• Accessibility

    • normal big bigger

Last posts

Last Comments

Most active posts

ค้นหา

หมวดหมู่

18/03/2014

แนวปฏิบัติการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ

Categories: การจัดการความรู้ วพบ.อต.
Author: 193097
Time: 6:37 am
Reactions :No comments

วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี อุตรดิตถ์

แนวปฏิบัติการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ประกอบด้วยขั้นตอน ดังนี้

๑.???? ขั้นเตรียม

๑.๑ วางแผนร่วมกันในการจัดการเรียนการสอน เช่น การจัดทำ มคอ. เป็นต้น

๑.๒ เตรียมสถานที่ สื่อการเรียนการสอน โสต เอกสารการเรียนการสอน แหล่งเรียนรู้

๑.๓ วางแผนการวัดและประเมินผล

๑.๔ ออกแบบการเรียนการสอนแบบ Active Learning ได้แก่

๑.๔.๑ การเรียนรู้แบบแลกเปลี่ยนความคิด (Think-Pair-Share) คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนคิดเกี่ยวกับประเด็นที่กำหนดคนเดียว ๒-๓ นาที (Think) จากนั้นให้แลกเปลี่ยนความคิดกับเพื่อนอีกคน ๓-๕ นาที (Pair) และนำเสนอความคิดเห็นต่อผู้เรียนทั้งหมด (Share)

๑.๔.๒ การเรียนรู้แบบร่วมมือ (Collaborative learning group) คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนได้ทำงานร่วมกับผู้อื่น โดยจัดกลุ่มๆ ละ ๓-๖ คน

๑.๔.๓ การเรียนรู้แบบทบทวนโดยผู้เรียน (Student-led review sessions) คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ทบทวนความรู้และพิจารณาข้อสงสัยต่าง ๆ ในการปฏิบัติกิจกรรมการเรียนรู้ โดยครูจะคอยช่วยเหลือกรณีที่มีปัญหา

๑.๔.๔ การเรียนรู้แบบใช้เกม (Games) คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ผู้สอนนำเกมเข้าบูรณาการในการเรียนการสอน ซึ่งใช้ได้ทั้งในขั้นการนำเข้าสู่บทเรียน, การสอน, การมอบหมายงาน, และหรือขั้นการประเมินผล

๑.๔.๕ การเรียนรู้แบบวิเคราะห์วีดีโอ (Analysis or reactions to videos) คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนได้ดูวีดีโอ ๕-๒๐ นาที แล้วให้ผู้เรียนแสดงความคิดเห็น หรือสะท้อนความคิดเกี่ยวกับสิ่งที่ได้ดู อาจโดยวิธีการพูดโต้ตอบกัน การเขียน หรือ การร่วมกันสรุปเป็นรายกลุ่ม

๑.๔.๖ การเรียนรู้แบบโต้วาที (Student debates) คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่จัดให้ผู้เรียนได้นำเสนอข้อมูลที่ได้จากประสบการณ์และการเรียนรู้ เพื่อยืนยันแนวคิดของตนเองหรือกลุ่ม

๑.๔.๗ การเรียนรู้แบบผู้เรียนสร้างแบบทดสอบ (Student generated exam questions) คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนสร้างแบบทดสอบจากสิ่งที่ได้เรียนรู้มาแล้ว

๑.๔.๘ การเรียนรู้แบบกระบวนการวิจัย (Mini-research proposals or project) คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่อิงกระบวนการวิจัย โดยให้ผู้เรียนกำหนดหัวข้อที่ต้องการเรียนรู้, วางแผนการเรียน, เรียนรู้ตามแผน, สรุปความรู้หรือสร้างผลงาน, และสะท้อนความคิดในสิ่งที่ได้เรียนรู้ หรืออาจเรียกว่าการสอนแบบโครงงาน(project-based learning) หรือ การสอนแบบใช้ปัญหาเป็นฐาน(problem-based learning)

๑.๔.๙ การเรียนรู้แบบกรณีศึกษา (Analyze case studies) คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนได้อ่านกรณีตัวอย่างที่ต้องการศึกษา จากนั้นให้ผู้เรียนวิเคราะห์และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นหรือแนวทางแก้ปัญหาภายในกลุ่ม แล้วนำเสนอความคิดเห็นต่อผู้เรียนทั้งหมด

๑.๔.๑๐ การเรียนรู้แบบการเขียนบันทึก (Keeping journals or logs) คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ผู้เรียนจดบันทึกเรื่องราวต่างๆ ที่ได้พบเห็น หรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน รวมทั้งเสนอความคิดเพิ่มเติมเกี่ยวกับบันทึกที่เขียน

๑.๔.๑๑ การเรียนรู้แบบการเขียนจดหมายข่าว (Write and produce a newsletter) คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนร่วมกันผลิตจดหมายข่าว อันประกอบด้วย บทความ ข้อมูลสารสนเทศ ข่าวสาร และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แล้วแจกจ่ายไปยังบุคคลอื่นๆ

๑.๔.๑๒ การเรียนรู้แบบแผนผังความคิด (Concept mapping) คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนออกแบบแผนผังความคิด เพื่อนำเสนอความคิดรวบยอด และความเชื่อมโยงกันของกรอบความคิด โดยการใช้เส้นเป็นตัวเชื่อมโยง อาจจัดทำเป็นรายบุคคลหรืองานกลุ่ม แล้วนำเสนอผลงานต่อผู้เรียนอื่นๆ

๑.๔.๑๓ การใช้เทคนิคจิ๊กซอว์ (Jigsaw) เป็นวิธีการจัดการเรียนรู้ โดยผู้สอนแบ่งนักศึกษาออกเป็นกลุ่มๆ ตามความเหมาะสม (จำนวนกลุ่มและจำนวนสมาชิกของแต่ละกลุ่ม ขึ้นอยู่กับเนื้อหาที่ครูต้องการสอน) สมาชิกแต่ละคนในกลุ่ม เรียกว่า Home Group จะแยกกันไปศึกษาหัวข้อที่ผู้สอนจะมอบหมายให้ร่วมกับสมาชิกของกลุ่มอื่นๆ เรียกว่า Expert Group จากนั้นสมาชิกทุกคนของกลุ่ม จะกลับไปกลุ่มของตน (Home Group) และเล่าความรู้ที่ตนเองได้ศึกษาให้เพื่อนในกลุ่มฟัง จากนั้นผู้สอนอาจจะให้ตัวแทนของกลุ่มสรุปเนื้อหาของสมาชิกทุกคนเข้าด้วยกัน

๑.๔.๑๔ การแสดงบทบาทสมมุติ (Role Playing) เป็นวิธีการหนึ่งที่มีเป้าประสงค์ให้ผู้เรียนรู้ชัดว่า บุคคลที่อยู่ในสถานการณ์หนึ่งๆ นั้นเป็นอย่างไร รู้สึกอย่างไร โดยผู้เรียน สวมบทบาทเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องที่อยู่ในสถานการณ์นั้น และสิ่งสำคัญที่จะก่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจ เจตคติ คือ การอภิปรายหลังการแสดง และการให้ความอิสระแก่นักศึกษาในการสร้างสรรค์และกำกับการแสดงบทบาทสมมุตินั้นๆ

๑.๔.๑๕ การเรียนรู?เป็นทีม (Team-based learning [TBL]) เป็นรูปแบบการสอนที่เน้นการร่วมมือกันในการเรียนรู้อย่างสร้างสรรค์ การทำงานด้วยกันเป็นทีมเล็กตามความแตกต่างระหว่างบุคคล โดยมีการกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน สมาชิกภายในทีมมีหน้าที่รับผิดชอบและมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีในการทำงาน

๑.๔.๑๖ Didactic Method: วิธีการจัดการเรียนการสอนประเภทหนึ่งที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ผู้สอนเป็นผู้ที่มีความกระฉับกระเฉงในการสอน (Active teacher) และออกแบบการเรียนการสอนที่สร้างบรรยากาศที่สนุกสนาน ทำให้ผู้เรียนเป็นผู้ที่มีความกระปรี้กระเปร่า (active learner) เกิดความคิดอย่างมีวิจารณญาณ (critical thinking) และเรียนรู้ตลอดชีวิต (Life long learning)

VARK Learning style: เป็น sensory Model ประกอบด้วย V: Visual เป็นวิธีการเรียนรู้วิธีหนึ่งที่ผู้เรียนจะเรียนได้ดีด้วยการเห็นข้อมูล การสังเกตผู้อื่นปฏิบัติ และ/หรือ การเห็นภาพ กราฟ ที่ช่วยให้เกิดการเรียนรู้ A: Aural or Auditory เป็นวิธีการเรียนรู้วิธีหนึ่งที่ผู้เรียนจะเรียนได้ดีด้วยการฟังเช่น ฟังจากเทป จากเรื่องเล่าของผู้อื่น จากการพูดคุย การฟังกลุ่มอภิปราย R: Read or Write เป็นวิธีการเรียนรู้วิธีหนึ่งที่ผู้เรียนจะเรียนได้ดีด้วยการอ่านหรือเขียน โดยการอ่านจากหนังสือ ตำรา อินเทอร์เน็ตในรูปอักษร การเขียนรายงาน การทำแบบฝึกหัดต่าง ๆ K: Kinesthetic เป็นวิธีการเรียนรู้วิธีหนึ่งที่ผู้เรียนจะเรียนได้ดีด้วยการลงมือปฏิบัติ ชอบฝึกหัด สนุกที่จะลงมือทำ อาจเป็นในรูปสถานการณ์จำลองเสมือนจริง หรือสถานการณ์จริง รูปแบบการเรียนรู้ของผู้เรียนแต่ละคนแตกต่างกันไป บางคนชอบดู บางคนชอบฟัง บางคนชอบอ่านหรือเขียน หรือบางคนชอบเรียนรู้จากการลงมือปฏิบัติ

๒. ขั้นดำเนินการสอน

๒.๑ ขั้นนำ

????????? ๒.๑.๑ ทบทวนความรู้เดิมของผู้เรียน

????????? ๒.๑.๒ เชื่อมโยงประสบการณ์เดิม

????????? ๒.๑.๓ การใช้สื่อและวีดีทัศน์

????????? ๒.๑.๔ เร่งเร้าประสาทความรู้สึกต่างๆ อันจะนำไปสู่การเกิดความรู้สึกนึกคิด (feeling) หรือความตื่นตัวของผู้เรียน และเชื่อมโยงสู่เนื้อหาความรู้ เช่น ข้อคำถามสะท้อนคิด รูปภาพ สถานการณ์ที่เกิดจริง เสียง วีดีทัศน์ เกม เป็นต้น

๒.๒ ขั้นสอน

????????? ๒.๒.๑ กระตุ้นให้ผู้เรียนคิดวิเคราะห์ เกิดการเรียนรู้โดยวิธีการต่างๆ ได้แก่ ใช้ VARK style เป็นต้น

????????? ๒.๒.๒ เน้นการมีส่วนร่วมหรือใช้คำถามกระตุ้น

????????? ๒.๒.๓ สร้างสถานการณ์ให้ผู้เรียนอ่าน พูด คิด ฟังหรือเขียนอย่างลุ่มลึกทำให้ผู้เรียนจัดระบบความรู้ด้วยตนเอง

????????? ๒.๒.๔ เน้นทักษะการคิดขั้นสูง

????????? ๒.๒.๕ ผู้สอนเป็นผู้อำนวยความสะดวกในการจัดการเรียนรู้

๒.๓ ขั้นสรุป

????????? ๒.๓.๑ ผู้เรียนและผู้สอนร่วมกันสรุปแนวคิดหรือประเด็นที่ได้ตามวัตถุประสงค์การเรียนรู้

๒.???? วัดและประเมินผล

๓.๑ ประเมินผลตามสภาพจริง

๓.๒ ประเมินโดยมีเกณฑ์ประเมินล่วงหน้า

????????????????????????????????????????????????????????? กลุ่มงานวิจัย บริการวิชาการและวิเทศสัมพันธ์

13/03/2014

การจัดการองค์ความรู้เรื่อง ?แนวทางปฏิบัติการจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning?

การจัดการองค์ความรู้เรื่อง ?แนวทางปฏิบัติการจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning?

ภาควิชาการพยาบาลอนามัยชุมชนและจิตเวช

Active Learning คือกระบวนการในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ผู้เรียนต้องได้มีโอกาสลงมือกระทำมากกว่าการฟังเพียงอย่างเดียว ต้องจัดกิจกรรมให้ผู้เรียนได้การเรียนรู้โดยการอ่าน, การเขียน, การโต้ตอบ, และการวิเคราะห์ปัญหา อีกทั้งให้ผู้เรียนได้ใช้กระบวนการคิดขั้นสูง ได้แก่ การวิเคราะห์, การสังเคราะห์, และการประเมินค่า ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า Active Learning คือกระบวนการจัดการเรียนรู้ที่ผู้เรียนได้ลงมือกระทำและได้ใช้กระบวนการคิดเกี่ยวกับสิ่งที่เขาได้กระทำลงไป(Bonwell, 1991) เป็นการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ภายใต้สมมติฐานพื้นฐาน 2 ประการคือ 1) การเรียนรู้เป็นความพยายามโดยธรรมชาติของมนุษย์, และ 2) แต่ละบุคคลมีแนวทางในการเรียนรู้ที่แตกต่างกัน(Meyers and Jones, 1993) โดยผู้เรียนจะถูกเปลี่ยนบทบาทจากผู้รับความรู้(receive) ไปสู่การมีส่วนร่วมในการสร้างความรู้

(co-creators)( Fedler and Brent, 1996)

แนวคิด/หลักการจัดการเรียนรู้เพื่อการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสําคัญด้วยกระบวนการเรียนรู้แบบใฝ่เรียนที่นํามาใช้

๑. การมีส่วนร่วม (participation) อย่างตื่นตัว (active) ของผู้เรียน

๒. การมีปฏิสัมพันธ์ (interaction) และร่วมมือร่วมใจ (co-operation) ในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ (share and learning)

๓. การทํากิจกรรมเพื่อพัฒนาทั้งสมองซีกซ้ายและขวา หรือพัฒนาพหุปัญญา (multiple intelligences)

๔. การคิด (thinking) ซึ่งกระตุ้นด้วยการถาม (inquiry)

๕. การนําความรู้ไปใช้และประยุกต์ใช้ (application)

และจากการประชุมของภาควิชาฯ ครั้งที่ ๑ ได้ประเด็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้แบบ AL ของภาควิชาฯ คือ

การจัดการเรียนแบบ AL พบว่ามีหลายรูปแบบแล้วแต่จะเลือกตามความสมในบริบทของแต่ละบุคคล? ส่วนในเรื่องการเตรียมความพร้อมในการจัดการเรียนการสอนแบ่งเป็น ๒ ส่วนดังนี้ดังนี้

๑. บทบาทของครู

- การเตรียมตัวให้พร้อมที่จะสอนหรือศึกษาขอบเขตและกรอบในการทำงาน

- ศึกษาผู้เรียน วิเคราะห์จุดอ่อนจุดแข็ง

- จัดระบบการเรียนการสอน ซึ่งเน้นให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมมากที่สุด

- สร้างความเข้าใจรูปแบบการเรียนการสอนให้กับผู้เรียน

- เตรียมความพร้อมทรัพยากร สื่อการเรียนรู้ต่างๆ ที่สนับสนุนการเรียนรู้

- ดำเนินการพัฒนาผู้เรียนและพัฒนางาน

- ประเมินผล-สรุปผลและนำมาปรับปรุง

๒. บทบาทผู้เรียน

- ทบทวนความรู้ อ่านบทเรียนและหรือทำการบ้านที่ได้รับมอบหมายมาล่วงหน้า

- ทบทวนสิ่งที่ได้เรียนไปแล้ว

- เตรียมใจที่จะเรียนอย่างสนใจ

- เตรียมกายให้พร้อมที่จะเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ

- ผู้เรียนต้องมีความพร้อมที่จะเรียน และอยู่กับปัจจุบัน

- ขณะเรียน สิ่งที่จะช่วยสนับสนุนให้เกิดบรรยากาศ AL ได้นั้น ผู้เรียนจะต้องไม่ออกไปนอกห้องบ่อย พยายามนั่งแถวหน้า ซึ่งเป็นปัญหาสำหรับเด็กโตๆ ที่มีโอกาสได้เลือกที่นั่งเอง และมักจะไม่เลือกนั่งแถวหน้า นอกจากนี้ ต้องพยายามเป็นผู้ฟังที่ Active คือ ตื่นตัวตลอดเวลาว่าใครพูดอะไร ไม่ว่าจะเป็นครูหรือเพื่อนร่วมชั้น และต้องมีส่วนร่วมในการสนองตอบต่อการพูดคุยนั้น และสุดท้ายต้องจดบันทึกสม่ำเสมอ

