สรุปแนวทางปฏิบัติการจัดการเรียนรู้แบบสะท้อนคิด

โดยใช้กระบวนการจัดการความรู้ (Knowledge Management)

กิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้จากประสบการณ์

การจัดการเรียนรู้แบบสะท้อนคิด

1 แนวคิดเกี่ยวกับการสะท้อนคิด

การสะท้อนคิด เป็นกระบวนการคิดและพิจารณาเรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างพินิจพิเคราะห์ ละเอียดรอบคอบ มีเหตุมีผล โดยใช้ประสบการณ์ ความคิด ความเชื่อหรือองค์ความรู้และทฤษฎีต่างๆ เพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจอย่างถ่องแท้ หรือทำให้เกิดข้อสรุปใหม่ที่จะใช้เป็นแนวทางในการแก้ปัญหาในสถานการณ์อื่นๆ การสะท้อนคิดที่เหมาะสมกับการนำมาใช้กับนักศึกษาพยาบาลในครั้งนี้ ประกอบด้วย 7 ขั้นตอนดังนี้

1.1 อธิบายสถานการณ์และปัญหาที่เกิดขึ้น (describe experience) เป็นการอธิบายสภาพและบริบทของสถานการณ์/ปัญหาที่เกิดขึ้นให้ชัดเจนด้วยมุมมองง่ายๆ โดยใช้ความคิดที่เกิดขึ้นในขณะนั้น ตอบคำถามตนเองว่าเกิดอะไรขึ้น เกิดขึ้นได้อย่างไร มีผลกระทบกับใครบ้าง

1.2 อธิบายความรู้สึกต่อสถานการณ์ (Feeling) เป็นการอธิบายความรู้สึกของตนเองต่อสถานการณ์นั้น โดยการตอบคำถามว่า “ฉันคิดและรู้สึกอย่างไรบ้าง?” ถ้าเป็นฉันจะทำอย่างไร? เป็นการประเมินและวิเคราะห์ความรู้สึกของตนเองที่มีต่อสถานการณ์นั้นทั้งด้านบวกและด้านลบ

1.3 บอกแนวคิด/หลักการ/ความเชื่อที่สนับสนุนการกระทำ (theoretical) เป็นการบอกหรืออธิบายว่ามีปัจจัยต่างๆ เช่นแหล่งความรู้/แนวคิด/ทฤษฎี/ความเชื่อ/คุณค่าใดบ้าง ที่สนับสนุนการกระทำของตนเองและสนับสนุนการกระทำที่เกิดขึ้นในสถานการณ์นั้น

1.4 เปิดใจรับฟังความคิดเห็นที่หลากหลาย (various perspectives) เป็นการค้นหาทางเลือกที่หลากหลาย มีเหตุผลและเป็นไปได้ โดยการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับบุคคลอื่น ทำความเข้าใจและเปิดใจรับฟังแนวคิดอื่น ๆ โดยปราศจากอคติ และแสดงความคิดเห็นโต้แย้งทางวิชาการอย่างมีเหตุผล

1.5 จัดลำดับความคิดและสรุปแนวคิดรวบยอด (conceptualization) เป็นการจัดระเบียบและลำดับประเภทของการรับรู้ให้เป็นหมวดหมู่เพื่อง่ายต่อการเข้าถึง และทำให้เกิดความเข้าใจมากขึ้นกว่าเดิม รวมทั้งสามารถสรุปเป็นแนวคิดรวบยอดได้

1.6 นำข้อสรุปไปปฏิบัติ (experiment) เป็นการเปรียบเทียบข้อดีและข้อด้อยและผลลัพธ์ที่อาจเกิดขึ้นตามมาของแต่ละแนวทางได้หลากหลายแง่มุม และสรุปแนวทางที่เหมาะสมเพื่อนำมาใช้ในการแก้ปัญหาในสถานการณ์นั้นได้อย่างมีเหตุมีผลและน่าเชื่อถือ

1.7 สะท้อนคิดการเรียนรู้/ประสบการณ์ใหม่ที่แตกต่างจากเดิม (reflect learning/new experience) เป็นการเทียบเคียงมุมมองใหม่กับความรู้ที่มีอยู่เดิม รวมถึงเป็นการสร้างความรู้ใหม่ที่เชื่อมโยงจากความรู้หรือประสบการณ์เดิม นอกจากนี้ยังส่งเสริมให้เกิด “การรู้ด้วยตนเอง” ว่าตนเองได้เปลี่ยนแปลงความรู้ ความคิด ความเชื่อ คุณค่า และจริยธรรมไปจากเดิมหรือไม่อย่างไร

2. แนวคิดทฤษฎีการเรียนรู้เพื่อการเปลี่ยนแปลง

ข้อสรุปจากการวิเคราะห์ แนวคิดทฤษฎีการเรียนรู้เพื่อการเปลี่ยนแปลง สรุปได้ว่า เป็นการเรียนรู้เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงกรอบอ้างอิง (frame of reference) ทางความคิด ซึ่งได้แก่ มุมมองในการให้ความหมาย แบบแผนความคิด และชุดของความคิดความเชื่อ ที่เรามีหรือใช้อยู่เป็นประจำ ให้เป็นความคิดที่ครอบคลุมมากขึ้น จำแนกแยกแยะได้ดีขึ้น เปิดกว้างขึ้น และสามารถใคร่ครวญอย่างเป็นเหตุเป็นผลมากขึ้น ทำให้เรามีความเชื่อและทัศนะที่เป็นจริงและชี้นำการกระทำได้เหมาะสมมากยิ่งขึ้น ซึ่งองค์ประกอบของกระบวนการเรียนรู้เพื่อการเปลี่ยนแปลงหรือการปรับเปลี่ยนกรอบอ้างอิง มีอยู่ 3 องค์ประกอบดังนี้ คือ  1) ประสบการณ์ 2) การสะท้อนคิด และ 3) การแลกเปลี่ยนทางความคิดอย่างมีเหตุผล ดังนั้นกระบวนการแลกเปลี่ยนความคิดอย่างมีเหตุผลจะช่วยพัฒนาลักษณะความเป็นประชาธิปไตย พร้อมที่จะแลกเปลี่ยน และตัดสินใจหาข้อสรุปที่มีคุณธรรมได้

3. หลักการ

หลักการของรูปแบบการจัดการเรียนรู้นี้ ได้มาจากการสังเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานๆ ได้แก่ แนวคิดเกี่ยวกับการสะท้อนคิด และแนวคิดทฤษฎีการเรียนรู้เพื่อการเปลี่ยนแปลง การสะท้อนคิดเน้นให้ผู้เรียนมองสถานการณ์ด้วยมุมมองที่แตกต่างหลากหลาย สามารถสร้างความรู้จากประสบการณ์และถ่ายโยงความรู้จากประสบการณ์หนึ่งไปใช้ในสถานการณ์อื่นๆ หรือใช้แก้ปัญหาที่มีความสลับซับซ้อนในสถานการณ์ใหม่ได้อย่างเหมาะสม รวมทั้งสามารถตัดสินใจเลือกสิ่งที่เหมาะสมที่สุดในการปฏิบัติการพยาบาล

