้เกิดความต่อเนื่องและยั่งยืน ทั้งด้านกระบวนการและผลลัพธ์การดำเนินการเรียนการสอนและการสร้างเสริมสุขภาพ
๓.๗ เครือข่ายความร่วมมือในส่วนของชุมชน ควรพิจารณา ดังนี้
๑) เครือข่ายความร่วมมือหลักที่สำคัญ ได้แก่ เครือข่ายภาคประชาชน ทั้งที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ เช่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อสม. เป็นต้น
๒) เครือข่ายความร่วมมือ ส่วนองค์กรในชุมชนทั้งภาครัฐและเอกชน เช่น โรงเรียน สถานบริการสุขภาพในท้องถิ่น องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น โดยเฉพาะองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นนั้น ถือว่าเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยผลักดันและเสริมความเข้มแข็งของดำเนินงานและ ผลลัพธ์ยั่งยืน
๔. การดำเนินการบูรณาการการเรียนการสอนกับการสร้างเสริมสุขภาพ
๔.๑ การทำมคอ.ที่มีวัตถุประสงค์ของการบูรณาการกับการสร้างเสริมสุขภาพที่ชัดเจน
วัตถุประสงค์และผลลัพธ์การเรียนรู้ของรายวิชาภาคปฏิบัติ โดยพิจารณาความสอดคล้องกับการสร้างเสริมสุขภาพ เช่น
?วางแผนและจัดกิจกรรมสร้างเสริมศักยภาพของผู้สูงอายุที่มีปัญหาสุขภาพหรือญาติในการควบคุมและดูแลปัญหาสุขภาพผู้สูงอายุได้?
๔.๒ กิจกรรมการเรียนการสอนที่ชัดเจน อาศัยการสื่อสารที่ดี ทำให้เกิดทีมที่ดี
๔.๓ การบูรณาการการเรียนการสอนภาคปฏิบัติการพยาบาลสามารถทำได้ทั้งที่ชุมชนและการบูรณาการในหอผู้ป่วย การบูรณาการในหอผู้ป่วย เช่น การแนะนำผู้ป่วยก่อนกลับบ้าน D/C plan
๕. การวัดและประเมินผล
๕.๑ การวัดและประเมินผล นอกจากประเมินผู้เรียนตามวัตถุประสงค์และผลการเรียนรู้ ของรายวิชาแล้ว ควรพิจารณาเพิ่มเติมในส่วนของผู้รับบริการ/ประชาชนกลุ่มเป้าหมายหรือผลลัพธ์ ด้านการสร้างเสริมสุขภาพที่ชัดเจน โดยประเมินเป็นระยะๆ ดังนี้
ระยะแรก ให้ระบุการวัดความรู้เกี่ยวกับปัญหาและการแก้ไขปัญหาสุขภาพ หรือการวัดความตระหนักในความรับผิดต่อสุขภาพเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพหรือผล กระทบต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น หรือวัดทักษะการจัดการปัญหาสุขภาพ ภายหลังกิจกรรมเสร็จสิ้น
ระยะหลัง ให้ระบุการวัดเพิ่มในประเด็นการแสดงพฤติกรรมหรือการคงไว้ซึ่งพฤติกรรมสร้าง เสริมสุขภาพนั้นๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งการวัดดังกล่าว อาจวัดเป็นระยะๆ เช่น ทุก ๑ สัปดาห์ หรือ ๒ สัปดาห์ หรือ ๑ เดือน เป็นต้น ซึ่งขึ้นอยู่กับความเหมาะสม
๕.๒ จะต้องวัดผลที่เกิดกับนักศึกษา สำหรับผลที่เกิดกับผู้ป่วยหรือประชาชน ถือเป็น outcome เชิงประจักษ์ สำหรับที่หอผู้ป่วยจะแตกต่างการประเมินผลของผู้ป่วยที่มีสุขภาพที่ดีขึ้น
๕.๓ มีการประเมินผลมาเป็นคะแนนฝึกปฏิบัติ
๖ .การพิจารณาผลกระทบ
-นักศึกษาสามารถนำมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันได้ นักศึกษาสามารถสร้างเสริมสุขภาพตนเองได้ ทำสื่อได้ด้วยตนเองโดยใช้อุปกรณ์และสร้างสื่อเป็นวีดีโอ เพื่อไปให้ชุมชนใช้ต่อไป
๗. การบูรณาการกับพันธกิจอื่น เช่น บริการวิชาการ วิจัย
แต่ละภาควิชามีการพิจารณาในประเด็นการบริการวิชาการ และการวิจัยไปด้วยเพื่อที่จะสามารถยืนยันผลของการทำงาน เช่น การบูรณาการการสร้างเสริมสุขภาพกับการเรียนการสอนและบริการวิชาการ ที่นำความรู้จากรายวิชา เพื่อนำไปให้ความรู้ หรือการตรวจสุขภาพเพื่อป้องกันการเกิดโรคให้กับประชาชน หลังจากที่มีการบูรณาการกับบริการวิชาการแล้ว ได้ดำเนินการทำวิจัยต่อเนื่อง เพื่อเป็นการต่อยอดความรู้

ศศิธร ชิดนายี
หัวหน้างานวิจัย การจัดการความรู้และวิเทศสัมพันธ์
วันพฤหัส 6 กันยายน 2012

หน้าก่อนหน้าหน้าต่อไป
Proudly powered by Wordpress 3.0.1 - Theme Triplets Id Band 2.0, the boyish style by neuro