และได้แนวปฏิบัติของภาควิชาฯ จากการประชุมครั้งที่ ๒ คือ

๑)????? จัดทำ มคอ. ในรายวิชาที่รับผิดชอบสอน กำหนดกิจกรรม การเรียนการสอนที่ใช้รูปแบบ AL

๒)????? จัดทำแผนการสอนที่ใช้รูปแบบ AL

๓)????? ดำเนินการสอนตามแผนที่กำหนด

๔)????? ประเมินผลการจัดการเรียนการสอน

๕)????? สรุปผลการจัดการเรียนการสอน

๖)????? นำผลการจัดการเรียนการสอนมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้

และได้มีการติดตามผลการนำ AL ไปใช้ในบางรายวิชาที่ภาควิชาฯ รับผิดชอบ

แลกเปลี่ยนเรียนรู้ (KM) ประเด็นการจัดการเรียนการสอนแบบ AL ในภาควิชาฯ วันที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๕๗

๑. อาจารย์: บุญฤทธิ์? ประสิทธิ์นราพันธุ์

รูปแบบการเรียนการสอน: Jigsaw Learning

รายวิชา: ภาคทฤษฎีการพยาบาลอนามัยครอบครัวและชุมชน ๑

รายละเอียด: เป็นการการเรียนการสอนในรายวิชาที่มีการออกแบบการเรียนการสอนที่ แบ่งกลุ่มนักศึกษาตามหัวข้อที่ได้รับมอบหมาย เรื่อง การส่งเสริมพัฒนาการของครอบครัวตามช่วงวัย โดยศึกษาอย่างละเอียด (Expert) และจากนั้นจัดให้มีการนำเสนอแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกลุ่มและสรุปรวมสาระสำคัญของเนื้อหาทั้งบท

ผลการเรียนการสอน: นักศึกษามีผลการเรียนรู้เพิ่มขึ้นร้อยละ ๗๐

๒. อาจารย์: อรรถพล ยิ้มยรรยง

รูปแบบการเรียนการสอน: Cooperative Learning

รายวิชา: ภาคปฏิบัติการรักษาพยาบาลเบื้องต้น

รายละเอียด: เป็นการเรียนการสอนที่มีการให้นักศึกษาได้มีการเรียนรู้โดยแบ่งเป็นระบบในการตรวจร่างกาย (Systemic Review) โดยมอบหมายให้นักศึกษาแต่ละคนทบทวนรวมถึงศึกษารายละเอียดของการตรวจร่างกายในระบบที่ได้รับผิดชอบและนักศึกษาแต่ละคนจะมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกันและกัน

ผลการเรียนการสอน: นักศึกษาสามารถตรวจร่างกายตามระบบได้บรรลุวัตถุประสงค์ของรายวิชา

จากการผลวิจัยของ ทรงศักดิ์ สองสนิทและคณะ เรื่อง การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบร่วมมือโดยอาศัยพื้นฐานการเรียนรู้แบบโครงงาน ผ่านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (๒๕๕๒) ซึ่งอธิบายประกอบด้วยขั้นตอนการสอน ๔ ขั้นตอนคือ ขั้นเตรียม ขั้นศึกษาเนื้อหา ขั้นแลกเปลี่ยนเรียนรู้? พบว่า นักเรียนในกลุ่มทดลอง ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของกลุ่มทดลองหลังเรียน สูงกว่าก่อนเรียนและระดับความพึงพอใจของผู้เรียน

๓. อาจารย์: จิระภา? สุมาลี

รูปแบบการเรียนการสอน: Role Play Learning

รายวิชา: ภาคปฏิบัติการพยาบาลบุคคลที่มีปัญหาทางจิต

รายละเอียด: เป็นการเรียนการสอนที่มีการให้นักศึกษาได้มีการเรียนรู้ ดังนี้

๑.????? ให้นักศึกษาจำคู่แสดงบทบาทสมมุติเกี่ยวกับการให้การพยาบาลผู้ป่วยในเรื่อง ?การสร้างสัมพันธภาพเพื่อการบำบัด?

๒.????? ให้นักศึกษาได้วิพากษ์การแสดงบทบาทสมมุติดังกล่าวเพื่อสรุปประเด็นการเรียนรู้

๓.????? Post-Test เรื่อง การสร้างสัมพันธภาพเพื่อการบำบัด

ผลการเรียนการสอน: คะแนนทดสอบหลังเรียนดีขึ้น และจากการถอดบทเรียนนักศึกษาสะท้อนว่า มีความรู้ความเข้าใจมากขึ้น เห็นรูปชัดเจน และสามารถจดจำและใช้เทคนิคในการสร้างสัมพันธภาพเพื่อการบำบัดได้ดีขึ้น

๔. อาจารย์: วิมล? อ่อนเส็ง และสายฝน? ชมคำ

รูปแบบการเรียนการสอน: Concept Mapping Learning

รายวิชา: ภาคปฏิบัติหลักการและเทคนิคทางการพยาบาล

รายละเอียด: เป็นการเรียนการสอนที่เน้นให้นักศึกษามีการเรียนรู้ในเรื่องการสรุปสาระสำคัญหรือประเด็นสำคัญของการเรียนรู้ขณะฝึกภาคปฏิบัติบนวอร์ด ลงบน Mind Map เมื่อมีการเรียนรู้ต่างๆ ซึ่งเมื่อฝึกภาคปฏิบัติเสร็จสิ้น นักศึกษาจะสามารถรวบรวมConceptต่างๆตามกรอบแนวคิดของแต่ละคน

ผลการเรียนการสอน: นักศึกษาสามารถรวบรวมและสรุปแนวคิด (Concept)ตามระบบต่างๆได้ดีขึ้น

๕. อาจารย์: กันตวิชญ์? จูเปรมปรี

รูปแบบการเรียนการสอน: Case Study Learning

รายวิชา: มนุษย์และพฤติกรรมสุขภาพ

รายละเอียด: เป็นการเรียนการสอนที่มีการแบ่งกลุ่มนักศึกษา ออกเป็นกลุ่มเพื่อออกไปศึกษากรณีศึกษาในประเด็นหัวข้อ ?พฤติกรรมการทำมาหากิน? หลังจากนั้นให้นักศึกษาเข้ากลุ่มย่อยเพื่อทำการแลกเปลี่ยนเรียนรู้จากกรณีศึกษาของแต่ละกลุ่ม

ผลการเรียนการสอน: นักศึกษาสามารถเข้าใจความเป็นปัจเจกบุคคลของแต่ละคนได้ว่าแต่ละคนมีความแตกต่างกันออกไป ซึ่งจะเห็นได้จากการศึกษาจากกรณีศึกษาของเพื่อนในกลุ่มที่แตกต่างกัน

จากการศึกษาวิธีการสอนแบบกรณีศึกษา (case study)ที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาสังคมวิทยาเบื้องต้นเรื่องวัฒนธรรม ของ ชูวิทย์ ไชยเบ้า ระบุว่าการสอนแบบกรณีศึกษา(case study)เป็นการสอนที่ให้ผู้เรียนมีบทบาทในการเรียนการสอน โดยให้มีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาในสภาพจริง หรือแก้ปัญหาที่สร้างขึ้นในเรื่องราวใดเรื่องราวหนึ่งโดยเฉพาะ ซึ่งในการแก้ปัญหาผู้เรียนจะต้องวิเคราะห์ข้อมูล ประเมินปัญหา ตัดสินใจหาแนวทางปัญหา แล้วรายงานสาเหตุและแนวทางในการแก้ปัญหาต่อกลุ่ม ซึ่งการสอนทำได้โดยให้ผู้เรียนอ่านกรณีจากเอกสารหรือชมภาพยนตร์ ชมการแสดงบทบาทสมมติ หรือการฟังเทปบันทึกเสียง ครูอาจเล่ากรณีให้ฟังแบบเล่านิทานก็ได้ ข้อสำคัญครูต้องใช้สื่อต่างๆประกอบการเล่า เช่น ภาพ แล้วติดภาพเหล่านั้นไว้เป็นขั้นตอนให้ผู้เรียนกลับมาศึกษาเพิ่มเติมได้ในภายหลัง เพราะมิฉะนั้นจะเกิดการลืมและทำความยุ่งยากให้กับการศึกษาในขั้นวิเคราะห์ นักศึกษาสามารถคิดวิเคราะห์และมองภาพในการศึกษาได้อย่างชัดเจน ได้รับความสนุกสนานเพลิดเพลิน ไม่เบื่อหน่าย ทำให้นักศึกษาเกิดการเรียนรู้ไปในทางที่ดี ซึ่งสอดคล้องกับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่ได้สรุปไว้ในงานวิจัยนี้ว่าผลสัมฤทธิ์หลังการเรียนสูงกว่าก่อนการเรียน (http://eduweb.kpru.ac.th/pdf/rs15.pdf)

๖. อาจารย์: วิไลวรรณ? บุญเรือง

รูปแบบการเรียนการสอน: Case Study Learning

รายวิชา: ภาคปฏิบัติการพยาบาลบุคคลที่มีปัญหาทางจิต

รายละเอียด: เป็นการเรียนการสอนโดยการมอบหมายให้นักศึกษาทั้งกลุ่มเลือก Case Study โดยนักศึกษาทุกคนในกลุ่มต้องเรียนรู้กรณีศึกษาร่วมกัน จากนั้นให้นักศึกษาทั้งกลุ่มร่วมกันวิเคราะห์ และวางแผนทางการพยาบาลให้กับกรณีศึกษา

ผลการเรียนการสอน: นักศึกษาทุกคนมีความเข้าใจเกี่ยวกับโรคของกรณีศึกษามากขึ้นจากการได้ลงฝึกปฏิบัติและให้การพยาบาลกับกรณีศึกษาจริง

๗. อาจารย์: ชลธิชา? จับคล้าย

รูปแบบการเรียนการสอน: Brain Storming Learning

รายวิชา: ภาคปฏิบัติการพยาบาลอนามัยครอบครัวและชุมชน ๑

รายละเอียด: เป็นการเรียนการสอน โดยขณะที่มีการ Conference Journal นักศึกษาแต่ละคน จะมีการแสดงความคิดเห็นและเรียนรู้แบบระดมความคิดเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันภายในกลุ่ม โดยแบ่งตาม K A P

ผลการเรียนการสอน: นักศึกษาทุกคนมีความเข้าใจเกี่ยวกับ Journal และมีการแลกเปลี่ยนแนวคิดของแต่ละคน

๘. อาจารย์: อิทธิพล? แก้วฟอง

รูปแบบการเรียนการสอน: Community Base Learning

รายวิชา: ภาคปฏิบัติการพยาบาลอนามัยครอบครัวและชุมชน ๒

รายละเอียด: เป็นการเรียนการสอนที่ให้นักศึกษาลงพื้นที่ศึกษาชุมชนเกี่ยวกับประเด็นด้าน การประเมินชุมชน การวิเคราะห์ข้อมูล การวินิจฉัยชุมชน และการจัดทำโครงการเพื่อแก้ไขปัญหาชุมชน

ผลการเรียนการสอน: นักศึกษาเกิดการเรียนรู้ มีความกระตือรือร้นเพิ่มขึ้นจากการได้ลงศึกษาพื้นที่จริง

๙. อาจารย์: นพรัตน์? สวนปาน

รูปแบบการเรียนการสอน: Brain Storming Learning

รายวิชา: ภาคปฏิบัติการพยาบาลอนามัยครอบครัวและชุมชน ๑

รายละเอียด: เป็นการเรียนการสอน โดยขณะที่มีเน้นให้นักศึกษาแต่ละคนได้ถอดบทเรียนจาการเรียนรู้ ซึ่งจะมีการแสดงความคิดเห็นและเรียนรู้แบบระดมความคิดเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันภายในกลุ่ม

ผลการเรียนการสอน: นักศึกษาสามารถสรุปสาระสำคัญของประเด็นที่ฝึกภาคปฏิบัติออกเป็น Mind Mapping

๑๐. อาจารย์: อดุลย์? วุฒิจูรีพันธ์

รูปแบบการเรียนการสอน: Case Study Learning

รายวิชา: ภาคทฤษฎีการพยาบาลอนามัยครอบครัวและชุมชน ๑

รายละเอียด: เป็นการเรียนการสอน โดยจัดให้มีกรณีศึกษาให้นักศึกษาร่วมกันวิเคราะห์ปัญหาระดับบุคคล ครอบครัว และให้นักศึกษา SOAPE ในขณะเรียนในห้องเรียนก่อนลงภาคปฏิบัติจริง

ผลการเรียนการสอน: นักศึกษาสามารถแยกแยะปัญหาแต่ละระดับได้

๑๑. อาจารย์: ดร.ประภาพร?? มโนรัตน์

รูปแบบการเรียนการสอน: Didactic Teaching

รายวิชา: ภาคปฏิบัติการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันการเจ็บป่วย

รายละเอียด: เป็นการเรียนการสอนโดยใช้วีดีทัศน์เป็นตัวกระตุ้นการนำเข้าสู่บทเรียน ร่วมกับการอภิปรากลุ่มย่อย และการทำ World Cafe

ผลการเรียนการสอน: นักศึกษามีผลการสอบผ่านมากกว่า ๙๐ % สามารถวิเคราะห์วัตถุประสงค์การเรียนรู้ผ่านเกณฑ์ที่กำหนด และนักศึกษาตื่นเต้น มีความสนใจเรียน

ข้อเสนอแนะ : ควรมีจำนวนอาจารย์ผู้ช่วยสอนให้เพียงพอกับจำนวนกลุ่มนักศึกษา(๑:๑๕)

และจากการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ของคณาจารย์ในภาควิชาฯที่จัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning สามารถสรุปแนวปฏิบัติที่ดีในการจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning ของภาควิชาการพยาบาลอนามัยชุมชนและจิตเวช ดังนี้

ด้านการเตรียมการสอน

o การเตรียมตัวสอนและวางแผนการสอน

-? วางแผนร่วมกันระหว่างผู้รับผิดชอบรายวิชา และผู้สอนในการจัดทำ มคอ. ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ (TQF)? แผนการจัดการเรียนการสอนที่ใช้รูปแบบ AL

-? การเตรียมสื่อการสอนการโดยใช้ ใบงาน,กรณีศึกษา, สถานที่, เอกสารประกอบการสอน, แหล่งเรียนรู้ในชุมชน

-?? การวางแผนการประเมินผลที่สอดคล้องกันระหว่างวัตถุประสงค์รายวิชา และกิจกรรมการเรียนการสอน

ด้านการดำเนินการสอน

ขั้นนำ

ผู้สอนเป็นผู้เตรียมสถานการณ์อย่างที่สอดคล้องกับจุดมุ่งหมายที่ต้องการให้เกิด กับผู้เรียน แล้วใช้คำถามกระตุ้นให้ผู้เรียนคิดและตอบคำถาม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับผู้สอนอาจจะเตรียมสื่อต่าง ๆ มาช่วยก็ได้ เช่น วีดิทัศน์ ภาพยนตร์ หนังสือพิมพ์ วารสาร ฯลฯ เพื่อให้ผู้เรียนเห็นภาพพจน์เด่นชัดขึ้น

ขั้นสอน

ผู้สอนใช้สื่อการสอนการเช่น ?ใบงาน,กรณีศึกษา, แหล่งเรียนรู้ในชุมชน มาเป็นโจทย์สถานการณ์กระตุ้นผู้เรียนให้เกิดการเรียนรู้ โดยอาจจะ สั่งไว้ล่วงหน้า ทั้งนี้การนำเสนอกรณีตัวอย่าง อาจจะใช้สื่อที่เตรียมมาหรืออาจจะใช้เป็นบทบาทสมมุติหรือสถานการณ์จำลองก็ ได้ โดยผู้เรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนการสอน แบบ AL อันประกอบด้วย

๑. สร้างการมีส่วนร่วมของผู้เรียน

๒. ส่งเสริมสัมพันธภาพระหว่างผู้เรียน

๓. ส่งเสริมการเรียนรู้ความทางสติปัญญา (IQ) ควบคู่ความฉลาดทางอารมณ์ (EQ)

๔. กระตุ้นการคิดวิเคราะห์

๕. ส่งเสริมการนำความรู้ไปประยุกต์ใช้

ขั้นสรุป

ผู้เรียนช่วยกันสรุปแนวคิดหรือประเด็นที่ได้ ตามวัตถุประสงค์การเรียนรู้ของรายวิชา

ด้านการวัดและประเมินผลการสอน

o? การประเมินตามสภาพจริง

-?? ปรับระบบการประเมินการเรียนการสอน เพื่อให้ได้ผลสัมฤทธิ์จริง

-?? ประเมินผลและแจ้งให้ผู้เรียนทราบตามที่ระบุไว้ใน มคอ./ Course Syllabus

o? การประเมินตามกรอบ TQF

o? การประเมินโดยอาจารย์ผู้สอน

o? การประเมินโดยนักศึกษา

อ้างอิง

ไชยยศ เรื่องสุวรรณ. Active Learning. [ออนไลน์] เข้าถึงข้อมูลได้จาก http://www.drchaiyot.com

(ค้นเมื่อ 11 มกราคม 2557)

ทรงศักดิ์ สอนสนิท, จรัญ แสนราช และพิสุทธา อารีราษฎร์.(2552).การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนแบบ

ร่วมมือโดยอาศัยพื้นฐานการเรียนรู้แบบโครงงาน ผ่านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์.

วารสารมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม, ปีที่ 3 ฉบับที่ 3 : ธันวาคม 2552

นิวัติ จันทราช.(2554).ผลของการใช้วิธีการเรียนแบบกรณีศึกษาในรายวิชา MGT 351 พฤติกรรมองค์การ

และการพัฒนาองค์การ.คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยศรีปทุม วิทยาเขตบางนา.

วรพรรณ กระต่ายทอง.(2550). การสอนทฤษฎีโดยใช้รูปแบบการสอนกรณีศึกษาดีกว่าการบรรยายธรรมดา

จริงหรือ. [ออนไลน์] เข้าถึงข้อมูลได้จาก 202.29.15.37/pdf/rs14.pdf (ค้นเมื่อ 11 มีนาคม 2556 )

C.C. Bonwell, J.A. Eison, ?Active Learning: Creating Excitement in the Classroom.?

ERIC Digest.Washington D.C.: ERIC Clearinghouse on Higher Education,

1991.

12/03/2014

แนวทางการปฏิบัติการจัดการเรียนการสอนแบบ Active learning

Categories: การจัดการความรู้ วพบ.อต.
Author: paitoon
Time: 3:44 pm
Reactions :35 comments

สรุปแนวทางการปฏิบัติการจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning ฉบับปรับปรุง ๑๑ มีนาคม ๒๕๕๗

สรุปแนวทางการปฏิบัติ

เรื่อง ?การจัดการเรียนการสอนแบบ Active learning?

(ปรับปรุง ครั้งที่ ๑ จากการประชุม KM ภาควิชา วันที่ ๑๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๗)

ภาควิชา การพยาบาลเด็ก ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี อุตรดิตถ์

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

การจัดการเรียนการสอนแบบ Active learning คือ กระบวนการหรือรูปแบบการจัดการเรียนการสอนที่กระตุ้นให้ผู้เรียนได้มีปฏิบัติกิจกรรมหรือกระทำใดๆ ด้วยตนเอง อย่างกระตือรือร้นและใฝ่รู้ เช่น ได้คิด ได้ทำ ได้ค้นคว้า ได้แก้ปัญหา ได้สร้างสรรค์อย่างอิสระ ฯลฯ โดยผู้สอนลดบทบาทในการให้ข้อความรู้แบบการบรรยายแก่ผู้เรียนลง

ขั้นตอนการดำเนินการ

๑. ขั้นเตรียมการ เป็นขั้นตอนการวางแผนการจัดการเรียนการสอนอย่างมีเป้าหมายเพื่อให้ผู้เรียนบรรลุซึ่งผลลัพธ์การเรียนรู้ (Learning outcome) ของรายวิชา ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้สอน โดยประเด็นสำคัญที่ต้องพิจารณา มีดังนี้

๑.๑ ทำความเข้าใจผลลัพธ์การเรียนรู้ที่ต้องการหลังเสร็จสิ้นการสอน

๑.๒ เลือกรูปแบบหรือเทคนิควิธีการเรียนการสอนที่เหมาะสมกับเนื้อหา/สาระความรู้ และกระตุ้นให้ผู้เรียนมีกระตือรือร้นหรือใฝ่รู้ใฝ่เรียนอยู่ตลอดเวลา

๑.๓ เตรียมสื่อและอุปกรณ์ที่ส่งเสริมหรือสนับสนุนการเรียนรู้อย่างมีเป้าหมาย เป็นระบบ เช่น ใบงาน สถานการณ์การเรียนรู้ ข้อคำถาม รูปภาพ เสียง วีดีทัศน์ เป็นต้น โดยจุดเน้นที่สำคัญของสื่อนั้นๆ ควรเร่งเร้าการรับรู้ทางประสาทสัมผัสต่างๆ ของผู้เรียน

๑.๔ วางแผน จัดลำดับ และแบ่งช่วงกิจกรรมการเรียนรู้อย่างมีเป้าหมาย เป็นระบบ ซึ่งหมายความรวมถึงรูปแบบการเรียนการสอนบางกรณีมีความจำเป็นต้องมอบหมายงานหรือความรับผิดชอบแก่ผู้เรียนก่อนที่จะมีการเรียนการสอนตามเวลาที่กำหนด ก็จำเป็นต้องหาเวลาพบผู้เรียนเพื่อกระทำการดังกล่าว พร้อมการชี้แจงและทำความเข้าใจกับผู้เรียนอย่างกระจ่างชัด

๑.๕ กรณีมีการแบ่งกลุ่มผู้เรียนออกเป็นกลุ่มย่อย ควรพิจารณาอย่างเหมาะสม มีเป้าหมาย มีความลงตัว เช่น จำนวนกี่กลุ่ม แต่ละกลุ่มต้องมีจำนวนผู้เรียนเท่าๆ กันหรือไม่ จำเป็นต้องการกระจ่ายเด็กเก่งเด็กอ่อนหรือไม่ เป็นต้น

๒. ขั้นสอน เป็นขั้นตอนการจัดการเรียนการสอน ประกอบด้วยขั้นตอนย่อย ๓ ขั้นตอน ดังนี้

๒.๑ ขั้นนำสู่บทเรียน ควรเริ่มต้นด้วยเทคนิคหรือวิธีการที่กระตุ้นหรือเร่งเร้าการรับรู้ทางประสาทสัมผัสต่างๆ อันจะนำไปสู่การเกิดความรู้สึกนึกคิด (feeling) หรือความตื่นตัวของผู้เรียน และเชื่อมโยงสู่เนื้อหาความรู้ เช่น ข้อคำถามสะท้อนคิด รูปภาพ สถานการณ์ที่เกิดจริง เสียง วีดีทัศน์ เกม เป็นต้น

๒.๒ ขั้นสอนและประเมินผลแบบ Active learning ประเด็นที่สำคัญ คือ ผู้สอนจะต้องลดบทบาทในการให้ข้อความรู้แบบการบรรยายแก่ผู้เรียนลงอย่างเหมาะสม องค์ประกอบที่ควรพิจารณา มีดังนี้

๒.๒.๑ รูปแบบการเรียนการสอนแบบ Active Learning มีดังนี้

๑) การใช้กรณีศึกษา (Case Study) เป็นวิธีการหนึ่งที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนรู้จักวิเคราะห์สถานการณ์แวดล้อมของกรณีศึกษาที่กำหนดขึ้น ซึ่งการใช้กรณีศึกษานี้ จะเปิดโอกาสให้ผู้เรียนร่วมพิจารณา อภิปราย แสดงความรู้สึก เพื่อสรุปปัญหา แนวคิด และแนวทางแก้ปัญหา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้เรียนเกิดความเข้าใจเนื้อหา และสภาพความเป็นจริงที่ลึกซึ้ง พัฒนาความคิดทักษะการแก้ปัญหา การประยุกต์ใช้หรือเชื่อมโยงความรู้เดิมสู่สถานการณ์

๒) การใช้เทคนิคจิ๊กซอว์ (Jigsaw) เป็นวิธีการจัดการเรียนรู้ โดยผู้สอนแบ่งนักศึกษาออกเป็นกลุ่มๆ ตามความเหมาะสม (จำนวนกลุ่มและจำนวนสมาชิกของแต่ละกลุ่ม ขึ้นอยู่กับเนื้อหาที่ครูต้องการสอน) สมาชิกแต่ละคนในกลุ่ม เรียกว่า Home Group จะแยกกันไปศึกษาหัวข้อที่ผู้สอนจะมอบหมายให้ร่วมกับสมาชิกของกลุ่มอื่นๆ เรียกว่า Expert Group จากนั้นสมาชิกทุกคนของกลุ่ม จะกลับไปกลุ่มของตน (Home Group) และเล่าความรู้ที่ตนเองได้ศึกษาให้เพื่อนในกลุ่มฟัง จากนั้นผู้สอนอาจจะให้ตัวแทนของกลุ่มสรุปเนื้อหาของสมาชิกทุกคนเข้าด้วยกัน

๓) การแสดงบทบาทสมมุติ (Role Playing) เป็นวิธีการหนึ่งที่มีเป้าประสงค์ให้ผู้เรียนรู้ชัดว่า บุคคลที่อยู่ในสถานการณ์หนึ่งๆ นั้นเป็นอย่างไร รู้สึกอย่างไร โดยผู้เรียน สวมบทบาทเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องที่อยู่ในสถานการณ์นั้น และสิ่งสำคัญที่จะก่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจ เจตคติ คือ การอภิปรายหลังการแสดง และการให้ความอิสระแก่นักศึกษาในการสร้างสรรค์และกำกับการแสดงบทบาทสมมุตินั้นๆ

๔) การเรียนรู?เป็นทีม (Team-based learning [TBL]) เป็นรูปแบบการสอนที่เน้นการร่วมมือกันในการเรียนรู้อย่างสร้างสรรค์ การทำงานด้วยกันเป็นทีมเล็กตามความแตกต่างระหว่างบุคคล โดยมีการกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน สมาชิกภายในทีมมีหน้าที่รับผิดชอบและมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีในการทำงาน โดยกระบวนการเรียนรู้แบบทีม แบ่งเป็น ๓ ระยะ ?คือ

ระยะที่ ๑ ก่อนเข้าชั้นเรียน เป็นการมอบหมายงานให้ผู้เรียนอ่านหนังสือก่อนเข้าห้องเรียนประมาณ ๑ สัปดาห์ ตามที่อาจารย์ผู้สอนกำหนดหัวข้อและ scope เนื้อหาที่ชัดเจน

ระยะที่ ๒ ในชั้นเรียน เป็นการประยุกต์เนื้อหาที่อ่านมาในห้องเรียน โดยแบ่งเป็น ๓ ช่วง ช่วงแรก คือ การทำแบบทดสอบรายบุคคล ช่วงที่ ๒ เมื่อผู้เรียนทำ Test เสร็จแล้วให้เข้ากลุ่ม โดยผู้สอนจะแจกข้อสอบชุดเดิม และให้ผู้เรียนในกลุ่มช่วยกันหาคำตอบและตอบคำถามที่เป็นความคิดเห็นรวมของทีม โดยที่ผู้เรียนสามารถทราบคำตอบแบบทันที

ระยะที่ ๓ หลังจากได้ทำแบบฝึกหัดแบบกลุ่มแล้ว ผู้เรียนจะได้ฝึกวิเคราะห์สถานการณ์ Case ผู้ป่วย โดยให้ผู้เรียนร่วมกันทำกิจกรรมเป็นกลุ่ม โดยเน้นให้ใช้ความรู้จากการอภิปรายและหนังสือเพื่อแก้ปัญหา หลังจากนั้นกลุ่มจะอภิปรายคำตอบและเหตุผล โดยผู้สอนจะทำกระบวนการกลุ่มการอภิปรายร่วมกันในห้องเรียน หลังสิ้นสุดการเรียนการสอนแบบ TBL ผู้เรียนสามารถเข้าถึงเนื้อหาในหัวข้อที่กำหนด สามารถใช้แนวคิดของการเรียนในการแก้ปัญหาและการคิด และพัฒนาทักษะการมีปฏิสัมพันธ์กลุ่มและทักษะระหว่างบุคคล

๕) การเรียนรู้แบบร่วมมือร่วมใจ (Cooperative Learning) เป็นการจัดกิจกรรมให้ผู้เรียนทำงานกันเป็นกลุ่มๆ ละ ๔-๖ คน คละความสามารถ และเพศ สมาชิกแต่ละคนรับผิดชอบในการเรียนรู้จากเอกสารหรืองานที่ผู้สอนมอบหมาย และช่วยเหลือสมาชิกอื่นๆ ให้เรียนรู้ไปด้วยกัน ทุกคนมีความรับผิดชอบงานของตนเองและงานส่วนรวมร่วมกัน วิธีการแบบนี้สามารถนำไปใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ได้ทุกบทเรียน ทุกวัตถุประสงค์ใช้ในการสอนตั้งแต่ทักษะพื้นฐานจนถึงการแก้ปัญหาที่ซับซ้อนและบูรณาการกับเทคนิควิธีการสอนแบบต่างๆ ที่เหมาะสม

๖) การเรียนรู้แบบการวิเคราะห์กรณีศึกษา (Case study analysis) เป็นการจัดการเรียนการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนได้ศึกษารายงานกรณีศึกษา โดยการอ่านและวิเคราะห์กรณีศึกษาให้ละเอียด ขีดเส้นใต้ข้อความที่เห็นว่ามีความสำคัญ จากนั้นให้ผู้เรียนนำมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น??????????????????? เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาภายในกลุ่ม สรุปผลการวิเคราะห์ และนำเสนอต่อกลุ่มใหญ่

๗) การเรียนรู้การเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem-based learning: PBL) เป็นการเรียนการสอนที่เน้นให้ผู้เรียนได้เกิดการเรียนรู้ด้วยตนเอง โดยใช้ปัญหาเป็นเครื่องกระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดความต้องการที่จะศึกษาค้นคว้าหาความรู้ โดยใช้กระบวนการแก้ปัญหาได้ด้วยตนเอง เพื่อให้ผู้เรียนมีการตัดสินใจที่ดี มีความคิดอย่างมีวิจารณญาณ สามารถเรียนรู้การทำงานเป็นทีม ใฝ่รู้ และมีการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต โดยประเด็นหนึ่งที่สำคัญจะทำให้ผู้เรียนเกิดความสนใจในการเรียนรู้แบบ PBL คือ Scenario หรือ Trigger ซึ่งควรมีการพัฒนาและตรวจอย่างมีประสิทธิภาพก่อนนำไปใช้จริง

๒.๒.๒ เทคนิคหรือวิธีการกระตุ้นผู้เรียนให้มีความกระตือรือร้น ใฝ่รู้ ใฝ่เรียนอย่างต่อเนื่อง มีดังนี้

๑) การใช้เกม (Games) เป็นกิจกรรมที่ช่วยให้ผู้เรียนสนุก ตื่นเต้น มีส่วนร่วมและกระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะแก้ปัญหา สื่อสาร การฟัง ความร่วมมือซึ่งกันและกัน ผู้สอนสามารถใช้เกมในการเสริมแรง ทบทวน สอนข้อเท็จจริง ทักษะ และมโนทัศน์ ส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ด้วยตนเอง ทำให้ผู้เรียนสนใจบทเรียน อีกทั้งยังใช้เป็นการประเมินผลการเรียนรู้อย่างไม่เป็นทางการได้ด้วย ตัวอย่างเกม เช่น การจับคู่ การทายคำ ปริศนาอักษรไขว้ ใบ้คำ เป็นต้น

๒) การอภิปรายกลุ่ม (Group Discussion) เป็นกลวิธีที่จัดให้มีขึ้น ด้วยเจตนาร่วมกันที่จะพิจารณาเรื่องใดเรื่องหนึ่ง โดยนำข้อปัญหา และแง่คิดต่างๆ เกี่ยวกับเรื่องนั้นมากล่าวให้ช่วยกันแสดงความคิดเห็น หรือช่วยขบคิดเกี่ยวกับข้อปัญหานั้น เพื่อหาข้อสรุป ทุกคนมีส่วนร่วมในการพูด ออกความเห็นอย่างเท่าเทียมกัน

๓) การตั้งคำถามหรือใช้คำถามกระตุ้น

(๑) การใช้ ๕ คำถามของนักปราชญ์ ได้แก่ ๑) หมายความว่าอย่างไร ๒) อะไร ๓) ทำไม ๔) อย่างไร และ ๕) สรุปหรืออธิบายเป็นอย่างอื่นได้หรือไม่ เพื่อกระตุ้นและสร้างให้ผู้เรียนรู้จักคิด และช่างสงสัย คิดหาคำตอบ และอธิบาย

(๒) การใช้คำถามตามวิธีการของโสเครติส (Socratic Method) เป็นการสนทนาที่มีการใช้คำถามนำเป็นชุดแบบต่อเนื่องเป็นเครื่องสำคัญเพื่อเข้าถึงความรู้หรือความจริงที่มีอยู่ ซึ่งคำถามที่ใช้ต้องเป็นสิ่งที่ผู้เรียนมีประสบการณ์มาแล้ว