รูปแบบการจัดการเรียนรู้นี้ใช้สถานการณ์ทางคลินิกที่เกี่ยวข้องกับปัญหาทางจริยธรรมมากำหนดเป็นสถานการณ์จริงเพื่อให้ผู้เรียนได้วิเคราะห์ประเด็นจากสถานการณ์นั้นตามกระบวนการของการตัดสินใจเชิงจริยธรรมทางการพยาบาล โดยผู้สอนเป็นผู้ที่กระตุ้นให้ผู้เรียนได้เกิดการสะท้อนคิดในหลากหลายวิธีการเช่น การใช้คำถาม การเขียนเรื่องราวแบบสะท้อนคิด การพูดโดยการอภิปราย/เปรียบเทียบความเหมือนและความต่าง และสนับสนุนให้กำลังใจให้ผู้เรียนเกิดความมั่นใจในการเรียนรู้แบบการสะท้อนคิด

4. กระบวนการจัดการเรียนรู้

ขั้นที่ 1 อธิบายสถานการณ์และปัญหาที่เกิดขึ้น

ขั้นตอนนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้เรียนสามารถอธิบายสภาพและบริบทของสถานการณ์/ปัญหาที่เกิดขึ้นให้ชัดเจนด้วยมุมมองง่ายๆ โดยใช้ความคิดที่เกิดขึ้นในขณะนั้น ตอบคำถามตนเองว่าเกิดอะไรขึ้น เกิดขึ้นได้อย่างไร มีผลกระทบกับใครบ้าง ซึ่งจะทำให้มองเห็นว่าการอธิบายสถานการณ์ของผู้เรียนนั้นยังขาดข้อมูลอะไรบ้าง มีการอธิบายข้อมูลมากกว่าที่มีในสถานการณ์หรือไม่ ขาดความรู้เกี่ยวกับสถานการณ์นี้ในเรื่องใด รวมทั้งเพื่อให้ผู้เรียนสามารถอธิบายสถานการณ์ที่เกิดขั้นอย่างเป็นขั้นเป็นตอนและมีความเชื่อมโยง

เนื่องจากการสะท้อนคิดในขั้นตอนนี้เป็นการใช้ความคิดที่เกิดขึ้นในขณะนั้นโดยอัตโนมัติ ควรหยุดความคิดขณะนี้ไว้ก่อน เพราะถ้าเรามีการกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ อาจจะเป็นการกระทำที่ผิดพลาด เนื่องจากเป็นการกระทำที่เกิดจากการคิดออกมาโดยฉับพลัน ยังไม่ได้ไตร่ตรอง อาจจะนำไปสู่การกระทำที่ไม่เหมาะสมและเป็นอันตราย ซึ่งเรียกว่าเป็น “ความคิดที่เกิดจากประสบการณ์เดิม” 

วิธีการที่จะให้ผู้เรียนได้อธิบายสถานการณ์นั้นมีดังนี้

1.การกำหนดสถานการณ์

ผู้สอนกำหนดสถานการณ์ไว้ล่วงหน้า โดยการกำหนดนั้นอาจจะมีหลายรูปแบบ ได้แก่ กรณีศึกษา (case study) การใช้สถานการณ์จริง (Actual Situation) เหตุการณ์สมมติ (scenario) การเรื่องเล่า (story) การแสดงบทบาทสมมติ (role play) และดูเรื่องราวจากสื่อวิดีทัศน์  เป็นต้น เพื่อให้ผู้เรียนได้ศึกษาหรืออ่านทำความเข้าใจก่อนที่จะเริ่มอธิบายสถานการณ์

2. บรรยายสถานการณ์ ผู้สอนอาจจะจัดการเรียนรู้ได้หลายวิธี เช่น

2.1 การเขียนเรื่องราวแบบสะท้อนคิด(reflective dailies) หรือการพูดบรรยาย (describe)  เพื่อสะท้อนหรือบอกสิ่งที่เกิดขึ้นในสถานการณ์ บอกสิ่งที่เป็นสาระสำคัญในสถานการณ์ และบอกสิ่งที่เกี่ยวข้องในสถานการณ์นั้นอย่างครบถ้วน โดยผู้สอนจะกำหนดให้ผู้เรียนเขียนเรื่องราวหรือพูดบรรยายเพื่อสะท้อนคิดแบบกึ่งโครงสร้าง ซึ่งเป็นการสะท้อนคิดโดยการกำหนดกรอบให้คร่าวๆ มีข้อดีคือ ผู้เรียนสามารถสะท้อนคิดได้เต็มที่  และได้คำตอบที่เกี่ยวข้อง  มากขึ้น

2.2 การพูดบรรยาย (describe) พูดอย่างเป็นลำดับขั้นตอน บอกสิ่งที่เกิดขึ้นหรือสิ่งที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วน

ขั้นที่ 2 อธิบายความรู้สึกต่อสถานการณ์

ขั้นตอนนี้มีความสำคัญมาก เพราะความรู้สึกสะท้อนภาพการคิดและการกระทำ ดังนั้นจะต้องตอบคำถามตนเองว่า “ฉันคิดและรู้สึกอย่างไรบ้าง?”  “ถ้าเป็นฉันจะทำอย่างไร?” โดยผู้เรียนสามารถบอกความคิดความรู้สึกของตนเองที่มีต่อสถานการณ์ในขณะนั้นได้ สามารถประเมินและวิเคราะห์ความคิดเห็นของตนเองที่มีต่อสถานการณ์นั้นได้ทั้งด้านบวกและด้านลบ เพราะความรู้สึกนั้นสามารถที่จะยับยั้งหรือส่งเสริมให้เกิดการสะท้อนคิดในภายหลัง เช่น ถ้าเกิดความรู้สึกด้านลบอาจจะต้องขจัดออกไป หรือต้องทำให้เป็นความรู้สึกที่ดีขึ้น ไม่เช่นนั้นถ้าปล่อยให้เกิดความรู้สึกนั้นต่อไปจะทำให้ปิดรับความเข้าใจหรือปิดรับมุมมองอื่น ๆ ในกรณีเดียวกันถ้าเกิดความรู้สึกทางบวกก็จะส่งเสริมให้เกิดแรงจูงใจในการสะท้อนคิดได้มากขึ้น

วิธีการที่ทำให้ผู้เรียนสามารถอธิบายความรู้สึกต่อสถานการณ์นั้น ทำได้หลายรูปแบบ ได้แก่

1. การอธิบายความรู้สึกต่อสถานการณ์ โดยให้ผู้เรียนถามและตอบคำถามตนเอง(self-questioning) เพื่อสำรวจตนเอง และเรียบเรียงความคิดความรู้สึก

2. ผู้สอนใช้คำถามกระตุ้น (questioning) ให้ผู้เรียนได้สะท้อนคิดให้ละเอียดและลึกซึ้งขึ้น เพื่อให้ผู้เรียนได้มองเห็นการแนวคิดของตนเองได้ชัดเจน

3. การสร้างบรรยากาศให้ผู้เรียนรู้สึกปลอดภัยและไว้วางใจ สามารถแสดงความรู้สึกของตนเองอย่างแท้จริง และตรงไปตรงมา เช่น ผู้สอนต้องมีใจกว้าง ไม่ปิดกั้นความคิดของผู้เรียน  ยอมรับความคิดเห็นของผู้เรียนไม่ว่าความคิดความรู้สึกนั้นจะผิดหรือถูก

ขั้นที่ 3 บอกแนวคิด/หลักการ/ความเชื่อที่สนับสนุนการกระทำ

ขั้นตอนนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้เรียนบอกหรืออธิบายว่ามีปัจจัยต่างๆ เช่นแหล่งความรู้/แนวคิด/ทฤษฎี/ความเชื่อ/คุณค่าใดบ้าง ที่สนับสนุนการกระทำของตนเองและสนับสนุนการกระทำที่เกิดขึ้นในสถานการณ์นั้น เนื่องจากแนวคิด/หลักการ/ความเชื่อ ของแต่ละคนนั้นย่อมมีความลึกซึ้ง กว้างขวาง หลากหลายแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับพื้นหลังและความรู้ของแต่ละคน ดังนั้นในขั้นตอนนี้ผู้สอนจะสามารถจะประเมินได้ว่าผู้เรียนนำความรู้/หลักการต่างๆ มาประยุกต์ใช้ในสถานการณ์นั้นอย่างไร  และความรู้/หลักการที่บอกมานั้นสามารถแก้ปัญหาได้หรือไม่

วิธีการที่ให้ผู้เรียนบอกแนวคิด/หลักการ/ความเชื่อที่สนับสนุนการกระทำ มีดังนี้

1. จัดหาและแนะนำแหล่งเรียนรู้ เช่น หนังสือ ตำรา เอกสารทางวิชาการ สื่อ สารสนเทศต่างๆ

2. ให้ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับความหมายของคำว่า แนวคิด หลักการ และความเชื่อเพื่อให้มีความเข้าใจตรงกันสามารถสื่อสารได้ชัดเจน โดยให้ผู้เรียนไปศึกษาค้นคว้าจากแหล่งต่างๆ หรือผู้สอนเป็นผู้สรุปความหมายให้ผู้เรียนก็ได้

3. ทบทวนความรู้เกี่ยวกับแนวคิด/หลักการ/ความเชื่อของตนเองที่มีอยู่หรือที่เคยเรียนมาว่ามีอะไรบ้าง ที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์นั้น

4. นำเสนอแนวคิด/หลักการ/ความเชื่อ ที่สนับสนุนความคิด โดยวิธีการต่างๆ ดังนี้

-การเขียนเรื่องราวแบบสะท้อนคิด (reflective dailies)

-การพูดบรรยาย (describe)

5. สร้างบรรยากาศให้ผู้เรียนเกิดความไว้วางใจ ในการนำเสนอแนวคิด/ความเชื่อของตนเองอย่างตรงไปตรงมา

ขั้นตอนที่ 4 เปิดใจรับฟังความคิดเห็นที่หลากหลาย

ขั้นตอนนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้เรียนสามารถค้นหาทางเลือกที่หลากหลาย มีเหตุผลและเป็นไปได้ โดยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับบุคคลอื่นในกลุ่ม ทำความเข้าใจและเปิดใจรับฟังแนวคิดอื่น ๆ ได้โดยปราศจากอคติ และแสดงความคิดเห็นโต้แย้งทางวิชาการอย่างมีเหตุผล

ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนแรกของการให้เหตุผล การคิดวิเคราะห์ หรือเป็นการจัดระเบียบความคิดและประสบการณ์โดยเปลี่ยนผ่านจากการสะท้อนคิดที่ปราศจากการใคร่ครวญ มาเป็นการสะท้อนคิดที่เกิดจากการใคร่ครวญอย่างรอบคอบ ซึ่งอาจมีการค้นคว้าแหล่งความรู้อื่นๆ เช่นตำรา หรือผู้รู้ มาประกอบการวิเคราะห์ให้ลึกซึ้งและกว้างขวางมากยิ่งขึ้น

วิธีการที่ทำให้ผู้เรียนสามารถเปิดใจรับฟังความคิดเห็นที่หลากหลายได้แก่

1. ให้ผู้เรียนแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้อื่น โดยการใช้กลุ่มย่อย (small group) เปิดใจรับความคิดเห็นที่แตกต่าง

2. ให้ผู้เรียนฟังอย่างตั้งใจ (active listening) ฟังโดยไม่มีคำเถียงหรือคำถาม ไม่รีบร้อนด่วนสรุป ไม่ตัดสินว่าถูกผิด เพื่อให้ผู้เรียนได้สัมผัสและตรวจสอบความคิดความรู้สึกของตนเอง และแยกแยะความคิดความรู้สึกของผู้อื่นไปด้วยว่าเขามีความรู้สึก ความคิด และทัศนคติต่อเรื่องนั้นอย่างไร ในขณะฟัง

3. ให้ผู้เรียนให้ข้อมูลย้อนกลับผู้สอน ในเรื่องต่างๆเช่น วิธีการสอนของผู้สอน เพื่อใช้ผู้สอนเป็นแบบอย่างของการเปิดใจยอมรับด้วยก็ได้ เพื่อให้ผู้เรียนได้พูดแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน และเกิดการเปิดใจรับ

4. ผู้สอนกระตุ้นให้เกิดบรรยากาศการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นโดยให้โอกาสผู้เรียนทุกคนได้แสดงความคิดเห็น หรือตั้งคำถามโต้แย้ง อย่างมีเหตุมีผล

ขั้นตอนที่ 5 จัดลำดับความคิดและสรุปความคิดรวบยอด

ขั้นตอนนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้เรียนสามารถ จัดระเบียบและลำดับประเภทของการรับรู้ให้เป็นหมวดหมู่เพื่อง่ายต่อการเข้าถึงเพื่อทำให้เกิดความเข้าใจมากขึ้นกว่าเดิม รวมทั้งสามารถสรุปเป็นแนวคิดรวบยอดได้

เป็นขั้นตอนการคิดที่เกิดจากความรู้ที่สมบูรณ์แตกฉาน มีการทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งผ่านการตั้งปัญหาและการตั้งคำถามเพื่อให้ได้ข้อสรุปที่หลากหลาย ซึ่งเป็นฐานที่จะนำไปสู่การกระทำที่ชาญฉลาดและเหมาะสม