๔) การสร้างแผนผังความคิด หรือผังมโนทัศน์ (Concept mapping) เป็นการกิจกรรมที่ให้ผู้เรียนสร้างแผนผังความคิดหรือผังมโนทัศน์ขึ้น เพื่อนำเสนอหรือสื่อความหมาย ความเข้าใจ หรือความคิดรวบยอดอย่างเชื่อมโยง โดยใช้เส้นเป็นตัวเชื่อมโยง ซึ่งสามารถอยู่ในรูปแบบของแผนภูมิใยแมงมุม (Spider chart) แผนภูมิองค์กร (Organization chart) หรือแผนผังสาย (flow diagram) ทั้งนี้รูปแบบของ Concept Mapping ที่มีประโยชน์มาก สำหรับการเรียนการสอนมักจะเป็นรูปแบบที่เรียงลำดับตามความสำคัญ (Hierarchical organization) ที่วางความคิดรวบยอดทั่วไป และกว้างๆ กว่าอันอื่น ไว้ด้านบน แล้วจึงค่อยวางความคิดรวบยอดที่มีความชัดเจนและชี้เฉพาะมากขึ้น เป็นลำดับลงมาที่ด้านล่าง

๕) เพื่อนคู่คิด (Think-Pair-Share) คือ การจัดกิจกรรมที่ให้ผู้เรียนคิดเกี่ยวกับประเด็นที่กำหนด โดยเริ่มต้นให้คิดคนเดียว ๒-๓ นาที (Think) จากนั้นให้นำความคิดไปแลกเปลี่ยนกับเพื่อนอีกคน ๓-๕ นาที (Pair) และสุดท้ายจึงนำเสนอความคิดเห็นนั้นต่อผู้เรียนทั้งหมด (Share)

๖) การโต้วาที (student debates) คือ การจัดกิจกรรมโดยแบ่งผู้เรียนเป็น ๒ ฝ่าย และให้ผู้เรียนแต่ละฝ่ายได้นำเสนอข้อมูลที่ได้จากประสบการณ์และการเรียนรู้ เพื่อยืนยันแนวคิดของตนเองหรือกลุ่มว่าถูกต้องเหมาะสมที่สุด โน้มน้าวชักจูงใจให้ผู้ฟังเกิดการยอมรับ และในขณะเดียวกันก็ต้องคอยโต้แย้งหักล้างเหตุผลและการนำเสนอของอีกฝ่ายไปพร้อมกัน

๗) การใช้สื่อวีดีทัศน์ที่สอดคล้องกับเนื้อหาความรู้ และมีความรุกเร้าประสาทสัมผัสการรับรู้ต่างๆ ของผู้เรียน

๘) การสร้างเงื่อนไขให้มีผลกระทบต่อผู้เรียน ทั้งด้านบวกและลบ เช่น การแบ่งกลุ่มแข่งขันตอบปัญหาชิงรางวัล หรือให้คะแนนสะสม ถือว่าเป็นกลอุบายให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการกระทำด้วยตัวเอง

๙) การประเมินและการสร้างบรรยายการเรียนรู้ โดยใช้วิธีสำรวจหรือตรวจจับ ด้วยสายตาและความรู้สึก (Scan) กรณีพบว่าบรรยายการเรียนรู้เริ่มเฉื่อยชา อาจพิจารณากระตุ้นหรือขั้นเวลาการดำเนินกิจกรรมนั้นๆ ด้วยกิจกรรมสันทนาการ เช่น เกม เพลงประกอบจังหวะ เป็นต้น

Active Learning : แนวทางการบูรณาการการเรียนการสอนกับการสร้างเสริมสุขภาพ

Categories: การจัดการความรู้ วพบ.อต.
Author: dao
Time: 10:40 am
Reactions :13 comments

???????? Active Learning : แนวทางการบูรณาการการเรียนการสอนกับการสร้างเสริมสุขภาพ

????????????? องค์ความรู้ที่ได้จาการแลกเปลี่ยนความรู้และจากผลงานทางวิชาการ? โดย การนำแนวปฏิบัติที่ดี (Best Practice) ของวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี อุตรดิตถ์มาใช้ในการปฏิบัติ

????????????????????????????????? อาจารย์ภาควิชาพื้นฐานการพยาบาล? วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี อุตรดิตถ์

????????????????????? การศึกษา เป็นกระบวนการเรียนรู้เพื่อความเจริญงอกงามของบุคคลและสังคมโดยการถ่ายทอดความรู้ การฝึก การอบรม การสืบสานทางวัฒนธรรม การสร้างสรรค์จรรโลงความก้าวหน้าทางวิชาการ การสร้างองค์ความรู้อันเกิดจากการจัดสภาพแวดล้อม สังคม การเรียนรู้และปัจจัยเกื้อหนุนให้บุคคลเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต (พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ, 2552) จากบทบัญญัติความหมายของการศึกษาในพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ สามารถที่จะศึกษาและทำความเข้าใจได้ว่า สถานศึกษาหรือสถาบันการศึกษาทั้งในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานและการศึกษาระดับอุดมศึกษานั้น ต้องมีการจัดการศึกษาที่มีการผสมผสานกันทั้งการศึกษาในระบบและการศึกษานอกระบบเพื่อให้ผู้เรียนได้รับประสบการณ์ ส่งเสริม ให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตได้ต่อไปในอนาคต

?????????????????? วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี อุตรดิตถ์ เป็นสถาบันการศึกษา ระดับอุดมศึกษา มีพันธกิจหลักคือการผลิตบัณฑิตพยาบาล เป็นพยาบาลวิชาชีพ เพื่อให้บริการสุขภาพแก่ประชาชน การจัดการศึกษาด้านวิชาการจึงมุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพบัณฑิตให้มีคุณลักษณะที่พึงประสงค์และมีอัตลักษณ์บัณฑิตของวิทยาลัยฯ นับตั้งแต่ผู้เรียนหรือนักศึกษาพยาบาลเข้าสู่เส้นทางการศึกษาวิชาชีพการพยาบาล

?????????????????? ภาควิชาพื้นฐานการพยาบาล วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี อุตรดิตถ์ มีหน้าที่รับผิดชอบจัดการเรียนการสอนให้แก่นักศึกษานับแต่เริ่มแรกหรือเป็นจุดเริ่มต้นของการศึกษาวิชาทางการพยาบาล หรือเรียกได้ว่า เป็นวิชาพื้นฐานทางการพยาบาล ดังนั้น สิ่งใดๆ ก็ตามถ้ามีฐานที่แข็งแรง เสมือนรากไม้ที่หยั่งลึกสร้างความมั่นคงให้แก่ลำต้นและกิ่งก้านสาขาได้ฉันใด วิชาพื้นฐานทางการพยาบาลก็เช่นเดียวกันย่อมมีความสำคัญในการที่สร้างนักศึกษาพยาบาลให้มีความรู้ความสามารถและเป็นพยาบาลวิชาชีพที่มีคุณภาพทั้งทางด้านวิชาการ คุณธรรมจริยธรรมและจรรยาบรรณวิชาชีพได้ฉันนั้น เมื่อข้อสรุปเป็นดังข้างต้น อาจารย์ภาควิชาพื้นฐานการพยาบาล จึงได้ให้ความสำคัญในการออกแบบลักษณะการจัดการเรียนการสอน และได้นำแผนงาน/โครงการ การปฏิบัติราชการของวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี อุตรดิตถ์ นโยบายของกลุ่มงานวิชาการ และแนวทางปฏิบัติที่ดี (Best Practice) ของกลุ่มงานวิจัย บริการวิชาการและวิเทศสัมพันธ์ มาเป็นแนวทางในการจัดการความรู้และการจัดการเรียนการการสอนแบบบูรณาการ 3 ด้านด้วยกันคือ ด้านการเรียนการสอนกับการสร้างเสริมสุขภาพ ด้านบริการวิชาการและด้านการวิจัย ในรายวิชา ปฏิบัติหลักการและเทคนิคการพยาบาล เพื่อพัฒนานักศึกษาให้ได้รับประสบการณ์การเรียนรู้ทั้งในและนอกสถาบันการศึกษา โดยการจัดการศึกษาแบบเน้นพัฒนาการเรียนรู้ (Active Learning) ?ที่ผ่านกระบวนการจัดการความรู้ (Knowledge Management) ของอาจารย์ในภาควิชาฯ ซึ่งมีผลสรุปการสังเคราะห์ความรู้จากแหล่งอ้างอิงทางวิชาการ อาทิ ผลงานวิจัย บทความและตำรา ได้ ดังนี้

การศึกษาแบบเน้นพัฒนาการเรียนรู้ (Active Learning)

จากการศึกษาแบบเน้นพัฒนาการเรียนรู้ ?(Active Learning) มีความหมายดังต่อไปนี้

???????? Active Learning หมายถึง กระบวนการในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ผู้เรียนได้มีโอกาสลงมือกระทำมากกว่าการฟัง การจัดกิจกรรมเป็นการจัดให้ผู้เรียนได้เรียนรู้โดยการอ่าน การเขียน การโต้ตอบและการวิเคราะห์ปัญหา และการให้ผู้เรียนได้ใช้กระบวนการคิดขั้นสูง ได้แก่ การวิเคราะห์ สังเคราะห์ และการประเมินค่า

??????? Active Learning หมายถึง กระบวนการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้อย่างมีความหมาย โดยการร่วมมือระหว่างผู้เรียน วิธีการสอนแบบบรรยายของผู้สอนจะลดลง และเพิ่มกระบวนการและกิจกรรมที่จะทำให้ผู้เรียนเกิดความกระตือรือร้นในการจะทำกิจกรรมต่างๆ มากขึ้น และอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ โดยการพูด การเขียน การอภิปราย

???????Active Learning หมายถึง กระบวนการจัดการเรียนรู้ที่มุ่งให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้อย่างมีความหมาย โดยการลงมือกระทากิจกรรมที่หลากหลายและใช้กระบวนการคิดเกี่ยวกับสิ่งที่ได้กระทำ

????????? สรุปความหมายของ Active learning คือ กระบวนการจัดการเรียนรู้ด้วยวิธีการจัดการเรียนการสอนแบบเสริมสร้างกิจกรรมการเรียนรู้หรือใช้วิธีการเรียนรู้ที่หลากหลายเพื่อให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติมากกว่าการฟังบรรยายจากผู้สอน ทั้งนี้ประสบการณ์ที่เกิดจากการเรียนรู้จะสามารถพัฒนาให้ผู้เรียนมีทักษะการคิด วิเคราะห์ สังเคราะห์และประเมินค่าในสิ่งที่ได้เรียนรู้ได้

?หลักการของการเรียนรู้แบบ Active Learning

????????? 1. ผู้สอนลดบทบาทในการสอนและการให้ข้อมูลความรู้แก่ผู้เรียนโดยตรง แต่มุ่งเน้นการสร้างแรงจูงใจแก่ผู้เรียน

????????? 2.? จัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่หลากหลายและท้าทาย เพื่อกระตุ้นให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมและเกิดความกระตือรือร้นในการทำกิจกรรม

???????? 3.? จัดสภาพการเรียนรู้แบบร่วมมือ ส่งเสริมการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียนด้วยกันและระหว่างผู้เรียนกับผู้สอน

????????? 4. พัฒนาทักษะด้านการสื่อสาร และทักษะการคิดรูปแบบต่างๆ

?หลักการของ active learning อธิบายว่า โดยทั่วไป ผู้เรียนจะเรียนรู้ได้จากการอ่านร้อยละ 10 ร้อยละ 20 จากการได้ยิน ร้อยละ 30 จากการได้เห็น ร้อยละ 50 จากการได้เห็นและได้ยิน ร้อยละ 70 จากการที่ผู้เรียนสามารถพูดและเขียนสรุปได้ และร้อยละ 90 หากได้ลงมีปฏิบัติ ตามรูปภาพ

??

ภาพที่ 1 แสดงร้อยละของการเรียนรู้แบบ Passive Learning และ Active Learning ?อ้างอิงจาก http://mathsimulationtechnology.wordpress.com/2012/02/16/active-learning-passive-teaching/

??????????จากผลร้อยละของรูปแบบการเรียนรู้ ทำให้มีการคิดและสร้างสรรค์รูปแบบการเรียนรู้เพื่อพัฒนาผู้เรียนให้มีการกระตือรือร้นและมีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ยกตัวอย่างเช่น ? McKinney (2008) ได้เสนอรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่จะช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้แบบ Active Learning ได้ดี ได้แก่

1. การเรียนรู้แบบแลกเปลี่ยนความคิด (Think-Pair-Share) คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนคิดเกี่ยวกับประเด็นที่กำหนดคนเดียว 2-3 นาที (Think) จากนั้นให้แลกเปลี่ยนความคิดกับเพื่อนอีกคน 3-5 นาที (Pair) และนำเสนอความคิดเห็นต่อผู้เรียนทั้งหมด (Share)

2. การเรียนรู้แบบร่วมมือ (Collaborative learning group) คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนได้ทำงานร่วมกับผู้อื่น โดยจัดกลุ่มๆ ละ 3-6 คน

3. การเรียนรู้แบบทบทวนโดยผู้เรียน (Student-led review sessions) คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ทบทวนความรู้และพิจารณาข้อสงสัยต่าง ๆ ในการปฏิบัติกิจกรรมการเรียนรู้ โดยครูจะคอยช่วยเหลือกรณีที่มีปัญหา

4. การเรียนรู้แบบใช้เกม (Games) คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ผู้สอนนำเกมเข้าบูรณาการในการเรียนการสอน ซึ่งใช้ได้ทั้งในขั้นการนำเข้าสู่บทเรียน, การสอน, การมอบหมายงาน, และหรือขั้นการประเมินผล

5. การเรียนรู้แบบวิเคราะห์วีดีโอ (Analysis or reactions to videos) คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนได้ดูวีดีโอ 5-20 นาที แล้วให้ผู้เรียนแสดงความคิดเห็น หรือสะท้อนความคิดเกี่ยวกับสิ่งที่ได้ดู อาจโดยวิธีการพูดโต้ตอบกัน การเขียน หรือ การร่วมกันสรุปเป็นรายกลุ่ม

6. การเรียนรู้แบบโต้วาที (Student debates) คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่จัดให้ผู้เรียนได้นำเสนอข้อมูลที่ได้จากประสบการณ์และการเรียนรู้ เพื่อยืนยันแนวคิดของตนเองหรือกลุ่ม

7. การเรียนรู้แบบผู้เรียนสร้างแบบทดสอบ (Student generated exam questions) คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนสร้างแบบทดสอบจากสิ่งที่ได้เรียนรู้มาแล้ว

8. การเรียนรู้แบบกระบวนการวิจัย (Mini-research proposals or project) คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่อิงกระบวนการวิจัย โดยให้ผู้เรียนกำหนดหัวข้อที่ต้องการเรียนรู้, วางแผนการเรียน, เรียนรู้ตามแผน, สรุปความรู้หรือสร้างผลงาน, และสะท้อนความคิดในสิ่งที่ได้เรียนรู้ หรืออาจเรียกว่าการสอนแบบโครงงาน(project-based learning) หรือ การสอนแบบใช้ปัญหาเป็นฐาน(problem-based learning)

9. การเรียนรู้แบบกรณีศึกษา (Analyze case studies) คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนได้อ่านกรณีตัวอย่างที่ต้องการศึกษา จากนั้นให้ผู้เรียนวิเคราะห์และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นหรือแนวทางแก้ปัญหาภายในกลุ่ม แล้วนำเสนอความคิดเห็นต่อผู้เรียนทั้งหมด

10. การเรียนรู้แบบการเขียนบันทึก (Keeping journals or logs) คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ผู้เรียนจดบันทึกเรื่องราวต่างๆ ที่ได้พบเห็น หรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน รวมทั้งเสนอความคิดเพิ่มเติมเกี่ยวกับบันทึกที่เขียน

11. การเรียนรู้แบบการเขียนจดหมายข่าว (Write and produce a newsletter) คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนร่วมกันผลิตจดหมายข่าว อันประกอบด้วย บทความ ข้อมูลสารสนเทศ ข่าวสาร และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แล้วแจกจ่ายไปยังบุคคลอื่นๆ

12. การเรียนรู้แบบแผนผังความคิด (Concept mapping) คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนออกแบบแผนผังความคิด เพื่อนำเสนอความคิดรวบยอด และความเชื่อมโยงกันของกรอบความคิด โดยการใช้เส้นเป็นตัวเชื่อมโยง อาจจัดทำเป็นรายบุคคลหรืองานกลุ่ม แล้วนำเสนอผลงานต่อผู้เรียนอื่นๆ จากนั้นเปิดโอกาสให้ผู้เรียนคนอื่นได้ซักถามและแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม

????????? จากการศึกษาและการสนทนาของอาจารย์ภาควิชาพื้นฐานการพยาบาล ได้มีการเลือกรูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning ตามแนวคิดของ McKinney (2008) ?มาใช้ในการบูรณาการการจัดการเรียนการสอนรายวิชาปฏิบัติหลักการและเทคนิคการพยาบาล โดยใช้รูปแบบดังนี้

1. การเรียนรู้แบบแลกเปลี่ยนความคิด (Think-Pair-Share)

2. การเรียนรู้แบบร่วมมือ (Collaborative learning group)

3. การเรียนรู้แบบทบทวนโดยผู้เรียน (Student-led review sessions)

5. การเรียนรู้แบบวิเคราะห์วีดีโอ (Analysis or reactions to videos)