วิธีการที่ทำให้ผู้เรียนสามารถจัดลำดับความคิดและสรุปความคิดรวบยอด ได้แก่

1.ให้ผู้เรียนเลือกจัดลำดับความคิดและสรุปความคิดรวบยอด ตามความถนัด เช่น

-การเขียนผังความคิด (mind  mapping)

-การเขียนผังมโนทัศน์  (concept mapping)

-การเขียนผังก้างปลา (fishbone mapping)

2. ให้ผู้เรียนจัดลำดับความคิดและสรุปความคิดรวบยอดด้วยตัวเอง

3. นำเสนอผลการจัดลำดับความคิดและสรุปความคิดรวบยอดของตนเอง และเปรียบเทียบว่าเหมือนหรือแตกต่างจากคนอื่นอย่างไร

4. ผู้สอนควรให้คำปรึกษาและแนะนำอย่างใกล้ชิด หรือประเมินดูว่าผู้เรียนคนไหนไม่สามารถจัดลำดับความคิดและสรุปความคิดรวบยอดได้ก็อาจจะมีการฝึกให้ผู้เรียนได้เล่นเกมก่อนเริ่มการเรียนการสอน

ขั้นตอนที่ 6 นำข้อสรุปไปปฏิบัติ

ขั้นตอนนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้เรียนสามารถเปรียบเทียบข้อดีและข้อด้อยและผลลัพธ์ที่อาจเกิดขึ้นตามมาของแต่ละแนวทางได้หลากหลายแง่มุม และสรุปแนวทางที่เหมาะสมเพื่อนำมาใช้ในการแก้ปัญหาในสถานการณ์นั้นได้อย่างมีเหตุมีผลและน่าเชื่อถือ

วิธีการที่ให้ผู้เรียนนำข้อสรุปไปปฏิบัติ มีขั้นตอนดังนี้คือ

1. ให้ผู้เรียนร่วมอภิปรายโดยวิธีการระดมสมอง (brain storming) เพื่อเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของแต่ละทางเลือกอย่างมีเหตุมีผล และใช้หลักการปละทฤษฎีสนับสนุน

2. สรุปแนวทางที่นำไปปฏิบัติโดยวิธีต่างๆ  ตามความถนัด เช่น

-ทำผังกระบวนการ (process chart)

-ผังกระบวนการทำงาน  (work flow)

-การเขียนผังงาน (flow chart)

-การเขียนบรรยายแนวทาง

3. ให้ผู้เรียนประเมินผลลัพธ์จากแนวทางที่เลือกนั้นโดยวิธีการการอภิปรายกลุ่ม (group discussion) เพื่อให้ได้ข้อมูลในหลายๆ มุมมองเพื่อให้ผู้เรียนสามารถนำการเรียนรู้ที่ได้ไปเป็นแนวทางการแก้ปัญหาเมื่อเผชิญกับสถานการณ์ที่คล้ายคลึงกันในอนาคตได้

4. ผู้สอนควรสร้างบรรยากาศให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการเรียนรู้อย่างจริงจัง (active participation)

ขั้นตอนที่ 7 สะท้อนคิดการเรียนรู้/ประสบการณ์ใหม่ที่แตกต่างจากเดิม

ขั้นตอนนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้เรียนสามารถเทียบเคียงมุมมองใหม่ (new perspective) กับความรู้ที่มีอยู่เดิม (prior perspective) รวมถึงเป็นการสร้างความรู้ใหม่ที่เชื่อมโยงจากความรู้หรือประสบการณ์เดิม นอกจากนี้ยังส่งเสริมให้เกิด “การรู้ด้วยตนเอง” (knowing myself) ในแง่มุมของสถานการณ์โดยรวม และการเห็นภาพด้วยตนเอง ว่าตนเองได้เปลี่ยนแปลงความรู้ ความคิด ความเชื่อ คุณค่า และจริยธรรมไปจากเดิมหรือไม่อย่างไร

ในขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดของการเรียนรู้แบบการสะท้อนคิด เพราะสุดท้ายผู้เรียนต้องสามารถเห็นภาพด้วยตนเองว่าได้เรียนรู้อะไร (capture meaning) และสามารถสร้างและขยายความรู้ที่มีอยู่เดิมไปสู่ประสบการณ์ใหม่ สามารถกลั่นกรองความรู้จากประสบการณ์และถ่ายโยงประสบการณ์หนึ่งไปใช้ในสถานการณ์อื่นๆ ในอนาคตได้ด้วยตนเอง

วิธีการที่จะให้ผู้เรียนสะท้อนคิดการเรียนรู้/ประสบการณ์ใหม่ที่แตกต่างจากเดิม ดำเนินการดังนี้ คือ

1. ให้ผู้เรียนประเมินตนเอง (self-evaluation) ว่าการเรียนรู้ของตนเองในแต่ละครั้งนั้นเป็นอย่างไร มีข้อดี ข้อปรับปรุงพัฒนาอย่างไร

2. ผู้สอนประจำกลุ่มให้ข้อมูลย้อนกลับ (feedback) แก่ผู้เรียนทั้งข้อดี และข้อควรปรับปรุงพัฒนาอย่างไรบ้าง

2.1 ให้คำชมในการสะท้อนคิด ซึ่งควรชมตามพฤติกรรมที่แสดงออกจริง และสมเหตุสมผล

2.2 ชวนให้ผู้เรียนคิดต่อ

3. ให้ผู้เรียนกลับไปเขียนบันทึกการเรียนรู้เพื่อสะท้อนคิด (reflective dailies) ที่ได้จากการเรียนรู้ในครั้งนี้ โดยมีหัวข้อในการบันทึกดังนี้

3.1 วันนี้ได้เรียนรู้อะไร

3.2 ประสบการณ์ที่ได้รับในครั้งนี้ได้เปลี่ยนแปลงตนเองด้านความคิด ความเชื่อ และด้านความรู้ความเข้าใจอย่างไร

4. ผู้สอนอ่านบันทึกการเรียนรู้และให้ข้อมูลย้อนกลับ (feedback) กับผู้เรียนอย่างรวดเร็ว

จากกระบวนการเรียนรู้ตามรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบการสะท้อนคิดเพื่อสร้างเสริมความสามารถในการตัดสินใจเชิงจริยธรรมทางการพยาบาล สำหรับนักศึกษาพยาบาล ดังกล่าวสามารถสรุปเป็นกิจกรรมการจัดการเรียนรู้ บทบาทผู้สอน บทบาทผู้เรียน เทคนิคและวิธีการ ได้ดังตารางที่ 16 ดังนี้

ตาราง แสดงการสรุปกระบวนการจัดการเรียนรู้ตามรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบการสะท้อนคิด

กระบวนการจัดการเรียนรู้ กิจกรรม บทบาทผู้สอน บทบาทผู้เรียน เทคนิคและวิธีการ
ขั้นที่ 1 อธิบายสถานการณ์และปัญหาที่เกิดขึ้น 1.ผู้สอนกำหนดสถานการณ์ให้ผู้เรียนอ่าน

2.ผู้เรียนศึกษาหรืออ่านทำความเข้าใจสถานการณ์ที่ผู้สอนกำหนดให้

3.ผู้เรียนอธิบายสถานการณ์นั้น โดยบอกสิ่งที่เกิดขึ้นในสถานการณ์ บอกสิ่งที่เป็นสาระสำคัญในสถานการณ์ และบอกสิ่งที่เกี่ยวข้องในสถานการณ์

-ให้ข้อมูลย้อนกลับ

-ให้คำแนะนำและคำปรึกษา

-ศึกษา/อ่านสถานการณ์ที่กำหนด

-อธิบายสถานการณ์

1. ใช้สถานการณ์ให้ผู้เรียนได้ศึกษา คือ

-กรณีศึกษา (case study)

-สถานการณ์จริง (actual situation)

-เหตุการณ์สมมติ (scenario)

-เรื่องเล่า (story)

-การแสดงบทบาสมมติ

(role play)

-สื่อวีดิทัศน์ (video)

2. อธิบายสถานการณ์

บอกสิ่งที่เกิดขึ้น

2.1 การเขียนเรื่องราว

แบบสะท้อนคิด (reflective

dailies)

-แบบมีโครงสร้าง

-แบบกึ่งโครงสร้าง

-แบบไม่มีโครงสร้าง

2.2 การพูดบรรยาย (describe)

ตารางแสดงการสรุปกระบวนการจัดการเรียนรู้ตามรูปแบบ (ต่อ)

กระบวนการจัดการเรียนรู้ กิจกรรม บทบาทผู้สอน บทบาทผู้เรียน เทคนิคและวิธีการ
ขั้นที่ 2 อธิบายความรู้สึกต่อสถานการณ์ 1.ผู้เรียนอธิบายความรู้สึกต่อสถานการณ์ เช่น ฉันคิดและรู้สึกอย่างไรบ้างกับสถานการณ์นี้?” ถ้าเป็นฉันจะทำอย่างไร? อธิบายความรู้สึกของตนเองที่มีต่อสถานการณ์นั้นทั้งด้านบวกและด้านลบ -ใช้คำถามกระตุ้น

-ให้ข้อมูลย้อนกลับ

-ให้คำแนะนำหรือคำปรึกษา

-สร้างบรรยากาศการเรียนรู้

-ตั้งคำถามถามตนเอง

-อธิบายความรู้สึก

1. การอธิบายความรู้สึกต่อสถานการณ์

-การถามและตอบคำถามตนเอง(self-questioning)

2.การใช้คำถามกระตุ้น (questioning)

3. การสร้างบรรยากาศให้ผู้เรียนรู้สึกปลอดภัยและไว้วางใจ สามารถแสดงความรู้สึกของตนเองอย่างแท้จริง

ขั้นที่ 3 บอกแนวคิด/หลักการ/ความเชื่อที่สนับสนุนการกระทำ 1.ให้ผู้เรียนทำความเข้าใจความหมายของคำว่า แนวคิด หลักการ และความเชื่อ เพื่อให้มีความเข้าใจตรงกันสามารถสื่อสารได้ชัดเจน

2.ให้ผู้เรียนทบทวนความรู้เกี่ยวกับแนวคิด/หลักการ/ความเชื่อของตนเองที่มีอยู่หรือที่เคยเรียนมาว่ามีอะไรบ้าง

3.ให้ผู้เรียนนำเสนอ

แนวคิด/หลักการ/ความเชื่อ สนับสนุนความคิดของตนเองที่มีอยู่หรือที่เคยเรียนมาว่ามีอะไรบ้าง

-จัดหาแหล่งเรียนรู้

-ให้ข้อมูลย้อนกลับ

-ให้คำแนะนำหรือคำปรึกษา

-สร้างบรรยากาศการเรียนรู้

-ทบทวนความรู้

-นำเสนอแนวคิด

1.แหล่งเรียนรู้

-หนังสือ ตำรา เอกสารทาง

วิชาการ สื่อ สารสนเทศต่างๆ

2.ผู้เรียนทบทวนความรู้

เกี่ยวกับแนวคิด/หลักการ/

ความเชื่อของตนเอง

3.นำเสนอแนวคิด/หลักการ/ความเชื่อ ที่สนับสนุนความคิด

-การเขียนเรื่องราวแบบ

สะท้อนคิด (reflective

dailies)

-การพูดบรรยาย (describe)

4. สร้างบรรยากาศให้ผู้เรียนเกิดความไว้วางใจ

ตารางแสดงการสรุปกระบวนการจัดการเรียนรู้ตามรูปแบบ (ต่อ)

กระบวนการจัดการเรียนรู้ กิจกรรม บทบาทผู้สอน บทบาทผู้เรียน เทคนิคและวิธีการ
ขั้นตอนที่ 4 เปิดใจรับฟังความคิดเห็นที่หลากหลาย 1.ให้ผู้เรียนนำเสนอแนวคิด หลักการ ความคิดความเชื่อของตนเอง

2.ผู้เรียนฟังการนำเสนอของสมาชิกกลุ่ม

3. ผู้ฟังแลกเปลี่ยนความคิดเห็นหรือตั้งคำถามโต้แย้ง คัดค้าน ท้าทาย และสะท้อนคิดกับบุคคลอื่นในกลุ่มอย่างเหมาะสม

4. ผู้สอนเอื้อให้เกิดบรรยากาศการยอมรับและเคารพศักดิ์ศรีของสมาชิกในกลุ่ม  และทำให้ผู้เรียนรู้สึกปลอดภัยและไว้วางใจในการแสดงความคิดเห็น

-ให้ข้อมูลย้อนกลับ

-ให้ข้อมูลย้อนกลับ

-ให้คำแนะนำหรือคำปรึกษา

-สร้างบรรยากาศการเรียนรู้

-นำเสนอแนวคิด

-ฟังอย่างตั้งใจ

-แลกเปลี่ยนความคิดเห็น

1.การแลกเปลี่ยนความคิดเห็น

-การใช้กลุ่มย่อย (small group)

-การอภิปราย (discussion)

–การนำเสนอรายงานโดย     การพูด (presentation)

2. ให้ผู้เรียนฟังอย่างตั้งใจ (active listening)

3. ให้ผู้เรียนให้ข้อมูลย้อนกลับผู้สอน ในเรื่องต่างๆ

4.การกระตุ้นให้เกิดบรรยากาศการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น

และบรรยากาศวิชาการ

ตารางแสดงการสรุปกระบวนการจัดการเรียนรู้ตามรูปแบบ (ต่อ)