8. การเรียนรู้แบบกระบวนการวิจัย (Mini-research proposals or project)

9. การเรียนรู้แบบกรณีศึกษา (Analyze case studies)

12. การเรียนรู้แบบแผนผังความคิด (Concept mapping)

????????? อย่างไรก็ตามในรูปแบบของ McKinney (2008) ?อาจารย์ภาควิชาพื้นฐานการพยาบาลได้นำกระบวนการอื่นที่มีรูปแบบแนวคิดที่มีความคล้ายคลึงกันผสมผสานไปในรูปแบบของ McKinney ด้วย ยกตัวอย่างเช่น ใช้กระบวนการเล่าประสบการณ์ (Story telling) และ การสะท้อนคิด (Reflective thinking) เข้าไปในรูปแบบที่ 1. การเรียนรู้แบบแลกเปลี่ยนความคิด (Think-Pair-Share) เป็นต้น

????????? ผลการศึกษาและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการเรียนรู้แบบ Active Learning พบว่ามีผลทั้งทางด้านบวกคือทำให้ผู้เรียนมีแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ สอดคล้องกับการศึกษาของสุภาพร กฤตยาพรนุพงศ์ (2550) ?เรื่อง ตัวแบบวิเคราะห์การถดถอยแบบ OLS และพหุคูณ แบบลำดับวิเคราะห์ปัจจัยที่มีผลต่อการเรียนรู้คณิตศาสตร์แบบ Active Learning ในกลุ่มตัวอย่างนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 1-3 จำนวน 64 คน พบว่า คุณภาพและปริมาณการเรียนของนักเรียนเพิ่มขึ้น ทำให้ผลการเรียนรู้คณิตศาสตร์เพิ่มขึ้น? และ การศึกษาของ วรวรรณ เพชรอุไร เรื่อง ผลสัมฤทธิ์การเรียนรู้แบบแอคทีฟในรายวิชา อย.341 การแปรรูปยาง ?(Achievement of Teaching by Active Learning Method in RI 341 Rubber Processing) ?กลุ่มตัวอย่างเป็นนักศึกษาสาขาเทคโนโลยียางและพอลิเมอร์ จำนวน 38 คน ผลการศึกษาสรุปว่า นักศึกษาที่เคยสอบไม่ผ่านการประเมินในภาคการศึกษาที่ 1/2554 มีผลการเรียนดีขึ้นตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ กล่าวคือสามารถสอบผ่านการการประเมินครั้งนี้ทุกคน และจากการประเมินความพึงพอใจของนักศึกษาพบว่าการเรียนแบบ Activelearning โดยใช้กิจกรรมที่หลากหลายในการเรียนการสอน นักศึกษามีความพึงพอใจต่อกิจกรรมต่างๆ เป็นอย่างดี มีความกระตือรือร้น และมีความสนใจที่อยากจะร่วมกิจกรรมมากกว่าการสอนแบบบรรยายเพียงอย่างเดียว

????????? จากรายงานผลการศึกษาของการนำรูปแบบ Active Learning ไปใช้ในการวิจัยและมีผลการศึกษาออกมาทางบวกนั้น ผลการศึกษาในบทความวิชาการมีการอภิปรายถึงข้อด้อยของการใช้รูปแบบการเรียนการสอนแบบ Active Learning ว่า ผู้ที่ขาดความรู้ความเข้าใจในการนำรูปแบบ Active Learning ไปใช้อย่างแท้จริง คิดว่า การลดบทบาทของการเป็นผู้สอนและปล่อยให้ผู้เรียนศึกษาอย่างอิสระ ผู้สอนเป็นเพียงผู้อำนวยความสะดวกและบริหารจัดการหลักสูตร การที่มุ่งเน้นเฉพาะให้ผู้เรียนเกิดกระตือรือร้น ตื่นตัวในกิจกรรม อาจไม่ได้ทำให้ผู้เรียนเกิดการรู้คิดเสมอไป (R.E.Mayer,2004 อ้างในสุระ บรรจงจิต ,2551) ดังนั้นการเรียนรู้แบบ Active Learning แต่ผลลัพธ์การเรียนรู้ทำให้เกิดความจำระยะสั้น จะทำให้ผู้เรียนไม่สามารถจำหรือเก็บข้อมูลไว้ในสมองส่วนของความจำได้ไม่เกิน 7 ข้อมูล และข้อมูลระยะสั้นจะถูกลืมไปภายใน 30 วินาทีหากไม่มีการทบทวนซ้ำ ส่วนความจำระยะยาวนั้นที่อาจมีกระบวนการเรียนรู้แบบ Active Learning มาก่อนเป็นพื้นฐานนั้น ทำให้เกิดแนวความคิดในการเรียนรู้แขนงใหม่ เรียกว่า Constructivist หรือการเรียนรู้แบบสร้างสรรค์ทางปัญญา (Construcionism) ซึ่งเป็นรูปแบบการเรียนรู้ที่สร้างข้อมูลใหม่ให้มีความจำระยะยาวด้วยการนำข้อมูลที่ได้รับจากกระบวนการของ Active Learning ที่ได้รับความจำระยะสั้นมาผสมผสานกับข้อมูลที่มีอยู่เดิม ดังนั้นผู้เรียนจะเป็นผู้สร้างความรู้ที่ได้รับมาใหม่มาประกอบกับประสบการณ์ที่เคยได้รับ

????????? สาระความรู้ที่ได้จากการสนทนาจัดการความรู้ของอาจารย์ในภาควิชาฯ โดยการศึกษาองค์ความรู้รูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning จากแหล่งอ้างอิงทำให้เกิดแนวคิดในการเรียนรู้สู่การปฏิบัติด้วยการบูรณาการการจัดการเรียนการสอนด้านการส่งเสริมสุขภาพ การบริการวิชาการและการวิจัยและการติดตามประเมินผลการนำรูปแบบไปใช้ต่อไป

อ้างอิง

ชานินท์ ศรียาภัย, นาวาตรี. ?การพัฒนาการศึกษาแบบ Active Learning ของสถาบันวิชาการทหารเรือ

??????????????? ชั้นสูง?เอกสารวิจัยโรงเรียนเสนาธิการทหารเรือ, ๒๕๔๖.

ไชยยศ เรื่องสุวรรณ. Active Learning. สืบค้นจาก http://www.drchaiyot.com เมื่อ 25 กรกฎาคม

????????????? ?2552.

ประกิต รำพึงกุล, นาวาตรี. ?การจัดการศึกษาแบบ Active Learning สำหรับโรงเรียนนายเรือ?, เอกสารวิจัย?โรงเรียนเสนาธิการทหารเรือ, ๒๕๔๘.

พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๔๒ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) และ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ.๒๕๔๓.

วรวรรณ เพชรอุไร.รายงานการวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนการสอน/การวิจัยในชั้นเรียนเรื่อง ผลสัมฤทธิ์จากการ

????????????? เรียนรู้แบบแอคทีฟในรายวิชา อย.341 การแปรรูปยาง.สาขาวิชาเทคโนโลยียางและพอลิเมอร์????

????????????? คณะ?วิศวะกรรมและอุตสาหกรรมการเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้.๒๕๕๕

สุภาพร กฤตยากรนุพงศ์.ตัวแบบการถดถอยแบบ OLS และแบบพหุคูณ แบบลำดับในการวิเคราะห์ปัจจัยที่มี

????????????? ผลต่อการเรียนรู้คณิตศาสตร์แบบActive Learning.ปริญญานิพนธ์วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต?

????????????? สาขา? คณิตศาสตร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยศิลปกร.๒๕๕๑.

สุระ? บรรจงจิตร. วารสารนายเรือ.?Active Learning: ดาบสองคม?,ปีที่ ๘ ฉบับที่ ๑มกราคม-มีนาคม

?????????????? ๒๕๕๑, หน้า๓๕-๔๑.

C.C. Bonwell, J.A. Eison, ?Active Learning: Creating Excitement in the Classroom.??

?????????????? ERIC Digest.Washington D.C.: ERIC Clearinghouse on Higher Education,?

?????????????? 1991.

P.A. Kirschner, J. Sweller, R.E. Clark, ?Why Minimal Guidance During Instruction?

????????????? Does Not?Work: An Analysis of the Failure of Constructivist, Discovery,?

????????????? Problem-Based,

McKinney,K. Sociology Through Active Learning. Pine Forge Pr, 2008. San?

?????????????? Francisco : Jossey-?Bass, 1993.

หมายเหตุ : การนำแนวทางปฏิบัติที่ดีของวิทยาลัยฯ มาใช้ในการปฏิบัติงานจริง? ภาควิชาพื้นฐานการพยาบาล มีรายงานขั้นตอนการปฏิบัติ ปรากฏในหลักฐานของภาควิชาฯ โดยจะส่งมอบแก่กลุ่มงานวิจัย บริการวิชาการและวิเทศสัมพันธ์ ต่อไปพร้อมกับรายการอื่นๆ ตามบันทึกข้อความที่ 0203/0912/พิเศษ วันที่ 10? มีนาคม 2557

Active Learning : แนวทางการบูรณาการการเรียนการสอนกับการสร้างเสริมสุขภาพ

Categories: การจัดการความรู้ วพบ.อต.
Author: dao
Time: 10:27 am
Reactions :4 comments

Active Learning : แนวทางการบูรณาการการเรียนการสอนกับการสร้างเสริมสุขภาพ
องค์ความรู้ที่ได้จาการแลกเปลี่ยนความรู้และจากผลงานทางวิชาการ
โดย การนำแนวปฏิบัติที่ดี (Best Practice) ของวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี อุตรดิตถ์มาใช้ในการปฏิบัติ

อาจารย์ภาควิชาพื้นฐานการพยาบาล
วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี อุตรดิตถ์

การศึกษา เป็นกระบวนการเรียนรู้เพื่อความเจริญงอกงามของบุคคลและสังคมโดยการถ่ายทอดความรู้ การฝึก การอบรม การสืบสานทางวัฒนธรรม การสร้างสรรค์จรรโลงความก้าวหน้าทางวิชาการ การสร้างองค์ความรู้อันเกิดจากการจัดสภาพแวดล้อม สังคม การเรียนรู้และปัจจัยเกื้อหนุนให้บุคคลเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต (พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ, 2552) จากบทบัญญัติความหมายของการศึกษาในพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ สามารถที่จะศึกษาและทำความเข้าใจได้ว่า สถานศึกษาหรือสถาบันการศึกษาทั้งในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานและการศึกษาระดับอุดมศึกษานั้น ต้องมีการจัดการศึกษาที่มีการผสมผสานกันทั้งการศึกษาในระบบและการศึกษานอกระบบเพื่อให้ผู้เรียนได้รับประสบการณ์ ส่งเสริม ให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตได้ต่อไปในอนาคต
วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี อุตรดิตถ์ เป็นสถาบันการศึกษา ระดับอุดมศึกษา มีพันธกิจหลักคือการผลิตบัณฑิตพยาบาล เป็นพยาบาลวิชาชีพ เพื่อให้บริการสุขภาพแก่ประชาชน การจัดการศึกษาด้านวิชาการจึงมุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพบัณฑิตให้มีคุณลักษณะที่พึงประสงค์และมีอัตลักษณ์บัณฑิตของวิทยาลัยฯ นับตั้งแต่ผู้เรียนหรือนักศึกษาพยาบาลเข้าสู่เส้นทางการศึกษาวิชาชีพการพยาบาล
ภาควิชาพื้นฐานการพยาบาล วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี อุตรดิตถ์ มีหน้าที่รับผิดชอบจัดการเรียนการสอนให้แก่นักศึกษานับแต่เริ่มแรกหรือเป็นจุดเริ่มต้นของการศึกษาวิชาทางการพยาบาล หรือเรียกได้ว่า เป็นวิชาพื้นฐานทางการพยาบาล ดังนั้น สิ่งใดๆ ก็ตามถ้ามีฐานที่แข็งแรง เสมือนรากไม้ที่หยั่งลึกสร้างความมั่นคงให้แก่ลำต้นและกิ่งก้านสาขาได้ฉันใด วิชาพื้นฐานทางการพยาบาลก็เช่นเดียวกันย่อมมีความสำคัญในการที่สร้างนักศึกษาพยาบาลให้มีความรู้ความสามารถและเป็นพยาบาลวิชาชีพที่มีคุณภาพทั้งทางด้านวิชาการ คุณธรรมจริยธรรมและจรรยาบรรณวิชาชีพได้ฉันนั้น เมื่อข้อสรุปเป็นดังข้างต้น อาจารย์ภาควิชาพื้นฐานการพยาบาล จึงได้ให้ความสำคัญในการออกแบบลักษณะการจัดการเรียนการสอน และได้นำแผนงาน/โครงการ การปฏิบัติราชการของวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี อุตรดิตถ์ นโยบายของกลุ่มงานวิชาการ และแนวทางปฏิบัติที่ดี (Best Practice) ของกลุ่มงานวิจัย บริการวิชาการและวิเทศสัมพันธ์ มาเป็นแนวทางในการจัดการความรู้และการจัดการเรียนการการสอนแบบบูรณาการ 3 ด้านด้วยกันคือ ด้านการเรียนการสอนกับการสร้างเสริมสุขภาพ ด้านบริการวิชาการและด้านการวิจัย ในรายวิชา ปฏิบัติหลักการและเทคนิคการพยาบาล เพื่อพัฒนานักศึกษาให้ได้รับประสบการณ์การเรียนรู้ทั้งในและนอกสถาบันการศึกษา โดยการจัดการศึกษาแบบเน้นพัฒนาการเรียนรู้ (Active Learning) ที่ผ่านกระบวนการจัดการความรู้ (Knowledge Management) ของอาจารย์ในภาควิชาฯ ซึ่งมีผลสรุปการสังเคราะห์ความรู้จากแหล่งอ้างอิงทางวิชาการ อาทิ ผลงานวิจัย บทความและตำรา ได้ ดังนี้
การศึกษาแบบเน้นพัฒนาการเรียนรู้ (Active Learning)
จากการศึกษาแบบเน้นพัฒนาการเรียนรู้ (Active Learning) มีความหมายดังต่อไปนี้
Active Learning หมายถึง กระบวนการในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ผู้เรียนได้มีโอกาสลงมือกระทำมากกว่าการฟัง การจัดกิจกรรมเป็นการจัดให้ผู้เรียนได้เรียนรู้โดยการอ่าน การเขียน การโต้ตอบและการวิเคราะห์ปัญหา และการให้ผู้เรียนได้ใช้กระบวนการคิดขั้นสูง ได้แก่ การวิเคราะห์ สังเคราะห์ และการประเมินค่า
Active Learning หมายถึง กระบวนการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้อย่างมีความหมาย โดยการร่วมมือระหว่างผู้เรียน วิธีการสอนแบบบรรยายของผู้สอนจะลดลง และเพิ่มกระบวนการและกิจกรรมที่จะทำให้ผู้เรียนเกิดความกระตือรือร้นในการจะทำกิจกรรมต่างๆ มากขึ้น และอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ โดยการพูด การเขียน การอภิปราย

Active Learning หมายถึง กระบวนการจัดการเรียนรู้ที่มุ่งให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้อย่างมีความหมาย โดยการลงมือกระทากิจกรรมที่หลากหลายและใช้กระบวนการคิดเกี่ยวกับสิ่งที่ได้กระทำ
สรุปความหมายของ Active learning คือ กระบวนการจัดการเรียนรู้ด้วยวิธีการจัดการเรียนการสอนแบบเสริมสร้างกิจกรรมการเรียนรู้หรือใช้วิธีการเรียนรู้ที่หลากหลายเพื่อให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติมากกว่าการฟังบรรยายจากผู้สอน ทั้งนี้ประสบการณ์ที่เกิดจากการเรียนรู้จะสามารถพัฒนาให้ผู้เรียนมีทักษะการคิด วิเคราะห์ สังเคราะห์และประเมินค่าในสิ่งที่ได้เรียนรู้ได้

หลักการของการเรียนรู้แบบ Active Learning
1. ผู้สอนลดบทบาทในการสอนและการให้ข้อมูลความรู้แก่ผู้เรียนโดยตรง แต่มุ่งเน้นการสร้างแรงจูงใจแก่ผู้เรียน
2. จัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่หลากหลายและท้าทาย เพื่อกระตุ้นให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมและเกิดความกระตือรือร้นในการทำกิจกรรม
3. จัดสภาพการเรียนรู้แบบร่วมมือ ส่งเสริมการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียนด้วยกันและระหว่างผู้เรียนกับผู้สอน
4. พัฒนาทักษะด้านการสื่อสาร และทักษะการคิดรูปแบบต่างๆ

หลักการของ active learning อธิบายว่า โดยทั่วไป ผู้เรียนจะเรียนรู้ได้จากการอ่านร้อยละ 10 ร้อยละ 20 จากการได้ยิน ร้อยละ 30 จากการได้เห็น ร้อยละ 50 จากการได้เห็นและได้ยิน ร้อยละ 70 จากการที่ผู้เรียนสามารถพูดและเขียนสรุปได้ และร้อยละ 90 หากได้ลงมีปฏิบัติ ตามรูปภาพ