กระบวนการจัดการเรียนรู้ กิจกรรม บทบาทผู้สอน บทบาทผู้เรียน เทคนิคและวิธีการ
ขั้นตอนที่ 5 จัดลำดับความคิดและสรุปความคิดรวบยอด 1. ฝึกให้ผู้เรียนจัดลำดับความคิดและสรุปความคิดรวบยอดอย่างง่ายจากเกมส์ทายชื่อเพลง

2. ให้ผู้เรียนได้จัดลำดับความคิดให้เป็นหมวดหมู่และสรุปความคิดรวบยอดด้วยตนเอง

3. ให้ผู้เรียนนำเสนอผลการจัดลำดับความคิดและสรุปความคิดรวบยอดของตนเอง และเปรียบเทียบว่าเหมือนหรือแตกต่างจากคนอื่นอย่างไร

-ให้ข้อมูลย้อนกลับ

-ให้คำแนะนำหรือคำปรึกษา

-ฝึกจัดลำดับความคิดและสรุปความคิดรวบยอด

-จัดลำดับความคิดและสรุปความคิดรวบยอด

1.การจัดลำดับความคิดและ

สรุปความคิดรวบยอด

-การเขียนผังความคิด (mind

mapping)

-การเขียนผังมโนทัศน์

(concept mapping)

-การเขียนผังก้างปลา

(fishbone mapping)

2. ฝึกให้ผู้เรียนได้ฝึกการ

จัดลำดับความคิดและสรุป

ความคิดรวบยอด

3. ผู้สอนควรให้คำปรึกษาและแนะนำอย่างใกล้ชิด

ตารางแสดงการสรุปกระบวนการจัดการเรียนรู้ตามรูปแบบ (ต่อ)

กระบวนการจัดการเรียนรู้ กิจกรรม บทบาทผู้สอน บทบาทผู้เรียน เทคนิคและวิธีการ
ขั้นตอนที่ 6 นำข้อสรุปไปปฏิบัติ 1.ให้ผู้เรียนร่วมอภิปรายเพื่อเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของแต่ละแนวทางซึ่งมีแนวคิดทฤษฎีสนับสนุนอย่างมีเหตุมีผล

2.สรุปแนวทางที่เหมาะสมเพื่อนำมาใช้ในการแก้ปัญหาในสถานการณ์นั้น

3.ให้ผู้เรียนประเมินผลลัพธ์ที่ตามมาของแนวทางนั้นในหลายๆ แง่มุม

-ให้ข้อมูลย้อนกลับให้แก่ผู้เรียน

-ให้คำแนะนำหรือคำปรึกษา

-สร้างบรรยากาศการเรียนรู้

-ร่วมอภิปราย

-สรุปแนวทางแก้ปัญหา

-ประเมินผลลัพธ์

1.ร่วมอภิปราย

-การระดมสมอง

(brain storming)

-การอภิปรายกลุ่ม

(group discussion)

2.สรุปแนวทางที่เหมาะสม

-ทำผังกระบวนการ (process

chart)

-ผังกระบวนการทำงาน

(work flow)

-การเขียนผังงาน (flow chart)

-การเขียนบรรยายแนวทาง

3.การประเมินผลลัพธ์

-การระดมสมอง

(brain storming)

-การอภิปรายกลุ่ม

(group discussion)

4.  ผู้สอนควรสร้างบรรยากาศ

ให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการ

เรียนรู้อย่างจริงจัง (active

participation)

ตารางแสดงการสรุปกระบวนการจัดการเรียนรู้ตามรูปแบบ (ต่อ)

กระบวนการจัดการเรียนรู้ กิจกรรม บทบาทผู้สอน บทบาทผู้เรียน เทคนิคและวิธีการ
ขั้นตอนที่ 7 สะท้อนคิดการเรียนรู้/ประสบการณ์ใหม่ที่แตกต่างจากเดิม 1. ให้ผู้เรียนประเมินตนเอง (self-evaluation) ว่าการเรียนรู้ของตนเองในการเรียนรู้แต่ละครั้งนั้นเป็นอย่างไร มีข้อดี ข้อปรับปรุงพัฒนาอย่างไร

2.ให้ผู้เรียนสะท้อนคิดการเรียนรู้/ประสบการณ์ใหม่ที่แตกต่างจากเดิม และเทียบเคียงมุมมองใหม่ (new perspective) กับความรู้ที่มีอยู่เดิม

โดยให้ผู้เรียนตอบคำถามดังนี้

-เหตุการณ์นี้มีอิทธิพลต่อการปฏิบัติงานในอนาคตอย่างไร

-ประสบการณ์ที่ได้รับในครั้งนี้ได้เปลี่ยนแปลงตนเองด้านความรู้อย่างไร

-ประสบการณ์ในครั้งนี้ได้เปลี่ยนแปลงตนเอง ด้านความคิด ความเชื่อ คุณค่า และจริยธรรมในวิชาชีพอย่างไร

-ใช้คำถาม(question) กระตุ้นผู้เรียน

-ให้ข้อมูลย้อนกลับ -ให้คำแนะนำหรือคำปรึกษา

-สะท้อนคิดการเรียนรู้

-ประเมินตนเอง

1. ให้ผู้เรียนประเมินตนเอง (self-evaluation) มีข้อดี ข้อปรับปรุงพัฒนาอย่างไร

2.สะท้อนคิดการเรียนรู้/ประสบการณ์ใหม่ที่แตกต่างจากเดิม

-การถามและตอบคำถามตนเอง(self-questioning)

-การเขียนเรื่องราวแบบ

สะท้อนคิด (reflective dailies)

-การพูดบรรยาย (describe)

3.การใช้คำถามกระตุ้น (questioning)

4.การให้ข้อมูลย้อนกลับ

(feedback) อย่างรวดเร็ว

-ให้กำลังใจ

-ชวนให้คิด

5. การวัดและประเมินผล

การประเมินพฤติกรรมการสะท้อนคิด

ขั้นที่ 1 พฤติกรรมการสะท้อนคิดในขั้นอธิบายสถานการณ์และปัญหาที่เกิดขึ้น

ระดับคุณภาพ เกณฑ์การพิจารณา
0 -ไม่สามารถอธิบายสภาพและบริบทของสถานการณ์/ปัญหาที่เกิดขึ้นได้
1 (ควรปรับปรุง) -อธิบายสภาพและบริบทของสถานการณ์/ปัญหาที่เกิดขึ้นได้แต่ไม่ชัดเจน
2 (พอใช้) -อธิบายสภาพและบริบทของสถานการณ์/ปัญหาที่เกิดขึ้นได้ชัดเจน
3 (ดี) -อธิบายสภาพและบริบทของสถานการณ์/ปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจน

-สรุปสาระสำคัญได้อย่างครบถ้วน

4 (ดีมาก) -อธิบายสภาพและบริบทของสถานการณ์/ปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจน

-สรุปสาระสำคัญได้อย่างครบถ้วน

-วิเคราะห์ปัจจัยที่สนับสนุนให้เกิดปัญหานั้นได้อย่างเชื่อมโยง อาจจะเขียนเป็นผังความคิด แผนภูมิ ฯลฯ

ขั้นที่ 2 พฤติกรรมการสะท้อนคิดในขั้นอธิบายความรู้สึกต่อสถานการณ์

ระดับคุณภาพ เกณฑ์การพิจารณา
0 -ไม่สามารถอธิบายความคิดความรู้สึกตามประสบการณ์เดิมของตนเองที่มีต่อสถานการณ์นั้นได้
1 (ควรปรับปรุง) -อธิบายความคิดความรู้สึกตามประสบการณ์เดิมของตนเองที่มีต่อสถานการณ์นั้นได้
2 (พอใช้) -อธิบายความคิดความรู้สึกตามประสบการณ์เดิมของตนเองที่มีต่อสถานการณ์ได้ และกล่าวถึงความรู้สึกของผู้อื่น
3 (ดี) -อธิบายความคิดความรู้สึกของตนเองที่มีต่อสถานการณ์ และกล่าวถึงความรู้สึกของผู้อื่น

-ประเมินความคิดเห็นของตนเองที่มีต่อสถานการณ์นั้นได้ในด้านบวกหรือด้านลบเพียงด้านเดียว

4 (ดีมาก) -อธิบายความคิดความรู้สึกของตนเองที่มีต่อสถานการณ์ และกล่าวถึงความรู้สึกของผู้อื่น

-ประเมินและวิเคราะห์ความคิดเห็นของตนเองที่มีต่อสถานการณ์นั้นได้ทั้งด้านบวกและด้านลบได้

ขั้นที่ 3 พฤติกรรมการสะท้อนคิดในขั้นบอกแนวคิด/หลักการ/ความเชื่อที่สนับสนุนการกระทำ

ระดับคุณภาพ เกณฑ์การพิจารณา
0 -ไม่สามารถทบทวนความรู้เกี่ยวกับแนวคิด/หลักการ/ความเชื่อของตนเองที่มีอยู่เดิมได้
1 (ควรปรับปรุง) -ทบทวนความรู้เกี่ยวกับแนวคิด/หลักการ/ความเชื่อของตนเองที่มีอยู่เดิม
2 (พอใช้) -ทบทวนความรู้เกี่ยวกับแนวคิด/หลักการ/ความเชื่อของตนเองที่มีอยู่เดิม

-อธิบายแนวคิด/ทฤษฎี/ความเชื่อ/คุณค่าที่สนับสนุนความคิดของตนเองได้ 1 แนวคิด

3 (ดี) -ทบทวนความรู้เกี่ยวกับแนวคิด/หลักการ/ความเชื่อของตนเองที่มีอยู่เดิม

-อธิบายแนวคิด/ทฤษฎี/ความเชื่อ/คุณค่าที่สนับสนุนความคิดของตนเองได้มากกว่า 1 แนวคิด

4 (ดีมาก) -ทบทวนความรู้เกี่ยวกับแนวคิด/หลักการ/ความเชื่อของตนเองที่มีอยู่เดิม

-อธิบายแนวคิด/ทฤษฎี/ความเชื่อ/คุณค่าที่สนับสนุนความคิดของตนเองได้มากกว่า 1 แนวคิด

-อธิบายแนวคิด/ทฤษฎี/ความเชื่อ/คุณค่าที่สนับสนุนความคิดของตนเองได้ชัดเจนและสมเหตุสมผล

ขั้นที่ 4 พฤติกรรมการสะท้อนคิดในขั้นเปิดใจรับฟังความคิดเห็น/ทางเลือกที่หลากหลาย

ระดับคุณภาพ เกณฑ์การพิจารณา
0 -ไม่สามารถนำเสนอแนวคิด หลักการ ความคิดความเชื่อ ของตนเองได้
1 (ควรปรับปรุง) -นำเสนอแนวคิด หลักการ ความคิดความเชื่อ ของตนเอง
2 (พอใช้) -นำเสนอแนวคิด หลักการ ความคิดความเชื่อ ของตนเอง

-ฟังอย่างตั้งใจ* (active listening)

3 (ดี) -นำเสนอแนวคิด หลักการ ความคิดความเชื่อ ของตนเอง

-ฟังอย่างตั้งใจ  (active listening)

-แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับบุคคลอื่นในกลุ่มโดยปราศจากอคติ

4 (ดีมาก) -นำเสนอแนวคิด หลักการ ความคิดความเชื่อ ของตนเอง

-ฟังอย่างตั้งใจ* (active listening)

-แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับบุคคลอื่นในกลุ่มโดยปราศจากอคติ และแสดงความคิดเห็นโต้แย้งทางวิชาการอย่างมีเหตุผล

หมายเหตุ * ฟังอย่างตั้งใจ  (active listening) หมายถึง เป็นการฟังเพื่อเข้าใจสิ่งที่ผู้อื่นพูด ต้องตั้งใจ ไม่วอกแวก และเป็นการฟังแบบเปิดรับ ฟังโดยไม่มีคำเถียงหรือคำถาม ไม่รีบร้อนด่วนสรุป ไม่ตัดสินว่าถูกผิดใดใดทั้งสิ้น

ขั้นที่ 5 พฤติกรรมการสะท้อนคิดในขั้นจัดลำดับความคิด/สรุปความคิดรวบยอด

ระดับคุณภาพ เกณฑ์การพิจารณา
0 -ไม่สามารถจัดหมวดหมู่และลำดับความคิดและสรุปความคิดรวบยอดได้
1 (ควรปรับปรุง) -จัดหมวดหมู่และลำดับความคิดได้แต่ไม่ชัดเจน

-ไม่สามารถสรุปความคิดรวบยอดได้

2 (พอใช้) -จัดหมวดหมู่และลำดับความคิดได้ชัดเจน เข้าใจง่าย

-อธิบายที่มาของการจัดหมวดหมู่หรือการลำดับความคิดได้

3 (ดี) -จัดหมวดหมู่และลำดับความคิดได้ชัดเจน เข้าใจง่าย

-อธิบายที่มาของการจัดหมวดหมู่หรือการลำดับความคิดได้

-สรุปความคิดรวบยอดได้แต่ไม่ชัดเจน

4 (ดีมาก) -จัดหมวดหมู่และลำดับความคิดได้ชัดเจน เข้าใจง่าย

-อธิบายที่มาของการจัดหมวดหมู่หรือการลำดับความคิดได้

-สรุปความคิดรวบยอดได้ชัดเจน

ขั้นที่ 6 พฤติกรรมการสะท้อนคิดในขั้นนำข้อสรุปไปปฏิบัติ

ระดับคุณภาพ เกณฑ์การพิจารณา
0 -ไม่สามารถอภิปรายเพื่อเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของแต่ละแนวทางได้
1 (ควรปรับปรุง) -อภิปรายเพื่อเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของแต่ละแนวทางได้