ภาพที่ 1 แสดงร้อยละของการเรียนรู้แบบ Passive Learning และ Active Learning อ้างอิงจาก http://mathsimulationtechnology.wordpress.com/2012/02/16/active-learning-passive-teaching/

จากผลร้อยละของรูปแบบการเรียนรู้ ทำให้มีการคิดและสร้างสรรค์รูปแบบการเรียนรู้เพื่อพัฒนาผู้เรียนให้มีการกระตือรือร้นและมีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ยกตัวอย่างเช่น McKinney (2008) ได้เสนอรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่จะช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้แบบ Active Learning ได้ดี ได้แก่
1. การเรียนรู้แบบแลกเปลี่ยนความคิด (Think-Pair-Share) คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนคิดเกี่ยวกับประเด็นที่กำหนดคนเดียว 2-3 นาที (Think) จากนั้นให้แลกเปลี่ยนความคิดกับเพื่อนอีกคน 3-5 นาที (Pair) และนำเสนอความคิดเห็นต่อผู้เรียนทั้งหมด (Share)
2. การเรียนรู้แบบร่วมมือ (Collaborative learning group) คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนได้ทำงานร่วมกับผู้อื่น โดยจัดกลุ่มๆ ละ 3-6 คน
3. การเรียนรู้แบบทบทวนโดยผู้เรียน (Student-led review sessions) คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ทบทวนความรู้และพิจารณาข้อสงสัยต่าง ๆ ในการปฏิบัติกิจกรรมการเรียนรู้ โดยครูจะคอยช่วยเหลือกรณีที่มีปัญหา
4. การเรียนรู้แบบใช้เกม (Games) คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ผู้สอนนำเกมเข้าบูรณาการในการเรียนการสอน ซึ่งใช้ได้ทั้งในขั้นการนำเข้าสู่บทเรียน, การสอน, การมอบหมายงาน, และหรือขั้นการประเมินผล
5. การเรียนรู้แบบวิเคราะห์วีดีโอ (Analysis or reactions to videos) คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนได้ดูวีดีโอ 5-20 นาที แล้วให้ผู้เรียนแสดงความคิดเห็น หรือสะท้อนความคิดเกี่ยวกับสิ่งที่ได้ดู อาจโดยวิธีการพูดโต้ตอบกัน การเขียน หรือ การร่วมกันสรุปเป็นรายกลุ่ม
6. การเรียนรู้แบบโต้วาที (Student debates) คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่จัดให้ผู้เรียนได้นำเสนอข้อมูลที่ได้จากประสบการณ์และการเรียนรู้ เพื่อยืนยันแนวคิดของตนเองหรือกลุ่ม
7. การเรียนรู้แบบผู้เรียนสร้างแบบทดสอบ (Student generated exam questions) คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนสร้างแบบทดสอบจากสิ่งที่ได้เรียนรู้มาแล้ว
8. การเรียนรู้แบบกระบวนการวิจัย (Mini-research proposals or project) คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่อิงกระบวนการวิจัย โดยให้ผู้เรียนกำหนดหัวข้อที่ต้องการเรียนรู้, วางแผนการเรียน, เรียนรู้ตามแผน, สรุปความรู้หรือสร้างผลงาน, และสะท้อนความคิดในสิ่งที่ได้เรียนรู้ หรืออาจเรียกว่าการสอนแบบโครงงาน(project-based learning) หรือ การสอนแบบใช้ปัญหาเป็นฐาน(problem-based learning)
9. การเรียนรู้แบบกรณีศึกษา (Analyze case studies) คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนได้อ่านกรณีตัวอย่างที่ต้องการศึกษา จากนั้นให้ผู้เรียนวิเคราะห์และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นหรือแนวทางแก้ปัญหาภายในกลุ่ม แล้วนำเสนอความคิดเห็นต่อผู้เรียนทั้งหมด
10. การเรียนรู้แบบการเขียนบันทึก (Keeping journals or logs) คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ผู้เรียนจดบันทึกเรื่องราวต่างๆ ที่ได้พบเห็น หรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน รวมทั้งเสนอความคิดเพิ่มเติมเกี่ยวกับบันทึกที่เขียน
11. การเรียนรู้แบบการเขียนจดหมายข่าว (Write and produce a newsletter) คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนร่วมกันผลิตจดหมายข่าว อันประกอบด้วย บทความ ข้อมูลสารสนเทศ ข่าวสาร และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แล้วแจกจ่ายไปยังบุคคลอื่นๆ
12. การเรียนรู้แบบแผนผังความคิด (Concept mapping) คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนออกแบบแผนผังความคิด เพื่อนำเสนอความคิดรวบยอด และความเชื่อมโยงกันของกรอบความคิด โดยการใช้เส้นเป็นตัวเชื่อมโยง อาจจัดทำเป็นรายบุคคลหรืองานกลุ่ม แล้วนำเสนอผลงานต่อผู้เรียนอื่นๆ จากนั้นเปิดโอกาสให้ผู้เรียนคนอื่นได้ซักถามและแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม
จากการศึกษาและการสนทนาของอาจารย์ภาควิชาพื้นฐานการพยาบาล ได้มีการเลือกรูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning ตามแนวคิดของ McKinney (2008) มาใช้ในการบูรณาการการจัดการเรียนการสอนรายวิชาปฏิบัติหลักการและเทคนิคการพยาบาล โดยใช้รูปแบบดังนี้
1. การเรียนรู้แบบแลกเปลี่ยนความคิด (Think-Pair-Share)
2. การเรียนรู้แบบร่วมมือ (Collaborative learning group)
3. การเรียนรู้แบบทบทวนโดยผู้เรียน (Student-led review sessions)
5. การเรียนรู้แบบวิเคราะห์วีดีโอ (Analysis or reactions to videos)
8. การเรียนรู้แบบกระบวนการวิจัย (Mini-research proposals or project)
9. การเรียนรู้แบบกรณีศึกษา (Analyze case studies)
12. การเรียนรู้แบบแผนผังความคิด (Concept mapping)
อย่างไรก็ตามในรูปแบบของ McKinney (2008) อาจารย์ภาควิชาพื้นฐานการพยาบาลได้นำกระบวนการอื่นที่มีรูปแบบแนวคิดที่มีความคล้ายคลึงกันผสมผสานไปในรูปแบบของ McKinney ด้วย ยกตัวอย่างเช่น ใช้กระบวนการเล่าประสบการณ์ (Story telling) และ การสะท้อนคิด (Reflective thinking) เข้าไปในรูปแบบที่ 1. การเรียนรู้แบบแลกเปลี่ยนความคิด (Think-Pair-Share) เป็นต้น
ผลการศึกษาและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการเรียนรู้แบบ Active Learning พบว่ามีผลทั้งทางด้านบวกคือทำให้ผู้เรียนมีแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ สอดคล้องกับการศึกษาของสุภาพร กฤตยาพรนุพงศ์ (2550) เรื่อง ตัวแบบวิเคราะห์การถดถอยแบบ OLS และพหุคูณ แบบลำดับวิเคราะห์ปัจจัยที่มีผลต่อการเรียนรู้คณิตศาสตร์แบบ Active Learning ในกลุ่มตัวอย่างนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 1-3 จำนวน 64 คน พบว่า คุณภาพและปริมาณการเรียนของนักเรียนเพิ่มขึ้น ทำให้ผลการเรียนรู้คณิตศาสตร์เพิ่มขึ้น และ การศึกษาของ วรวรรณ เพชรอุไร เรื่อง ผลสัมฤทธิ์การเรียนรู้แบบแอคทีฟในรายวิชา อย.341 การแปรรูปยาง (Achievement of Teaching by Active Learning Method in RI 341 Rubber Processing) กลุ่มตัวอย่างเป็นนักศึกษาสาขาเทคโนโลยียางและพอลิเมอร์ จำนวน 38 คน ผลการศึกษาสรุปว่า นักศึกษาที่เคยสอบไม่ผ่านการประเมินในภาคการศึกษาที่ 1/2554 มีผลการเรียนดีขึ้นตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ กล่าวคือสามารถสอบผ่านการการประเมินครั้งนี้ทุกคน และจากการประเมินความพึงพอใจของนักศึกษาพบว่าการเรียนแบบ Activelearning โดยใช้กิจกรรมที่หลากหลายในการเรียนการสอน นักศึกษามีความพึงพอใจต่อกิจกรรมต่างๆ เป็นอย่างดี มีความกระตือรือร้น และมีความสนใจที่อยากจะร่วมกิจกรรมมากกว่าการสอนแบบบรรยายเพียงอย่างเดียว
จากรายงานผลการศึกษาของการนำรูปแบบ Active Learning ไปใช้ในการวิจัยและมีผลการศึกษาออกมาทางบวกนั้น ผลการศึกษาในบทความวิชาการมีการอภิปรายถึงข้อด้อยของการใช้รูปแบบการเรียนการสอนแบบ Active Learning ว่า ผู้ที่ขาดความรู้ความเข้าใจในการนำรูปแบบ Active Learning ไปใช้อย่างแท้จริง คิดว่า การลดบทบาทของการเป็นผู้สอนและปล่อยให้ผู้เรียนศึกษาอย่างอิสระ ผู้สอนเป็นเพียงผู้อำนวยความสะดวกและบริหารจัดการหลักสูตร การที่มุ่งเน้นเฉพาะให้ผู้เรียนเกิดกระตือรือร้น ตื่นตัวในกิจกรรม อาจไม่ได้ทำให้ผู้เรียนเกิดการรู้คิดเสมอไป (R.E.Mayer,2004 อ้างในสุระ บรรจงจิต ,2551) ดังนั้นการเรียนรู้แบบ Active Learning แต่ผลลัพธ์การเรียนรู้ทำให้เกิดความจำระยะสั้น จะทำให้ผู้เรียนไม่สามารถจำหรือเก็บข้อมูลไว้ในสมองส่วนของความจำได้ไม่เกิน 7 ข้อมูล และข้อมูลระยะสั้นจะถูกลืมไปภายใน 30 วินาทีหากไม่มีการทบทวนซ้ำ ส่วนความจำระยะยาวนั้นที่อาจมีกระบวนการเรียนรู้แบบ Active Learning มาก่อนเป็นพื้นฐานนั้น ทำให้เกิดแนวความคิดในการเรียนรู้แขนงใหม่ เรียกว่า Constructivist หรือการเรียนรู้แบบสร้างสรรค์ทางปัญญา (Construcionism) ซึ่งเป็นรูปแบบการเรียนรู้ที่สร้างข้อมูลใหม่ให้มีความจำระยะยาวด้วยการนำข้อมูลที่ได้รับจากกระบวนการของ Active Learning ที่ได้รับความจำระยะสั้นมาผสมผสานกับข้อมูลที่มีอยู่เดิม ดังนั้นผู้เรียนจะเป็นผู้สร้างความรู้ที่ได้รับมาใหม่มาประกอบกับประสบการณ์ที่เคยได้รับ
สาระความรู้ที่ได้จากการสนทนาจัดการความรู้ของอาจารย์ในภาควิชาฯ โดยการศึกษาองค์ความรู้รูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning จากแหล่งอ้างอิงทำให้เกิดแนวคิดในการเรียนรู้สู่การปฏิบัติด้วยการบูรณาการการจัดการเรียนการสอนด้านการส่งเสริมสุขภาพ การบริการวิชาการและการวิจัยและการติดตามประเมินผลการนำรูปแบบไปใช้ต่อไป
อ้างอิง
ชานินท์ ศรียาภัย, นาวาตรี. ?การพัฒนาการศึกษาแบบ Active Learning ของสถาบันวิชาการทหารเรือ
ชั้นสูง?เอกสารวิจัยโรงเรียนเสนาธิการทหารเรือ, ๒๕๔๖.
ไชยยศ เรื่องสุวรรณ. Active Learning. สืบค้นจาก http://www.drchaiyot.com เมื่อ 25 กรกฎาคม
2552.
ประกิต รำพึงกุล, นาวาตรี. ?การจัดการศึกษาแบบ Active Learning สำหรับโรงเรียนนายเรือ?, เอกสารวิจัย
โรงเรียนเสนาธิการทหารเรือ, ๒๕๔๘.
พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๔๒ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) และ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ.๒๕๔๓.
วรวรรณ เพชรอุไร.รายงานการวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนการสอน/การวิจัยในชั้นเรียนเรื่อง ผลสัมฤทธิ์จากการ
เรียนรู้แบบแอคทีฟในรายวิชา อย.341 การแปรรูปยาง.สาขาวิชาเทคโนโลยียางและพอลิเมอร์ คณะ
วิศวะกรรมและอุตสาหกรรมการเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้.๒๕๕๕
สุภาพร กฤตยากรนุพงศ์.ตัวแบบการถดถอยแบบ OLS และแบบพหุคูณ แบบลำดับในการวิเคราะห์ปัจจัยที่มี
ผลต่อการเรียนรู้คณิตศาสตร์แบบActive Learning.ปริญญานิพนธ์วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขา
คณิตศาสตร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยศิลปกร.๒๕๕๑.
สุระ บรรจงจิตร. วารสารนายเรือ.?Active Learning: ดาบสองคม?,ปีที่ ๘ ฉบับที่ ๑มกราคม-มีนาคม
๒๕๕๑, หน้า๓๕-๔๑.
C.C. Bonwell, J.A. Eison, ?Active Learning: Creating Excitement in the Classroom.? ERIC Digest.Washington D.C.: ERIC Clearinghouse on Higher Education, 1991.
P.A. Kirschner, J. Sweller, R.E. Clark, ?Why Minimal Guidance During Instruction Does Not
Work: An Analysis of the Failure of Constructivist, Discovery, Problem-Based,
McKinney,K. Sociology Through Active Learning. Pine Forge Pr, 2008. San Francisco : Jossey-
Bass, 1993.

แนวทางการจัดการเรียนการสอนภาคปฏิบัติงานของนักศึกษา โดยเน้นกระบวนการเรียนการสอนแบบ Active Learning โดยใช้กลยุทธไดแดคติค ในรูปแบบ VARK Learning Style และ Dale?s learning Pyramid เป็นกรอบในการออกแบบการเรียนการสอน

วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี อุตรดิตถ์

ภาควิชาการพยาบาลสูติศาสตร์

แนวทางการจัดการเรียนการสอนภาคปฏิบัติงานของนักศึกษา โดยเน้นกระบวนการเรียนการสอนแบบ Active Learning โดยใช้กลยุทธไดแดคติค ในรูปแบบ VARK Learning Style และ Dale?s learning Pyramid เป็นกรอบในการออกแบบการเรียนการสอน

ขั้นเตรียมการ

๑.? มอบหมายคณาจารย์ในภาควิชาฯ ทุกคนทบทวนแนวปฏิบัติที่ดีเรื่อง ?การจัดการเรียนการสอนภาคปฏิบัติสำหรับนักศึกษาหลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต? และลักษณะรายวิชาปฏิบัติการพยาบาลมารดา ทารกและผดุงครรภ์ ๑ และผลการดำเนินงานที่ผ่านมาทั้งจุดเด่นและอุปสรรค แนวทางการพัฒนา เพื่อนำมาเป็นแนวทางในการออกแบบการเรียนการสอนในภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ๒๕๕๖?

๒. คณาจารย์ในภาควิชาฯ ทบทวนความรู้ร่วมกันเกี่ยวกับ Didactic method ที่ใช้รูปแบบการเรียน แบบ VARK learning style และ ปิรามิดการเรียนรู้ของ Dale (Dale?s learning pyramid) มาเป็นกรอบในการออกแบบการเรียนการสอนซึ่งจัดเป็นรูปแบบหนึ่งของ Active learning

แนวคิดรวบยอดเกี่ยวกับ Didactic method, VARK learning style และ ?ปิรามิดการเรียนรู้ของ Dale (Dale?s learning pyramid) สรุปได้ดังนี้

Didactic Method: วิธีการจัดการเรียนการสอนประเภทหนึ่งที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ผู้สอนเป็นผู้ที่มีความกระฉับกระเฉงในการสอน (Active teacher) และออกแบบการเรียนการสอนที่สร้างบรรยากาศที่สนุกสนาน ทำให้ผู้เรียนเป็นผู้ที่มีความกระปรี้กระเปร่า (active learner) เกิดความคิดอย่างมีวิจารณญาณ (critical thinking) และเรียนรู้ตลอดชีวิต (Life long learning)

VARK Learning style: เป็น sensory Model ประกอบด้วย V: Visual เป็นวิธีการเรียนรู้วิธีหนึ่งที่ผู้เรียนจะเรียนได้ดีด้วยการเห็นข้อมูล การสังเกตผู้อื่นปฏิบัติ และ/หรือ การเห็นภาพ กราฟ ที่ช่วยให้เกิดการเรียนรู้ A: Aural or Auditory เป็นวิธีการเรียนรู้วิธีหนึ่งที่ผู้เรียนจะเรียนได้ดีด้วยการฟังเช่น ฟังจากเทป จากเรื่องเล่าของผู้อื่น จากการพูดคุย การฟังกลุ่มอภิปราย R: Read or Write เป็นวิธีการเรียนรู้วิธีหนึ่งที่ผู้เรียนจะเรียนได้ดีด้วยการอ่านหรือเขียน โดยการอ่านจากหนังสือ ตำรา อินเทอร์เน็ตในรูปอักษร การเขียนรายงาน การทำแบบฝึกหัดต่าง ๆ K: Kinesthetic เป็นวิธีการเรียนรู้วิธีหนึ่งที่ผู้เรียนจะเรียนได้ดีด้วยการลงมือปฏิบัติ ชอบฝึกหัด สนุกที่จะลงมือทำ อาจเป็นในรูปสถานการณ์จำลองเสมือนจริง หรือสถานการณ์จริง รูปแบบการเรียนรู้ของผู้เรียนแต่ละคนแตกต่างกันไป บางคนชอบดู บางคนชอบฟัง บางคนชอบอ่านหรือเขียน หรือบางคนชอบเรียนรู้จากการลงมือปฏิบัติ อย่างไรก็ตามพบว่าผู้เรียนส่วนใหญ่อาจชอบรูปแบบการเรียนรู้ผสมผสานที่ช่วยให้เกิดการเรียนรู้เช่น เห็นและทำ ?ฟัง อ่านและเขียน เป็นต้น เรียกว่า Multimodals

Dale?s learning pyramid เป็นรูปปิรามิดฐานกว้าง แบ่งการเรียนรู้เป็นแบบ Traditional passive and Teaming active โดยแบบ Teaming active เป็นส่วนที่อยู่ในฐานกว้าง โดยฐานกว้างที่สุดเรียงตามลำดับไปแคบที่สุดสู่แบบTraditional passive ดังนี้ Teaching others/Immediate use, Practice by doing, discussion group, Demonstration, Audio-visual, Reading, and lecture ซึ่งมีอัตราความคงทนในการเรียนรู้เท่ากับ 90%, 75%, 50%, 30%, 20%, 10% และ 5% ตามลำดับ

๓. คณาจารย์ในภาควิชา ฯ ร่วมกันออกแบบการเรียนการสอนภาคปฏิบัติโดยจัดทำตาราง Matrix กิจกรรมการเรียนการสอนตามเป้าหมายรายวิชา ในแผนกที่นักศึกษาจะขึ้นฝึกปฏิบัติได้แก่ แผนกฝากครรภ์ ห้องคลอดและหลังคลอด ที่ครอบคลุม VARK learning style ได้แก่ทักษะการเห็น การฟัง การอ่าน/เขียน และการลงมือปฏิบัติให้ครบถ้วน สรุปเป็นตาราง Matrix และ จัดประสบการณ์ในภาคปฏิบัติที่เน้นแบบ Teaming active มากกว่า Traditional passive ได้แก่ จัดให้มีการอภิปรายกลุ่ม (Discussion group), การเรียนรู้ด้วยการปฏิบัติ (Practice by doing) และ การสอนผู้อื่นหรือการนำไปปฏิบัติทันทีทันใด (Teach others/Immediate use)? ในทุกแผนกตามรูปแบบปิรามิดการเรียนรู้ของเดล เพื่อเพิ่มอัตราความคงทนในการเรียนรู้ให้ได้ร้อยละ ๙๐ ตัวอย่างตาราง Matrix ได้แก่

แผนกที่ฝึก กิจกรรมการเรียนการสอนภาคปฏิบัติที่ครอบคลุม VARK learning style and Dale?s learning Pyramid
V:Visual A:Aural R:Read/Write K:Kinesthetic
? ? ? ? ?

?

๔. คณาจารย์ในภาควิชาร่วมกันสรุปผลดำเนินการจัดทำ ตาราง Matrix มอบให้ผู้รับผิดชอบรายวิชาดำเนินการต่อไป

๕. ผู้รับผิดชอบรายวิชานำผลการออกแบบการเรียนการสอนร่วมกันของคณาจารย์ในภาควิชาฯ ลงในรายละเอียดประสบการณ์ภาคสนาม (มคอ. ๔) ของรายวิชาอย่างครบถ้วน

ขั้นดำเนินการ

?โดยการเตรียมความพร้อมนักศึกษาตามแนวปฏิบัติที่ดีของวิทยาลัยและคณาจารย์ที่นิเทศภาคปฏิบัติแต่ละแผนกที่นักศึกษาขึ้นฝึกปฏิบัติ วางแผนการนิเทศตามที่ได้ออกแบบการเรียนการสอนแบบ Active learning ไว้อย่างครบถ้วน

ขั้นสรุปและประเมินผล?

ภายหลังดำเนินการจัดการเรียนการสอนภาคปฏิบัติสิ้นสุด คณาจารย์ในภาควิชาตระหนักว่าการจัดทำตาราง Matrix โดยใช้รูปแบบ VARK learning style and Dale?s learning pyramid มาเป็นกรอบในการออกแบบการเรียนการสอน ช่วยทำให้สามารถตรวจสอบความครบถ้วนถูกต้องของการจัดการเรียนการสอนที่พัฒนาทักษะของผู้เรียนในทุกด้าน ได้แก่ การเห็น การฟัง การอ่าน/เขียน และการลงมือปฏิบัติ อีกทั้งเป็นการเน้นปิรามิดการเรียนรู้แบบ Teaming active ที่ทำให้ผู้สอนสามารถออกแบบให้การจัดการเรียนการสอนที่ช่วยเพิ่มอัตราความคงทนต่อการเรียนรู้ในรายวิชา การดำเนินการดังกล่าวจัดได้ว่าเป็นแนวปฏิบัติที่ดีในการจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning ทำให้ผู้สอนเป็น Active teacher และผู้เรียนเป็น Active learner ได้อย่างแท้จริง ทำให้บรรลุเป้าหมายของการจัดการเรียนการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป และสมควรให้มีการนำไปเป็นแนวปฏิบัติที่ดีสำหรับรายวิชาภาคปฏิบัติ ได้แก่ ปฏิบัติการพยาบาลมารดา ทารกและการผดุงครรภ์ ๒ หรือรายวิชาทฤษฎี ได้แก่ การพยาบาลมารดา ทารกและการผดุงครรภ์ ๑ และ ๒ ต่อไป

ž??????? ?

อ้างอิงความรู้เกี่ยวกับ VARK learning style and Dale?s learning pyramid From Training/ course manual arranged by The Fontys UAS Team, Fontys University of Applied Science, The Netherlands 2013

10/03/2014

วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี อุตรดิตถ์สรุปแนวทางการปฏิบัติที่ดี (Best Practice)?การจัดการเรียนการสอนภาคปฏิบัติในคลินิก สำหรับนักศึกษาหลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต?

Categories: การจัดการความรู้ วพบ.อต.
Author: admin
Time: 9:21 am
Reactions :20 comments

วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี อุตรดิตถ์
สรุปแนวทางการปฏิบัติที่ดี (Best Practice)
?การจัดการเรียนการสอนภาคปฏิบัติในคลินิก สำหรับนักศึกษาหลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต?

——————————————————————————

ขั้นตอนการดำเนินงาน
๑. การเตรียมความพร้อมของนักศึกษา
๑.๑ สร้างความเชื่อมั่นและลดความเครียดในการฝึกปฏิบัติการพยาบาลของนักศึกษาก่อนการปฏิบัติจริงบนคลินิก ดังนี้
๑.๑.๑ ประเมินสถานการณ์ที่ก่อให้เกิดความเครียดแก่นักศึกษา ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น ๙ ประเภท ได้แก่ ๑) ขาดความเชื่อมั่นในตนเอง ๒) มีความรู้และประสบการณ์ไม่เพียงพอ ๓) การปรับตัวและการจัดการกับปัญหาที่ไม่มีประสิทธิภาพ ๔) ความรู้สึกมีคุณค่าในตนเองลดลงหรือถูกคุกคาม ๕) ทัศนคติที่ไม่ดีต่อการฝึกปฏิบัติ ๖) อาจารย์นิเทศ ๗) บุคลากรบนหอผู้ป่วย ๘) เพื่อน และ ๙) สถานที่และสิ่งแวดล้อม
๑.๑.๒ จัดการหรือแก้ไขสถานการณ์อันจะก่อให้เกิดความเครียดแก่นักศึกษาให้ลดลง ดังนี้
๑) มีการประชุมปรึกษาระหว่างอาจารย์นิเทศ ฝ่ายการพยาบาล เพื่อชี้แจงถึงขอบเขตความสามารถของนักศึกษา ลักษณะงานที่นักศึกษาสามารถทำได้ และร่วมกำหนดแนวทางในการสอนภาคปฏิบัติให้เป็นในทิศทางเดียวกัน
๒) ปฐมนิเทศการฝึกปฏิบัติการพยาบาลแก่นักศึกษา เพื่อชี้แจงรายวิชา ขอบเขตความสามารถของนักศึกษาและลักษณะงานที่นักศึกษาสามารถทำได้ และร่วมกำหนดแนวทางและประสบการณ์การเรียนรู้ในฝึกภาคปฏิบัติ
๓) มีการจัดทบทวนความรู้ ทักษะ หรือวิธีปฏิบัติการพยาบาลพื้นฐานหรืออื่นๆ ที่จำเป็นก่อนการปฏิบัติจริงบนคลินิก ตลอดจนการเพิ่มทักษะการบริหารเวลา และวิธีการจัดการความเครียดให้กับนักศึกษา
๔) แนะนำสถานที่ ลักษณะการทำงาน บุคลากรบนหอผู้ป่วย และสิ่งแวดล้อมต่างๆ เพื่อให้นักศึกษาเกิดความคุ้นเคย และรู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งของหน่วยงาน
๕) การมอบหมายงานให้นักศึกษา ควรมีความเหมาะสมไม่มากหรือน้อยเกินไป และให้นักศึกษามีเวลาในการทบทวนบทเรียน และใช้ชีวิตด้านอื่นๆ อย่างสมดุล
๖) อาจารย์นิเทศควรมีบุคลิกภาพที่เอื้ออาทร มีความเป็นกันเอง เปิดโอกาสให้นักศึกษาได้ซักถาม รับฟังความคิดเห็นของนักศึกษา ให้ข้อมูลย้อนกลับเป็นระยะ ให้คำชื่นชมเมื่อนักศึกษาทำถูก ไม่ตำหนินักศึกษาต่อหน้าบุคลากรอื่นหรือผู้ป่วยและญาติ
๗) อาจารย์ผู้รับผิดชอบรายวิชา ควรนำเสนอผลการประเมินรายวิชาในประเด็นปัญหาและอุปสรรคการฝึกปฏิบัติการพยาบาลของนักศึกษาบนหอผู้ป่วยให้ฝ่ายการพยาบาล หัวหน้าหอผู้ป่วย พยาบาลพี่เลี้ยงแหล่งฝึกได้รับทราบ เพื่อจะได้ให้การช่วยเหลือปรับปรุงลักษณะการทำงานร่วมกันบนหอผู้ป่วย

๑.๒ จัดการเรียนการสอนภาคทฤษฎีรายวิชาทางการพยาบาลที่มุ่งเน้นให้นักศึกษา มีประสบการณ์ตรงหรือประสบการณ์การเรียนรู้เสมือนจริง เช่น
๑) การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนแบบนักศึกษามีส่วนร่วม โดยกำหนดให้นักศึกษาได้ฝึกปฏิบัติในสถานการณ์จำลองที่เสมือนจริงกับการปฏิบัติบนหอผู้ป่วย เช่น มีหุ่นสาธิต มีอุปกรณ์ที่สามารถใช้ได้จริง มีสถานการณ์จำลองและบุคลาการแสดงตามบทบาทสมมุติเหมือนหอผู้ป่วย
๒) ประสานกับแหล่งฝึกปฏิบัติบนคลินิก เพื่อให้นักศึกษาได้ไปสังเกตการณ์การปฏิบัติการพยาบาลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องตามความเหมาะสม
๓) ใช้สื่อการเรียนที่หลากหลาย ซึ่งนักศึกษาสามารถเข้าถึงได้ง่าย สามารถศึกษาค้นคว้าหรือฝึกเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง
๒. การสอนภาคปฏิบัติ
๒.๑ มอบหมายผู้ป่วยในความดูแลกับนักศึกษาตามความเหมาะสม โดยกำหนดให้นักศึกษาศึกษาข้อมูลผู้ป่วยในความดูแลล่วงหน้าอย่างน้อย ๑ วัน ดูแลต่อเนื่อง อย่างน้อย ๓ วัน
๒.๒ กำหนดเวลาให้นักศึกษาขึ้นฝึกปฏิบัติงานบนหอผู้ป่วย ก่อนเวลาอย่างน้อย ๓๐ นาที เพื่อศึกษาและติดตามประเมินสภาพผู้ป่วยและแผนการรักษาพยาบาลผู้ป่วยในความดูแลอย่างต่อเนื่อง
๒.๓ อาจารย์นิเทศให้ขึ้นไปบนหอผู้ป่วยให้ทันรับฟังการส่งเวรพร้อมกับนักศึกษา ซึ่งจะทำให้อาจารย์รับทราบรายละเอียดข้อมูลผู้ป่วยที่เป็นปัจจุบัน มีประโยชน์ต่อการ แนะนำหรือเน้นย้ำนักศึกษาเกี่ยวกับการวางแผนการพยาบาลผู้ป่วยในความดูแลอย่างถูกต้อง เหมาะสม ในช่วงเวลา Pre conference
๒.๔ ส่งเสริมการคิดอย่างมีวิจารณญาณและการเชื่อมโยงความรู้ภาคทฤษฎีสู่การปฏิบัติแก่นักศึกษาพยาบาล โดยกิจกรรม ?Nursing round? กับนักศึกษารายบุคคล ซึ่งเป็นกระบวนการที่ส่งเสริมให้นักศึกษาได้ศึกษาข้อผู้ป่วยกรณีศึกษาโดยละเอียด ทั้งข้อมูลปฐมภูมิและ ทุติภูมิ ตลอดจนทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเชิงทฤษฎีและวิเคราะห์เปรียบเทียบกับสภาพการณ์ของผู้ป่วยจริง จากนั้นจึงนำข้อสรุปของตนเองมานำเสนอและร่วมอภิปรายกับอาจารย์นิเทศภายใต้บรรยากาศแบบกัลยาณมิตร
๒.๕ อาจารย์ควรแสดงพฤติกรรมการสอนภาคปฏิบัติและส่งเสริมบรรยากาศการเรียนรู้ภาคปฏิบัติให้เกิดขึ้นอย่างเอื้ออาทร ซึ่งพฤติกรรมการสอนอย่างเอื้ออาทรจะช่วยส่งเสริมความอยากรู้อยากเรียนอย่างต่อเนื่อง ไม่รู้สึกว่าถูกคุกคามเกิดขึ้น ส่งผลให้นักศึกษาเกิดการเรียนรู้อย่างมีความสุข
๓. การวัดและประเมินผลการเรียนการสอนภาคปฏิบัติอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการ ทวนสอบการจัดการเรียนการสอน การวัดและประเมินผลรายวิชา โดยอาจารย์ผู้ร่วมสอน ก่อนการตัดสิน และให้เกรดแก่นักศึกษาทุกครั้ง

กลุ่มงานวิจัย บริการวิชาการและวิเทศสัมพันธ์

การเตรียมนักศึกษาเพื่อเป็นพยาบาลวิชาชีพแนวปฏิบัติการเตรียมความพร้อมในการสอบขึ้นทะเบียน

Categories: การจัดการความรู้ วพบ.อต.
Author: admin
Time: 9:20 am
Reactions :3 comments

วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี อุตรดิตถ์
การเตรียมนักศึกษาเพื่อเป็นพยาบาลวิชาชีพ
แนวปฏิบัติการเตรียมความพร้อมในการสอบขึ้นทะเบียน

จากการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และการค้นหาความรู้เพิ่มเติมในด้านการเตรียมนักศึกษาเพื่อเป็นพยาบาลที่ดีงานจัดการความรู้ได้สรุปออกมาเป็นแนวปฏิบัติดังนี้
ขั้นตอนการดำเนินงาน
๑.ปฐมนิเทศให้แก่นักศึกษาชั้นปีที่ ๑ทราบเส้นทางการเรียนการสอนและการก้าวเข้าสู่วิชาชีพพยาบาลตั้งแต่เริ่มต้นเรียน จนสอบประมวลความรู้ความสามารถทางการพยาบาลและการสอบขึ้นทะเบียนรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ
๒.การจัดการเรียนการสอนภาคทฤษฎีใช้การจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ มีการกระตุ้นให้ผู้เรียนสร้างความรู้สรุปเป็นความรู้ของตนเอง เช่น การทำแผนผังความคิดและการจัดการเรียนการสอนภาคปฏิบัติควรให้นักศึกษาสามารถเชื่อมโยงจากทฤษฎีสู่การปฏิบัติ (ใช้สรุปแนวทางการปฏิบัติที่ดี (Best Practiceการจัดการเรียนการสอนภาคปฏิบัติในคลินิก สำหรับนักศึกษาหลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต)
๓. ในระหว่างที่ฝึกปฏิบัติอาจารย์ที่นิเทศภาคปฏิบัติควรสามารถชี้ประเด็นที่สำคัญๆของการฝึกปฏิบัติที่เชื่อมโยงกับทฤษฎีและมีการเน้นย้ำให้นักศึกษามีกระบวนการจัดเก็บความรู้อย่างเป็นระบบ เช่นทำแผนผังความคิดแต่ละโรค หรือการบันทึกย่อสิ่งที่สำคัญสำหรับการฝึกในชั้นปี ๔ ควรมีการจัดให้มีการ Conference โดยเน้นการดูตาม Test Blue Print ของสภาการพยาบาลเพื่อให้นักศึกษาได้รับประสบการณ์ครบถ้วน
๔.สร้างขวัญและกำลังใจให้นักศึกษามีเจตคติที่ดีต่อวิชาชีพในแต่ละชั้นปีและบอกถึงเส้นทางความก้าวหน้าของการประกอบวิชาชีพพยาบาลโดยให้รุ่นพี่หรือศิษย์เก่ามีส่วนร่วม
๕.กระตุ้นให้นักศึกษามีความตั้งใจเรียนตั้งแต่ต้น คือ ชั้นปีที่ ๑ เพราะทุกรายวิชาสามารถนำมาเป็นพื้นฐานสำหรับวิชาในชั้นปีสูงๆ และให้แจกTest Blue Print ของสภาการพยาบาลให้กับนักศึกษา
๖. ในตอนปลายของชั้นปีที่ ๓ ควรมีการจัดสอบเพื่อประเมินความรู้ความสามารถทางการพยาบาลของนักศึกษาเพื่อใช้เป็นข้อมูลในการจัดกลุ่มนักศึกษาเพื่อเตรียมตัวในชั้นปีที่ ๔การแบ่งกลุ่มเพื่อเตรียมทบทวนความรู้ควรแบ่งตามความรู้ที่มีอยู่ทั้งนี้ฝ่ายวิชาการควรมีการอธิบายให้กับนักศึกษาทราบวัตถุประสงค์ของการแบ่งกลุ่มในขั้นนี้การตรวจข้อสอบแบ่งตามหัวข้อเพื่อเป็นข้อมูลสำหรับนักศึกษาและอาจารย์ทราบว่าเด็กแต่ละคนมีจุดบกพร่องด้านใด
๗. ในชั้นปีที่ ๔ การทบทวนความรู้ควรเริ่มจากให้นักศึกษามีการทบทวน Concept สำคัญก่อน โดยนักศึกษาสามารถทบทวนได้โดยการชี้ประเด็นโดยผู้สอนผ่านการประชุมปรึกษาทางการพยาบาล
๘. ในชั้นปีที่ ๔ นักศึกษาจะมีความเครียดมากขึ้นตามลำดับโดยเฉพาะช่วงที่ใกล้สอบวิทยาลัยควรจัดกิจกรรมในการเสริมสร้างพลังใจให้กับนักศึกษาเป็นระยะพร้อมกับให้นักศึกฯวิเคราะห์จุดอ่อนจุดแข็งของตนเองรวมทั้งหาแนวทางในการกำจัดจุดอ่อน เช่นการจัดให้ออกนอกสถานที่ การจัดกิจกรรมเสริมสร้างพลังใจ
๙.ในช่วงสุดท้ายการทบทวนความรู้ที่จัดให้ควรมีการแนะแนวเกี่ยวกับเทคนิควิธีการทำข้อสอบแต่ละรายวิชาเนื่องจากพบว่าศิษย์เก่าบอกว่าปัญหาที่สำคัญคือไม่รู้ว่าควรจะจัดการกับการทำข้อสอบแต่ละรายวิชาอย่างไร
๑๐.ในการทบทวนความรู้ควรให้นักศึกษามีส่วนร่วมโดยสอบถามความคิดเห็นถึงความต้องการการช่วยเหลือต่างๆ
๑๑. ผู้บริหารทุกระดับโดยเฉพาะระดับสูงของวิทยาลัยควรมีบทบาทในการสร้างขวัญและกำลังใจแก่นักศึกษา
๑๒.ใช้มาตรการหรือแนวทางการช่วยเหลือนักศึกษาที่มีปัญหาเรื่องการเรียนอย่างเคร่งครัด หากนักศึกษามีผลการเรียนในรายวิชาไม่เป็นไปตามเกณฑ์ควรดำเนินการตามมาตรการเพื่อเสริมสร้างความรู้ของนักศึกษาอย่างเคร่งครัดจนกว่าผลที่ออกมาจะเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด
ซึ่งการจัดทำแนวปฏิบัติดังกล่าวต้องการการยืนยันถึงประสิทธิภาพของการนำแนวปฏิบัติไปใช้และต้องการเพิ่มเติมรายละเอียดในแต่ละขั้นตอนหากภาควิชาใดนำไปปฏิบัติแล้วและมีข้อเสนอแนะ ช่วยเสนอให้ทราบเพื่อเป็นหลักฐานเชิงประจักษ์

ศศิธร ชิดนายี
หัวหน้างานวิจัย การจัดการความรู้และวิเทศสัมพันธ์

แนวทางการการทำวิจัยด้านการส่งเสริมสุขภาพทุกช่วงวัย วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี อุตรดิตถ์

Categories: การจัดการความรู้ วพบ.อต.
Author: admin
Time: 9:18 am
Reactions :2 comments

แนวทางการการทำวิจัยด้านการส่งเสริมสุขภาพทุกช่วงวัย วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี อุตรดิตถ์
จากการดำเนินการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านการทำวิจัยด้านการส่งเสริมสุขภาพสามารถสรุปออกมาเป็นแนวปฏิบัติของวิทยาลัยได้ดังนี้
๑.ควรดำเนินการวิจัยให้ครบทุกกลุ่มได้แก่
๑) ในสถานพยาบาล หมายถึง โรงพยาบาล
และ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพระดับตำบล
๒) กลุ่มเป้าหมาย คือ ผู้ป่วย ญาติ และ care giver
๓) การสร้างเสริมสุขภาพควรคำนึงถึง บริบทต่าง ๆ
๒. บูรณาการกับการเรียนการสอน การพัฒนาบุคลากร เช่น การตรวจสุขภาพ
๓. การสร้างเสริมสุขภาพสามารถให้ทั้งความรู้ การปรับทศนคติ และการส่งเสริมพฤติกรรมสุขภาพ
๔. รายวิชาวิจัยควรให้นักศึกษาทำวิจัยเกี่ยวกับการสร้างเสริมสุขภาพ
จากการสรุปเป็นแนวทางเพื่อปฏิบัตินี้หากอาจารย์แต่ละสาขาวิชานำไปปฏิบัติ แล้วค้นพบสิ่งที่เห็นว่าควรปรับปรุงหรือพัฒนาแนวทาง ขอให้แสดงความคิดเห็นร่วมด้วย หากมีเอกสารอ้างอิงด้วยจะทำให้สามารถพัฒนาเป็นแนวปฏิบัติที่มีประสิทธิภาพ มากยิ่งขึ้น
ศศิธร ชิดนายี
หัวหน้างานวิจัย การจัดการความรู้และวิเทศสัมพันธ์
วันพฤหัส 6 กันยายน 2012

แนวทางการบูรณาการการเรียนการสอนกับการสร้างเสริมสุขภาพของ

Categories: การจัดการความรู้ วพบ.อต.
Author: admin
Time: 9:17 am
Reactions :5 comments

แนวทางการบูรณาการการเรียนการสอนกับการสร้างเสริมสุขภาพของ
วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี อุตรดิตถ์

๑. สร้างความเข้าใจและความกระจ่างชัดในการสร้างเสริมสุขภาพร่วมกัน
๒. การพิจาณารายวิชาที่สอดคล้องกับการสร้างเสริมสุขภาพ
๓. การวางแผนการบูรณาการการเรียนการสอนกับการสร้างเสริมสุขภาพ
๓.๑ การจัดทำมคอ. ชัดเจน กิจกรรมที่ชัดเจน จะส่งผลการวัดและประเมินผลที่สอดคล้อง
๓.๒ กำหนดสมรรถนะให้เกิดกับนักศึกษาในเรื่อง การสื่อสารที่ดี ทีมที่ดี การเขียนแผนงานและโครงการ
? การบริหารจัดการการเรียนรู้ตามสภาพจริงจะช่วยให้นักศึกษาได้ฝึกทักษะหรือสมรรถนะด้านการบริหารจัดการ ได้แก่การศึกษาและข้อมูลสภาพปัญหาการวางแผน การดำเนินการตามแผนการประเมินผล และการปรับปรุงหรือการพัฒนาต่อเนื่อง
? การสร้างสัมพันธภาพที่ดีระหว่างบุคคล
? การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า จากสถานการณ์ที่ไม่ได้เป็นดังที่คาดหวังไว้
? การสร้างเสริมความร่วมมืออันดี กับ อสม. ผู้ป่วย ญาติ และพยาบาล
? การคิดสร้างสรรค์ และการคิดอย่างมีวิจารณญาณเพื่อพัฒนาแผนงาน กิจกรรม นวัตกรรมการดูแลและสร้างเสริมสุขภาพผู้ป่วยกรณีศึกษาตามสภาพจริง
๓.๓ พัฒนานักศึกษาให้มีสมรรถนะการสร้างสัมพันธภาพและการติดต่อสื่อสารการสร้างสัมพันธภาพการประเมินผู้ป่วยในครั้งแรกที่นักศึกษาเสนอเพิ่มเติมจะเป็นขั้นตอนที่ช่วยให้นักศึกษาวิเคราะห์ปัญหาของผู้ป่วยได้ละเอียดมากยิ่งขึ้นและนำมาสู่การปฏิบัติการพยาบาลในการสร้างเสริมสุขภาพที่ครอบคลุมในทุกมิติ
๓.๔ การค้นหาทุนทางสังคม การบูรณาการได้ดีต้องมีภาคีเครือข่ายที่ดี
๓.๕ ปฏิทินการปฏิบัติงานควรมีความสอดคล้องกับปฏิทินชุมชนและปฏิบัติงานของทีมอ.ส.ม. ทีมพยาบาลชุมชนและองค์กรชุมชนเพื่อให้เกิดความทำงานที่สอดประสานกันและมีประสิทธิภาพ
๓.๖ วางแผนการพัฒนาผลการเรียนรู้ (Learning Outcome [LO]) ในด้านการสร้างเสริมสุขภาพ (domain) ควรมีความสัมพันธ์และสอดคล้องกันระหว่าผลลัพธ์การเรียนรู้ กิจกรรมการสอนและกิจกรรมการวัดประเมินผล โดยยึดหลักตามกรอบแนวคิด?OLE Alignment? (Outcome-Learning activity-Evaluation activity Alignment)การดำเนินกิจกรรมการเรียนการสอนภาคปฏิบัติที่มีการบูรณาการกับการสร้างเสริมสุขภาพตามแผนที่วางไว้นั้นควรมีการดำเนินการแบบมีส่วนร่วมในทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะการมีส่วนร่วมแบบภาคีเครือข่ายระดับท้องถิ่นหรือประชาชนที่เกี่ยวข้องซึ่งนอกจากจะก่อให้เกิดการดำเนินการแบบคล่องตัวยังทำให้เกิดความต่อเนื่องและยั่งยืนทั้งด้านกระบวนการและผลลัพธ์การดำเนินการเรียนการสอนและการสร้างเสริมสุขภาพ
๓.๗ เครือข่ายความร่วมมือในส่วนของชุมชน ควรพิจารณา ดังนี้
๑) เครือข่ายความร่วมมือหลักที่สำคัญ ได้แก่ เครือข่ายภาคประชาชนทั้งที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ เช่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อสม. เป็นต้น
๒) เครือข่ายความร่วมมือ ส่วนองค์กรในชุมชนทั้งภาครัฐและเอกชน เช่นโรงเรียน สถานบริการสุขภาพในท้องถิ่น องค์การบริหารส่วนท้องถิ่นโดยเฉพาะองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นนั้นถือว่าเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยผลักดันและเสริมความเข้มแข็งของดำเนินงานและผลลัพธ์ยั่งยืน
๔. การดำเนินการบูรณาการการเรียนการสอนกับการสร้างเสริมสุขภาพ
๔.๑ การทำมคอ.ที่มีวัตถุประสงค์ของการบูรณาการกับการสร้างเสริมสุขภาพที่ชัดเจน
วัตถุประสงค์และผลลัพธ์การเรียนรู้ของรายวิชาภาคปฏิบัติโดยพิจารณาความสอดคล้องกับการสร้างเสริมสุขภาพ เช่น
?วางแผนและจัดกิจกรรมสร้างเสริมศักยภาพของผู้สูงอายุที่มีปัญหาสุขภาพหรือญาติในการควบคุมและดูแลปัญหาสุขภาพผู้สูงอายุได้?
๔.๒ กิจกรรมการเรียนการสอนที่ชัดเจน อาศัยการสื่อสารที่ดี ทำให้เกิดทีมที่ดี
๔.๓ การบูรณาการการเรียนการสอนภาคปฏิบัติการพยาบาลสามารถทำได้ทั้งที่ชุมชนและการบูรณาการในหอผู้ป่วยการบูรณาการในหอผู้ป่วย เช่น การแนะนำผู้ป่วยก่อนกลับบ้าน D/C plan
๕. การวัดและประเมินผล
๕.๑ การวัดและประเมินผลนอกจากประเมินผู้เรียนตามวัตถุประสงค์และผลการเรียนรู้ ของรายวิชาแล้วควรพิจารณาเพิ่มเติมในส่วนของผู้รับบริการ/ประชาชนกลุ่มเป้าหมายหรือผลลัพธ์ด้านการสร้างเสริมสุขภาพที่ชัดเจน โดยประเมินเป็นระยะๆ ดังนี้
ระยะแรกให้ระบุการวัดความรู้เกี่ยวกับปัญหาและการแก้ไขปัญหาสุขภาพหรือการวัดความตระหนักในความรับผิดต่อสุขภาพเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพหรือผลกระทบต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น หรือวัดทักษะการจัดการปัญหาสุขภาพภายหลังกิจกรรมเสร็จสิ้น
ระยะหลังให้ระบุการวัดเพิ่มในประเด็นการแสดงพฤติกรรมหรือการคงไว้ซึ่งพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพนั้นๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งการวัดดังกล่าว อาจวัดเป็นระยะๆ เช่นทุก ๑ สัปดาห์ หรือ ๒ สัปดาห์ หรือ ๑ เดือน เป็นต้นซึ่งขึ้นอยู่กับความเหมาะสม
๕.๒ จะต้องวัดผลที่เกิดกับนักศึกษา สำหรับผลที่เกิดกับผู้ป่วยหรือประชาชน ถือเป็น outcome เชิงประจักษ์สำหรับที่หอผู้ป่วยจะแตกต่างการประเมินผลของผู้ป่วยที่มีสุขภาพที่ดีขึ้น
๕.๓ มีการประเมินผลมาเป็นคะแนนฝึกปฏิบัติ
๖ .การพิจารณาผลกระทบ
-นักศึกษาสามารถนำมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันได้นักศึกษาสามารถสร้างเสริมสุขภาพตนเองได้ทำสื่อได้ด้วยตนเองโดยใช้อุปกรณ์และสร้างสื่อเป็นวีดีโอเพื่อไปให้ชุมชนใช้ต่อไป
๗. การบูรณาการกับพันธกิจอื่น เช่น บริการวิชาการ วิจัย
แต่ละภาควิชามีการพิจารณาในประเด็นการบริการวิชาการ และการวิจัยไปด้วยเพื่อที่จะสามารถยืนยันผลของการทำงาน เช่น การบูรณาการการสร้างเสริมสุขภาพกับการเรียนการสอนและบริการวิชาการ ที่นำความรู้จากรายวิชา เพื่อนำไปให้ความรู้ หรือการตรวจสุขภาพเพื่อป้องกันการเกิดโรคให้กับประชาชน หลังจากที่มีการบูรณาการกับบริการวิชาการแล้ว ได้ดำเนินการทำวิจัยต่อเนื่อง เพื่อเป็นการต่อยอดความรู้

ศศิธร ชิดนายี
หัวหน้างานวิจัย การจัดการความรู้และวิเทศสัมพันธ์
วันพฤหัส 6 กันยายน 2012

หน้าต่อไป
Proudly powered by Wordpress 3.0.1 - Theme Triplets Id Band 2.0, the boyish style by neuro