-สรุปทางเลือกได้

2 (พอใช้) -อภิปรายเพื่อเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของแต่ละแนวทางได้อย่างมีเหตุมีผลและน่าเชื่อถือ

-สรุปทางเลือกได้

3 (ดี) -อภิปรายเพื่อเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของแต่ละแนวทางได้อย่างมีเหตุมีผลและน่าเชื่อถือ

-สรุปทางเลือกได้

-ประเมินผลลัพธ์ที่ตามมาของทางเลือกได้ 1-2 ด้าน

4 (ดีมาก) -อภิปรายเพื่อเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของแต่ละแนวทางได้อย่างมีเหตุมีผลและน่าเชื่อถือ

-สรุปทางเลือกได้

-ประเมินผลลัพธ์ที่ตามมาของทางเลือกได้ 1-2 ด้าน

-ประเมินผลลัพธ์ที่ตามมาของทางเลือกได้หลากหลายแง่มุม (มากกว่า 2 ด้าน)

ขั้นที่ 7 พฤติกรรมการสะท้อนคิดในขั้นสะท้อนคิดการเรียนรู้/ประสบการณ์ใหม่ที่แตกต่างจากเดิม

ระดับคุณภาพ เกณฑ์การพิจารณา
0 -ไม่สามารถสะท้อนคิดการเรียนรู้/ประสบการณ์ใหม่ที่แตกต่างจากเดิมได้
1 (ควรปรับปรุง) -อธิบายได้ว่าประสบการณ์ที่ได้รับในครั้งนี้ได้เปลี่ยนแปลงตนเองด้านความรู้อย่างไรบ้าง
2 (พอใช้) -อธิบายได้ว่าประสบการณ์ที่ได้รับในครั้งนี้ได้เปลี่ยนแปลงตนเองด้านความรู้อย่างไร

-อธิบายเปรียบเทียบความรู้ที่มีอยู่เดิมกับสิ่งที่ได้ใหม่ได้

3 (ดี) -อธิบายได้ว่าประสบการณ์ที่ได้รับในครั้งนี้ได้เปลี่ยนแปลงตนเองด้านความรู้อย่างไร

-อธิบายเปรียบเทียบความรู้ที่มีอยู่เดิมกับสิ่งที่ได้ใหม่ได้

-อธิบายได้ว่าประสบการณ์ในครั้งนี้ได้เปลี่ยนแปลงตนเอง ด้านความคิด ความเชื่อ อย่างไร

4 (ดีมาก) -อธิบายได้ว่าประสบการณ์ที่ได้รับในครั้งนี้ได้เปลี่ยนแปลงตนเองด้านความรู้อย่างไร

-อธิบายเปรียบเทียบความรู้ที่มีอยู่เดิมกับสิ่งที่ได้ใหม่ได้

-อธิบายได้ว่าประสบการณ์ในครั้งนี้ได้เปลี่ยนแปลงตนเอง ด้านความคิด ความเชื่อ อย่างไร

-อธิบายเปรียบเทียบความคิดความเชื่อที่มีอยู่เดิมกับสิ่งที่ได้ใหม่ได้

การนำรูปแบบไปใช้ในการจัดการเรียนรู้

1. ผู้สอนจะศึกษาแนวคิดการสะท้อนคิด เทคนิคและกระบวนการการจัดการเรียนรู้ และการประเมินพฤติกรรมการสะท้อนคิดเพิ่มเติมให้มีความเข้าใจ เนื่องจากการเรียนรู้แบบการสะท้อนคิดเป็นกระบวนการที่ต้องใช้พลังความคิดและเวลาในการคิดใคร่ครวญ ทั้งในการตั้งคำถาม การตอบคำถาม การให้เหตุผลประกอบการตัดสินใจ การจินตนาการหาทางเลือกที่หลากหลาย การสังเคราะห์ทางเลือกใหม่ที่เหมาะสม ดังนั้นเพื่อนำไปสู่เป้าหมายสุดท้ายของการเรียนรู้แบบการสะท้อนคิด ผู้สอนต้องเอื้อให้ผู้เรียนกล้าตั้งคำถามและตอบคำถามตามความเป็นจริง มีการอภิปรายอย่างหลากหลาย และเป็นกันเอง และให้การสะท้อนกลับให้ผู้เรียนถาม/ตอบคำถามในระดับที่สูงขึ้นเพื่อพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาที่ซับซ้อน และเรียนรู้การเชื่อมโยงความรู้จากทฤษฎีสู่การปฏิบัติ

2. การเรียนรู้แบบการสะท้อนคิด ผู้เรียนต้องมีการอ่านและแสวงหาข้อมูลอย่างกว้างขวาง มีความตระหนักรู้ในตนเอง สนใจและไวต่อข้อมูลและความรู้สึกที่ผุดออกมาจากสภาพแวดล้อมภายในตนเองและภายนอกตนเอง พร้อมทั้งพร้อมที่จะเผชิญกับความรู้สึกเหล่านั้น ด้วยวิธีการที่สร้างสรรค์แปลกใหม่แตกต่างไปจากเดิม และหลากหลาย

3. รูปแบบการจัดการเรียนรู้นี้ ผู้สอนมีการกำหนดตัวอย่างเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงมาให้ผู้เรียนสะท้อนคิด  ดังนั้นการสะท้อนคิดบางครั้งอาจจะทำให้ผู้เรียนรู้สึกสับสน เจ็บปวดและเป็นทุกข์ได้ จึงจำเป็นต้องกระตุ้นและให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนความคิด และจิตใจแก่ผู้เรียนที่พึ่งหัดสะท้อนคิด

4. การจัดการเรียนรู้โดยการสะท้อนคิดนั้นมีจำนวนผู้เรียนไม่มาก ดังนั้นผู้สอนควรมีความยืดหยุ่น ต้องให้เวลาผู้เรียนได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้สอนคนอื่นๆ และต้องไม่ปล่อยให้ผู้เรียนสะท้อนคิดเพียงลำพัง จึงจะทำให้การสะท้อนคิดมีคุณภาพ

5. ในทุกๆ ครั้งก่อนการสอนแบบการสะท้อนคิด ผู้สอนควรมีเทคนิคและวิธีการในการฝึกผู้เรียนในเรื่อง “การอยู่ในปัจจุบันขณะ” (here and now) เช่น การทำสมาธิ เนื่องจากก่อนการทำกิจกรรมต่างๆ ผู้เรียนควรตั้งอยู่บนพื้นฐานของการมีสติ และอยู่กับปัจจุบัน เพื่อที่จะทำให้ผู้เรียนสามารถทำกิจกรรมนั้นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีประสิทธิผล