• Accessibility

    • normal big bigger

Last posts

Last Comments

Most active posts

ค้นหา

หมวดหมู่

10/09/2014

แนวปฏิบัติที่ดีเรื่อง กระบวนการเรียนการสอนแบบ Active Learning ในรายวิชาภาคปฏิบัติ

Categories: การจัดการความรู้ วพบ.อต.
Author: Nopparat
Time: 2:16 am
Reactions :No comments

แนวปฏิบัติที่ดีเรื่อง กระบวนการเรียนการสอนแบบ Active Learning ในรายวิชาภาคปฏิบัติ

สรุปการถอดบทเรียนการจัดการความรู้

ภาควิชาการพยาบาลอนามัยชุมชนและจิตแวช

ขั้นเตรียมการ

เตรียมผู้สอน

- ทำความเข้าใจการจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning ไปใช้ให้เหมาะสมกับลักษณะวิชา ผลลัพธ์การเรียนรู้ วิธีการจัดการเรียนการสอน การวัดประเมินผล

- เข้าใจความแตกต่างระหว่างผู้เรียน รู้เทคนิคการเสริมแรงทางบวกในการเรียนให้เหมาะสมกับผู้เรียนแต่ละคน

เตรียมแหล่งฝึก

- ประสานผู้นำชุมชน อสม. ในการพิจารณาหากรณีศึกษาที่มีความพร้อมและยินดีให้ความร่วมมือในการจัดการเรียนการสอน

เตรียมผู้เรียน

- ชี้แจงวิธีการจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning และบทบาทของผู้เรียน

- กำหนดกติกา ข้อตกลงระหว่างผู้เรียนกับผู้สอน

ขั้นสอน

ให้ผู้เรียนชี้แจงทำความเข้าใจถึงขั้นตอนและกิจกรรมการให้บริการ ตลอดจนระยะเวลาการฝึกงานของนักศึกษาแก่ผู้รับบริการ

ผู้สอนให้การเสริมแรงทางบวกในการฝึกปฏิบัติ เช่น รับฟังปัญหาเมื่อนักศึกษาประสบปัญหาในการปฏิบัติงาน และให้กำลังใจเมื่อนักศึกษาปฏิบัติได้ถูกต้อง

ผู้สอนใช้เทคนิคการเรียนการสอนแบบ Active Learning เช่น การใช้คำถามกระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดความกระตือรือร้นในการเรียนรู้ด้วยตนเอง การมอบหมายกรณีศึกษาเป็นรายบุคคล การมอบหมายงานค้นคว้าด้วยตนเอง

ขั้นประเมินผล

- กำหนดคุณลักษณะผู้เรียนแบบ Active Learner

- กำหนดเกณฑ์การประเมินผลผู้เรียนตามคุณลักษณะผู้เรียนแบบ Active Learner

- ผู้สอนควรมีการประเมินผลการสอนร่วมกันระหว่างที่ดำเนินการสอน

- ผู้สอนสะท้อนกลับพฤติกรรมของผู้เรียนเป็นระยะ เพื่อให้ผู้เรียนได้รับทราบและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเรียน (หากมี)

07/09/2014

รายงานการประชุมกิจกรรมการจัดการความความรู้ การนำผลการวิจัยไปใช้ประโยชน์

Categories: การจัดการความรู้ วพบ.อต.
Author: Naiyana Kaewkhong
Time: 9:37 am
Reactions :11 comments

รายงานการประชุมกิจกรรมการจัดการความความรู้

การนำผลการวิจัยไปใช้ประโยชน์

วันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๗ เวลา ๑๓.๐๐-๑๔.๓๐ น.

ณ ห้องประชุม บานชื่น

?????????????????????????????????????????

ผู้เข้าร่วมประชุม

๑.????? นางศศิธร???????? ????????? ชิดนายี?????????? ประธาน

๒.????? นางสาว ดุจเดือน? เขียวเหลือง

๓.????? นางสาว นัยนา อินธิโชติ

๔.????? นางสาว วรรณวดี เนียมสกุล

๕.????? นายพิศิษฐ์? พวงนาค

๖.????? นางมณฑา??????? ????????? อุดมเลิศ

๗.????? นางสาววราภรณ์????????? ยศทวี

๘.????? นางสาวเสาวลักษณ์ ?????? เนตรชัง

๙.????? นางวาสนา?????? ????????? ครุฑเมือง

๑๐.? นางสาวอลิษา????????????? ทรัพย์สังข์

๑๑.? นายวีระยุทธ???? ????????? อินพะเนา

๑๒.? นายภราดร?????? ????????? ล้อธรรมมา เลขานุการที่ประชุม

๑๓.? นางจิราพร???????????????? ศรีพลากิจ

๑๔.? นางอรุณรัตน์???? ????????? พรมมา

ระเบียบวาระที่ ๑ กำหนดประเด็น

ประธาน แจ้งเรื่องการจัดการความรู้ที่มีการกำหนดประเด็นการวิจัยตามแผนปฏิบัติการคือการนำผลการวิจัยไปใช้ประโยชน์ ซึ่งในวันนี้จะมีการพูดคุยกันตั้งแต่ ความหมาย ประเภทของการนำวิจัยไปใช้ประโยชน์ ประสบการณ์ที่เคยนำผลการวิจัยไปใช้ประโยชน์ แนวทางในการนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์

ระเบียบวาระที่ ๒ แลกเปลี่ยนเรียนรู้

ประเด็นที่ ๑ ความหมาย ประเภทการนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ และประสบการณ์

ความหมายของ การนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์

การนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ หมายถึง การนำไปใช้ประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ในโครงการ/โครงการวิจัย และรายงานการวิจัยอย่างถูกต้อง สามารถนำไปสู่การแก้ปัญหาได้อย่างเป็นรูปธรรมกับกลุ่มเป้าหมาย โดยมีหลักฐานปรากฏอย่างชัดเจนถึงการนำไปใช้ จนก่อให้เกิดประโยชน์ได้จริงตามวัตถุประสงค์ และได้การรับรองการใช้ประโยชน์จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

(อ้างอิงจากคู่มือการประกันคุณภาพการศึกษาปีการศึกษา ๒๕๕๖ หน้า…………….)

ประเภทของการนำวิจัยไปใช้ประโยชน์

แบ่งออกเป็นด้านต่างๆ ดังต่อไปนี้
1. การนำไปใช้ประโยชน์เชิงนโยบาย หมายถึง การนำไปใช้ประโยชน์เชิงนโยบายเป็นการใช้ประโยชน์จากผลงานวิจัยเชิงนโยบายใน การนำไปใช้ประกอบเป็นข้อมูลการประกาศใช้กฎหมาย หรือกำหนดมาตรการ กฎเกณฑ์ต่างๆ โดยองค์กร หรือหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เป็นต้น
2. การนำไปใช้ประโยชน์เชิงพณิชย์หมายถึง การนำไปใช้ประโยชน์เชิงพณิชย์ คือ งานวิจัยที่นำไปสู่การพัฒนาสิ่งประดิษฐ์ หรือผลิตภัณฑ์ซึ่งก่อให้เกิดรายได้ หรือนำไปสู่การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต เป็นต้น
3.การนำไปใช้ประโยชน์เชิงวิชาการหมายถึง???? เป็นการนำผลงานการวิจัย นำไปใช้ประโยชน์เพื่อการเรียนการสอน หรือสื่อการเรียนรู้ต่างๆ
4.การนำไปใช้ประโยชน์เชิงสาธารณะหมายถึง ผลงานวิจัยที่นำไปใช้ให้เกิดประโยชน์แก่สาธารณชนในเรื่องต่างๆทีทำให้ คุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจของประชาชนดีขึ้น ได้แก่การใช้ประโยชน์ด้านสาธารณสุข ด้านการบริหารจัดการสำหรับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ด้านการส่งเสริมประชาธิปไตยภาคประชาชน ด้านศิลปะและวัฒนธรรม ด้านวิถีชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียง เป็นต้น
5.การนำไปใช้ประโยชน์เชิงพื้นที่หมายถึง เป็นการนำผลงานการวิจัย ไปใช้ประโยชน์ในพื้นที่เจาะจงพื้นที่นั้นๆ

อ.วรรณวดี

ประสบการณ์ที่ได้มีผู้นำผลงานวิจัยไปใช้ คือการนำไปเผยแพร่ให้กับโรงพยาบาลในเขตจังหวัดสุโขทัย และมีนิสิตปริญญาเอกได้นำผลงานวิจัย วิทยานิพนธ์ไปสังเคราะห์พร้อมกับมีการอ้างอิง แต่ปัญหาคือ เขาจะไม่มีการรับรอง

อ.ดร.ดุจเดือน? แบบนี้งานวิจัยเป็นสิ่งที่มีประโยชน์จริงๆ

สำหรับของวิทยาลัยจากการแลกเปลี่ยนเรียนรู้มีเพิ่มเติมคือ

การนำผลการวิจัยไปใช้ประโยชน์สามารถนำไปใช้ได้ ๓ ด้านคือ

๑.ด้านการปฏิบัติการพยาบาล

ตัวอย่าง คู่มือการตรวจครรภ์ สามารถนำไปใช้ในพยาบาลที่ปฏิบัติงาน ในแผนกฝากครรภ์โรงพยาบาลศรีสังวร จังหวัดสุโขทัย โดยส่งผลให้เกิดการทบทวนทักษะและความรู้ในการตรวจครรภ์ และเกิดผลการปฏิบัติงานที่มีคุณภาพสามารถตรวจคัดกรองภาวะผิดปกติจากการตั้งครรภ์ได้ทันท่วงที

๒.ด้านการศึกษาพยาบาล

ตัวอย่าง คู่มือการตรวจครรภ์ สามารถนำมาใช้ในนักศึกษาพยาบาลศาสตร์ชั้นปีที่ ๓ และทำให้นักศึกษาได้ทบทวนความรู้ในการตรวจครรภ์ มีแนวทางในการปฏิบัติงาน นักศึกษามีความเม่นยำในการตรวจครรภ์ บรรลุวัตถุประสงค์การเรียนรู้ครบ KAP และช่วยลดระยะเวลาการสอน

๓.ด้านการวิจัย

เสนอให้มีการนำผลการวิจัยไปใช้ในรูปแบบอื่น ได้แก่? การนำผลการวิจัยไปอ้างอิงในงานวิจัยหรือวิทยานิพนธ์เรื่องใหม่? , การนำเครื่องมือในงานวิจัยใช้ประโยชน์ เช่น คู่มือการตรวจครรภ์ คู่มือผู้ป่วยโรคเบาหวานและความดันโลหิต แต่ต้องเป็นเครื่องมือที่ผ่านการศึกษาวิจัยและถูกวิพากษ์จากผู้ทรงคุณวุฒิ หลังเสร็จสิ้นการวิจัย (ไม่ใช้เครื่องมือที่อยู่ในบทที่ ๓ ของงานวิจัย) การนำผลการวิจัยไปใช้ประโยชน์ในรูปแบบแผ่นพับ? คู่มือ จุลสาร ใบปลิวความรู้? รวมทั้งบทสรุปหรือข้อเสนอแนะของการนำผลการวิจัยไปใช้พัฒนางานในด้านต่างๆ

ประเด็นที่แนวทางในการนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์

การนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ต้องมีหลักเกณฑ์

  • ตามวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ในโครงการวิจัยและรายงานการวิจัยอย่างถูกต้อง
  • สามารถนำไปสู่การแก้ปัญหาได้อย่างเป็นรูปธรรม มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ในการประยุกต์ใช้กับกลุ่มเป้าหมาย
  • มีหลักฐานปรากฏอย่างชัดเจนถึงการนำไปใช้จนก่อให้เกิดประโยชน์ได้จริงอย่างชัดเจนตามวัตถุประสงค์
  • ได้การรับรองการใช้ประโยชน์จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

แนวทางการนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์

ให้ดูตามคู่มือการวิจัยที่มีระบุแนวทาง และ Flow chart การนำผลการวิจัยไปใช้ประโยชน์

ปัญหาที่ผ่านมาต้องมีการสังเคราะห์งานวิจัย ซึ่งสามารถนำคู่มือในการวิจัยไปใช้ได้หรือไม่

มติ คือ คู่มือจะนำไปใช้ได้เมื่อมีการปรับปรุงแล้วตามผลการวิจัย โดยระบุว่าจะมีการปรับปรุงอย่างไร

เอกสารหลักฐานที่ใช้ในการนำผลการวิจัยไปใช้ประโยชน์

๑.ใบรับรองการนำผลการวิจัยไปใช้ประโยชน์ โดยระบุอย่างชัดเจนว่านำผลการวิจัยไปใช้ประโยชน์อย่างไร

๒.การนำผลการวิจัยไปอ้างอิงในงานวิจัยหรือวิทยานิพนธ์เรื่องใหม่ให้รอปรึกษาเรื่องเอกสารหลักฐานจากผู้ทรงคุณวุฒิจากสถาบันรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา(สมศ.)

ระเบียบวาระที่ ๓ สรุปประเด็นความรู้ที่ได้

การนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ที่ใช้หมายถึง การนำไปใช้ประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ในโครงการ/โครงการวิจัย และรายงานการวิจัยอย่างถูกต้อง สามารถนำไปสู่การแก้ปัญหาได้อย่างเป็นรูปธรรมกับกลุ่มเป้าหมาย โดยมีหลักฐานปรากฏอย่างชัดเจนถึงการนำไปใช้ จนก่อให้เกิดประโยชน์ได้จริงตามวัตถุประสงค์ และได้การรับรองการใช้ประโยชน์จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ประเภทของการนำวิจัยไปใช้ประโยชน์

แบ่งออกเป็นด้านต่างๆ ดังต่อไปนี้
๑. การนำไปใช้ประโยชน์เชิงนโยบาย หมายถึง การนำไปใช้ประโยชน์เชิงนโยบายเป็นการใช้ประโยชน์จากผลงานวิจัยเชิงนโยบายใน การนำไปใช้ประกอบเป็นข้อมูลการประกาศใช้กฎหมาย หรือกำหนดมาตรการ กฎเกณฑ์ต่างๆ โดยองค์กร หรือหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เป็นต้น
๒. การนำไปใช้ประโยชน์เชิงพณิชย์หมายถึง การนำไปใช้ประโยชน์เชิงพณิชย์ คือ งานวิจัยที่นำไปสู่การพัฒนาสิ่งประดิษฐ์ หรือผลิตภัณฑ์ซึ่งก่อให้เกิดรายได้ หรือนำไปสู่การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต เป็นต้น
๓.การนำไปใช้ประโยชน์เชิงวิชาการหมายถึง???? เป็นการนำผลงานการวิจัย นำไปใช้ประโยชน์เพื่อการเรียนการสอน หรือสื่อการเรียนรู้ต่างๆ
๔.การนำไปใช้ประโยชน์เชิงสาธารณะหมายถึง ผลงานวิจัยที่นำไปใช้ให้เกิดประโยชน์แก่สาธารณชนในเรื่องต่างๆทีทำให้ คุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจของประชาชนดีขึ้น ได้แก่การใช้ประโยชน์ด้านสาธารณสุข ด้านการบริหารจัดการสำหรับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ด้านการส่งเสริมประชาธิปไตยภาคประชาชน ด้านศิลปะและวัฒนธรรม ด้านวิถีชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียง เป็นต้น
๕.การนำไปใช้ประโยชน์เชิงพื้นที่หมายถึง เป็นการนำผลงานการวิจัย ไปใช้ประโยชน์ในพื้นที่เจาะจงพื้นที่นั้นๆ

๖. ด้านการปฏิบัติการพยาบาล

๗. ด้านการศึกษาพยาบาล

๘. ด้านการวิจัย

ระเบียบวาระที่ ๔ สรุปแนวทางปฏิบัติ

ปิดประชุม ๑๔.๓๐ น.

????????????????.

(นายภราดร???????????????? ล้อธรรมมา)

ผู้บันทึกการประชุม

????????????????.

(นางศศิธร ชิดนายี)

ผู้ตรวจการประชุม

06/09/2014

แนวปฏิบัติที่ดี : การจัดการเรียนการสอนแบบ Active learning

สรุปผลการถอดบทเรียนการจัดการองค์ความรู้

ภาควิชาพื้นฐานการพยาบาลและพัฒนาวิชาชีพ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี อุตรดิตถ์

แนวปฏิบัติที่ดี : การจัดการเรียนการสอนแบบ? Active learning

?

???????? ภาควิชาพื้นฐานการพยาบาลและพัฒนาวิชาชีพมีการจัดการเรียนการสอนแบบโดยการใช้กระบวนการActive Learning ในลักษณะหลายรูปแบบขึ้นอยู่กับการออกแบบการเรียนการสอนแต่ละรายวิชาและแต่ละหัวข้อที่สอนในรายวิชานั้น ในปีการศึกษา ๒๕๕๖ ได้มีการจัดการเรียนการสอนแบบ Active learning ในรายวิชาดังต่อไปนีh

๑. วิชาหลักการและเทคนิคการพยาบาล ยกตัวอย่างเช่น

????????? – บทที่ ๙ หลักการและเทคนิคการพยาบาล จัดทำการเคลื่อนไหวและฟื้นฟูร่างกาย กิจกรรมที่ใช้คือ การใช้เทคนิคจิ๊กซอว์ (Jigsaw)

????????? – บทที่ ๑๓ หลักการเทคนิคการดูแลผู้ป่วยเมื่อเสียชีวิต โดยการใช้เทคนิคการเรียนรู้แบบวิเคราะห์วีดีโอ(Analysis or reactions to video)

๒. วิชาปฏิบัติหลักการและเทคนิคการพยาบาล

????????? โดยจัดให้มีโครงการเตรียมความพร้อมแก่นักศึกษาก่อนการฝึกภาคปฏิบัติเป็นกิจกรรมเสริมหลักสูตร การเตรียมความพร้อมและมีการบูรณาการกับการบริการวิชาการ กาพยาบาลขั้นพื้นฐานด้วยหัวใจความเป็นมนุษย์ ภายใต้โครงการ ?สุขอนามัยดี ชื่นชีวีผู้สูงวัย? โดยมีเป้าหมายในกลุ่มบุคคลทุกช่วงวัย คือ วัยเด็ก ผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ ร่วมกับการทำวิจัย เรื่อง พฤติกรรมสุขภาพส่งเสริมสุขภาพของผู้สูงอายุในเขตรับผิดชอบโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านคุ้ม ตำบลชัยจุมพล อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์

????????? สรุป: การเรียนรู้แบบ Active learning มีใช้ในวิชาหลักการฯ สรุปได้ ดังนี้

?????????????????? V = ให้นักศึกษาดูวิดีโอ

?????????????????? A = การฟังบรรยาย, การฟังเรื่องเล่าจากผู้อื่น, การพูดคุย, การฟังกลุ่มอภิปราย

?????????????????? R = การมอบหมายให้นักศึกษาอ่านก่อนการเข้าชั้นเรียน, การอ่านหนังสือนอกเวลา(พยาบาลไร้หมวก)

?????????????????? K = นักศึกษาทำกิจกรรม ฝึกหัดและลงมือปฏิบัติ ได้แก่ การทำกิจกรรมจิ๊กซอร์(Jigsaw), การแสดงบทบาทสมมติ(Role play), เขียนแผนผังความคิด(Mind mapping)

?การออกแบบการเรียนการสอนแบบ Active learning ดังนี้

๑. การเรียนรู้แบบแลกเปลี่ยนความคิด (Think-Pair-Share) คือ การจัดกิจกรรมการเรียนที่ให้ผู้เรียนคิดเกี่ยวกับประเด็นที่กำหนด จากนั้นให้แลกเปลี่ยนความคิดกับเพื่อนและนำเสนอความคิดเห็นต่อผู้เรียนทั้งหมด ยกตัวอย่างเช่น การให้นักศึกษาแสดงความรู้สึกของตนเองก่อนฝึกภาคปฏิบัติและความต้องการหรือความคาดหวังที่ตนเองต้องการ

????????? ทฤษฎี : การพยาบาลขั้นพื้นฐาน

????????? กิจกรรมโครงการ : โครงการเตรียมความพร้อมการพยาบาลพื้นฐานด้วยหัวใจความเป็นมนุษย์

????????? ทดลอง: กิจกรรมกลุ่ม การแสดงความรู้สึก การนำเสนอ ชื่อ ?สร้างฐานเปิดจิต คิดแบบเปิดใจ?

????????? ปฏิบัติ: ให้นักศึกษาเขียนความรู้สึกเมื่อต้องให้การพยาบาลผู้ป่วยครั้งแรก

????????? ๒. การเรียนรู้แบบร่วมมือ (Collaborative learning group) คือ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนได้ทำงานร่วมกับผู้อื่น โดยจัดกลุ่มๆ ละ ๖-๗ คน

????????? ทฤษฎี : การพยาบาลในประเทศและต่างประเทศ

????????? กิจกรรมโครงการ : การให้นักศึกษาแต่ละกลุ่มร่วมกันทำงานเกี่ยวกับการพยาบาลในแต่ละยุค และนำเสนอ ในรูปแบบการแสดงบทบาทสมมติ

????????? ทดลอง: กิจกรรมกลุ่ม โดยให้นักศึกษาแต่ละกลุ่มแสดงบทบาทสมมติ (Role play)

????????? ปฏิบัติ: ให้นักศึกษาแบ่งกลุ่มและร่วมกันคิด ตัดสินใจในการบริการด้วยหัวใจ

????????? ๓. การเรียนรู้แบบวิเคราะห์วีดีโอ (Analysis or reactions to video) คือ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนได้ดูวีดีโอ แล้วให้นักเรียนแสดงความคิดเห็นหรือสะท้อนความคิดเกี่ยวกับสิ่งที่ได้ดู อาจโดยวิธีการพูดโต้ตอบกัน การเขียน หรือการร่วมกันสรุปเป็นรายกลุ่ม

????????? ทฤษฎี : การดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย

????????? กิจกรรมโครงการ : การให้นักศึกษาดูวีดีโอเกี่ยวกับการดูแลผู้ป่วยเมื่อเสียชีวิตและเขียนสิ่งที่ได้เรียนรู้จากวีดีโอ

????????? ทดลอง: การแสดงความรู้สึกของนักศึกษาแต่ละบุคคล ภายหลังจากได้ดูวีดีโอ

????????? ปฏิบัติ: การให้นักศึกษาดูวีดีโอเกี่ยวกับการพยาบาลผู้ป่วยและให้แสดงความรู้สึก สิ่งที่ได้รับจากการดูวีดีโอ

???????? ๔. การเรียนรู้แบบกรณีศึกษา (Analyze case studies) คือ การจัดกิจกรรมการเรียนที่ให้ผู้เรียนได้อ่านกรณีตัวอย่างที่ต้องการศึกษา จากนั้นให้ผู้เรียนวิเคราะห์และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นหรือแนวทางแก้ปัญหาภายในกลุ่ม แล้วนำเสนอความคิดเห็นต่อผู้เรียนทั้งหมด

????????? ทฤษฎี : ๑๑ แบบแผนของกอร์ดอน

????????? กิจกรรมโครงการ : การให้นักศึกษาวิเคราะห์กรณีศึกษาเกี่ยวกับ ๑๑ แบบแผนของกอร์ดอน

????????? ทดลอง: กิจกรรมกลุ่ม เขียนรายงานกรณีศึกษา โดยใช้ ๑๑ แบบแผนของกอร์ดอน

????????? ปฏิบัติ: การให้นักศึกษาแบ่งกลุ่มและให้นำเสนอข้อมูลผู้ป่วยกรณีศึกษาเกี่ยวกับกระบวนการพยาบาลและนำไปใช้ในการดูแลผู้ป่วย

????????? ๕. การเรียนรู้แบบการเขียนบันทึก (Keeping journals or logs) คือ การจัดกิจกรรมการเรียนที่ผู้เรียนจดบันทึกเรื่องราวต่างๆ ที่ได้พบเห็น หรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน รวมทั้งเสนอความคิดเพิ่มเติมเกี่ยวกับบันทึกที่เขียน

????????? ทฤษฎี : การฝึกภาคปฏิบัติการพยาบาลพื้นฐาน

????????? กิจกรรมโครงการ : กิจกรรมการบันทึกเหตุการณ์ประจำวันเกี่ยวกับการฝึกภาคปฏิบัติ

????????? ทดลอง: กิจกรรมรายบุคคล การบันทึกเหตุการณ์ประจำวันที่พบเห็น

????????? ปฏิบัติ: ให้นักศึกษาบันทึกเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวกับการขึ้นฝึกปฏิบัติวิชาหลักการและเทคนิคการพยาบาล

????????? ๖. การเรียนรู้แบบแผนผังความคิด(Concept mapping) คือ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนออกแบบแผนผังความคิดเพื่อนำเสนอความคิดรวบยอด และความเชื่อมโยงกันชองกรอบความคิด โดยการใช้เส้นเป็นตัวเชื่อมโยง อาจจัดทำเป็นรายบุคคลหรืองานกลุ่มแล้วนำเสนอผลงานต่อผู้เรียนอื่นๆ

????????? ทฤษฎี : การดูแลแบบองค์รวม

????????? กิจกรรมโครงการ : การให้นักศึกษาแต่ละคนเขียนสิ่งที่ได้รับจากการอ่านหนังสือ พยาบาลไร้หมวก

????????? ทดลอง: กิจกรรมรายบุคคล เขียนตามความรู้สึกเกี่ยวกับการดูแลแบบองค์รวม จากการอ่านหนังสือพยาบาลไร้หมวก บน 1 หน้ากระดาษ A4

????????? ปฏิบัติ: ให้นักศึกษาเขียนสิ่งที่ได้รับภายใต้หัวข้อการเรียนการสอนเรื่อง การดูแลแบบองค์รวม จากหนังสือ พยาบาลไร้หมวก

????????? ๗. การใช้เทคนิคจิ๊กซอว์ (Jigsaw) เป็นวิธีการจัดการเรียนรู้ โดยผู้สอนแบ่งนักศึกษาออกเป็นกลุ่มๆ ตามความเหมาะสม สมาชิกแต่ละคนในกลุ่ม เรียกว่า Home Group จะแยกกันไปศึกษาหัวข้อที่ผู้สอนจะมอบหมายให้ร่วมกับสมาชิกของกลุ่มอื่นๆ เรียกว่า Expert Group จากนั้นสมาชิกทุกคนของกลุ่ม จะกลับไปกลุ่มของตน (Home Group) และเล่าความรู้ที่ตนเองได้ศึกษาให้เพื่อนในกลุ่มฟัง จากนั้นผู้สอนอาจจะให้ตัวแทนของกลุ่มสรุปเนื้อหาของสมาชิกทุกคนเข้าด้วยกัน

????????? ทฤษฎี : เทคนิคการจัดท่า การเคลื่อนไหวและการฟื้นฟูร่างกาย โดยการจับฉลากให้แต่ละกลุ่มนำเสนอ ๑ เรื่อง

????????? กิจกรรมโครงการ : การให้นักศึกษาแต่ละกลุ่ม ศึกษาข้อมูลจากกลุ่มอื่นๆ เพื่อนำความรู้ที่ได้รับแต่ละบุคคลไปเล่าสู่กันฟัง

????????? ทดลอง: กิจกรรมกลุ่ม ศึกษาข้อมูลจากกลุ่มอื่น แล้วนำไปสรุปความรู้

????????? ปฏิบัติ: การให้นักศึกษาแบ่งกลุ่มเพื่อแยกกันไปศึกษาข้อมูลจากกลุ่มอื่น แล้วนำกลับไปเล่าในกลุ่ม จากนั้นนำเสนอภาพรวมเนื้อหาของสมาชิกกลุ่ม

????????? ๘. การแสดงบทบาทสมมุติ (Role playing) เป็นวิธีการหนึ่งที่มีเป้าประสงค์ให้ผู้เรียนรู้ชัดว่า บุคคลที่อยู่ในสถานการณ์หนึ่งๆ นั้นเป็นอย่างไร รู้สึกอย่างไร โดยผู้เรียน สวมบทบาทเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องที่อยู่ในสถานการณ์นั้น และสิ่งที่สำคัญที่จะก่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจ เจตคติ คือ การอภิปรายหลังการแสดง และการให้ความอิสระแก่นักศึกษาในการสร้างสรรค์และกำกับการแสดงบทบาทสมมุตินั้นๆ

????????? ทฤษฎี : ประวัติการพยาบาล

????????? กิจกรรมโครงการ : การแสดงบทบาทสมมติภายใต้ ๖ หัวข้อ ได้แก่ การพยาบาลในยุคมืด การพยาบาลยุคกลาง การพยาบาลยุคเรเนสซองค์ การพยาบาลสมัยสุโขทัย การพยาบาลสมัยอยุธยา และการพยาบาลสมัยรัตนโกสินทร์

????????? ทดลอง: กิจกรรมกลุ่ม โดยแต่ละกลุ่มนักศึกษาให้จับฉลากหัวข้อที่ได้รับแล้วไปศึกษา เพื่อนำเสนอในรูปแบบของการแสดงบทบาทสมมติ

????????? ปฏิบัติ: ให้นักศึกษาแบ่งกลุ่มเป็น ๖ กลุ่ม ตามหัวข้อที่ได้รับ และเตรียมความพร้อมด้านเนื้อหาในการนำเสนอในรูปแบบของการแสดงบทบาทสมมติ

???????????? สำหรับการจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning ของภาควิชาพื้นฐานการพยาบาลและพัฒนาวิชาชีพดังที่กล่าวมาพบว่า ในแต่ละรายวิชามีรูปแบบการจัดการเรียนการสอนที่หลากหลาย และมีการดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น ภาควิชาพื้นฐานการพยาบาลฯ จึงสรุปเป็นแนวปฏิบัติที่ดีเกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning โดยมีขั้นตอนการดำเนินการเป็น ๓ ระยะ ดังนี้

๑. ขั้นเตรียมการ

???? ๑.๑ ทบทวนความรู้เดิมของผู้เรียน

???????? – ผู้สอนเปิดประเด็นการสอนในชั้นเรียน ด้วยการสอบถามนักศึกษาเกี่ยวกับรายวิชาที่นักศึกษาได้ศึกษามาแล้ว โดยเปิดโอกาสให้นักศึกษาร่วมกันวิเคราะห์ว่าวิชาหรือความรู้ใดมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับเนื้อหาที่เรียน

??????? – นักศึกษาวิเคราะห์ความรู้เดิมที่ตนเองได้รับ

???? ๑.๒ เชื่อมโยงประสบการณ์เดิม

?????? – ผู้สอนนำสิ่งที่นักศึกษาตอบคำถามเกี่ยวกับความรู้ของตนเองที่ได้รับมาเชื่อมโยงและเข้าสู่ประเด็นการสอน

??? ๑.๓ เลือกใช้สื่อและอุปกรณ์ที่ส่งเสริมหรือสนับสนุนการเรียนรู้

????? – เตรียมสื่อและอุปกรณ์ที่ส่งเสริมหรือสนับสนุนการเรียนรู้อย่างมีเป้าหมายและเป็นระบบ เช่น ใบงาน สถานการณ์การเรียนรู้ ข้อคำถาม รูปภาพ เสียง วีดีทัศน์ หรือตัวผู้เรียนเอง โดยมีจุดเน้นที่สำคัญ คือ สื่อที่ใช้ประกอบ ควรมีเร่งเร้าการรับรู้ทางประสาทสัมผัสต่างๆ ของผู้เรียน

???? ๑.๔ เร่งเร้าประสาทความรู้สึกต่าง ๆ อันจะนำไปสู่การเกิดความรู้สึกนึกคิด (feeling) หรือความ

ตื่นตัวของผู้เรียน และเชื่อมโยงสู่เนื้อหาความรู้ เช่น ข้อคำถามสะท้อนคิด รูปภาพ สถานการณ์ที่เกิดจริง เสียง วีดีทัศน์ เกม เป็นต้น

๒. ขั้นสอน แบ่งออกเป็น ๒ ขั้นตอน ได้แก่

???? ๒.๑ ขั้นนำ โดยเริ่มต้นด้วยเทคนิคหรือวิธีการต่างๆ เช่น รูปภาพ สถานการณ์ที่เกิดจริง เสียง วีดีทัศน์ เกม ข้อคำถามสะท้อนคิด เพื่อกระตุ้นหรือเร่งเร้าการรับรู้ทางประสาทสัมผัสต่างๆ อันจะนำไปสู่การเกิดความรู้สึกนึกคิด (feeling) หรือความตื่นตัวของผู้เรียน และเชื่อมโยงสู่เนื้อหาความรู้ที่เรียน

??? ๒.๒ ขั้นสอนเนื้อหา โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบ Active learning เพื่อให้เกิด

???????? ๒.๒.๑ กระตุ้นให้ผู้เรียนคิดวิเคราะห์ เกิดการเรียนรู้โดยวิธีการต่างๆ ได้แก่ ใช้ VARK learning style เป็นต้น

???????? ๒.๒.๒ เน้นการมีส่วนร่วมหรือใช้คำถามกระตุ้นแก่ผู้เรียน

???????? ๒.๒.๓ สร้างสถานการณ์ให้ผู้เรียนอ่าน พูด ฟังหรือเขียนอย่างลุ่มลึก เพื่อทำให้ผู้เรียนจัดระบบความรู้

ด้วยตนเอง

????????? ๒.๒.๔ เน้นทักษะการคิดขั้นสูงแก่ผู้เรียน โดยใช้เทคนิค ดังนี้

??????????????? – Reflective thinking (การสะท้อนคิด) หมายถึงการพิจารณาสิ่งต่างๆอย่างรอบคอบโดยใช้สติและมีสมาธิ ซึ่งเป็นวิธีการที่ทำให้บุคคลได้ทบทวนและสะท้อนการกระทำของตน (Reflective Practice) ช่วยให้เกิดความเข้าใจและเกิดการเรียนรู้จากประสบการณ์ นำไปสู่การพัฒนาปรับปรุงตนเอง ปรับปรุงงาน และการแก้ปัญหาต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

???????????? – Systemic thinking (การคิดอย่างเป็นระบบ) หมายถึง การคิดถึงสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่มองภาพรวมที่เป็นระบบ? และมีส่วนประกอบย่อยๆ? โดยอาศัยการคิดใด รูปแบบโดยตรง? และโดยทางอ้อม

???????????? – Critical thinking (การคิดอย่างมีวิจารณญาณ) หมายถึง การพิจารณา ประเมินและตัดสินสิ่งต่างๆหรือเรื่องราวที่เกิดขึ้น ที่มีข้อสงสัยหรือ ข้อโต้แย้ง โดย การพยายามแสวงหาคำตอบที่มีความสมเหตุสมผล โดยการคิดวิพากษ์นั้นจะเกิดขึ้น เมื่อมีการเผชิญสถานการณ์แปลกๆ ที่ไม่คาดหวัง การพบปัญหาที่ยากๆ เกิดความสงสัยหรือเกิดข้อโต้แย้ง ในเหตุผลหรือข้ออ้างนั้น การที่ต้องการตรวจสอบ และสืบค้นความจริง

???????? ๒.๒.๕ ผู้สอนเป็นผู้อำนวยความสะดวกในการจัดการเรียนรู้ โดยผู้สอนจะต้องลดบทบาทในการให้ความรู้แบบการบรรยายแก่ผู้เรียนลงอย่างเหมาะสม

๓. ขั้นสรุป

????????? ๓.๑ ผู้เรียนและผู้สอนร่วมกันสรุปแนวคิดหรือประเด็นที่ได้ตามวัตถุประสงค์การเรียนรู้

????????? ๓.๒ ผู้สอนประเมินผลการจัดการเรียนการสอนของรายวิชา อาจแบ่งออกเป็น ๒ แบบ คือ การประเมินผลย่อย (formative assessment) หรือประเมินผลรวมเพื่อตัดสินผล (summative assessment) แต่ต้องมีการประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียนภายในห้องเรียน เช่น การแสดงจากสีหน้า ท่าทางของผู้เรียน เพื่อจะเป็นประโยชน์ต่อผู้สอนให้รู้เท่าทันบรรยากาศการเรียนรู้ที่ลดถอยลงหรือตื่นตัวของผู้เรียนได้

????????????????????????????????????คณาจารย์ประจำภาควิชาพื้นฐานการพยาบาลและพัฒนาวิชาชีพ

?????????????????????????????????????????????????????????????????????????????????????????????????????????????????? ผู้ถอดบทเรียน

???????????????????????????????????????????????????????????????????????????????????????????????? ๑๒ พฤษภาคม?๒๕๕๗

แนวปฏิบัติที่ดีด้านการส่งเสริมสุขภาพ : การบูรณาการกับการเรียนการสอน

บทสรุป ความรู้ที่ได้รับจากการบริการวิชาการและแนวปฏิบัติที่ดีสำหรับการบูรณาการการจัดการเรียนการสอนกับการส่งเสริมสุขภาพ

?????????????? ความรู้ที่ได้รับจากโครงการการบูรณาการการเรียนการสอนวิชาปฏิบัติหลักการและเทคนิคทางการ พยาบาลกับการบริการวิชาการและการวิจัย เรื่อง สุขอนามัยดี ชื่นชีวีผู้สูงวัย วันที่ 13 ธันวาคม 2556 และ วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2557 ณ โรงเรียนวัดนาทะเล โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านคุ้มและวัดดอนไชย ?ตำบลชัยจุมพล ?อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ นักศึกษามีการบริการวิชาการ ๒ กลุ่ม กลุ่มที่ 1ให้บริการวิชาการวันที่ 13 ธันวาคม 2556 จำนวน 51 คน กลุ่มที่ 2ให้บริการวิชาการวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2557 โดยให้บริการวิชาการแก่วัยเด็กและวัยผู้สูงอายุ เรื่องที่ให้บริการวิชาการเป็นเรื่องการส่งเสริมสุขภาพสุขวิทยาส่วนบุคคล ได้แก่ การล้างมือ การแปรงฟันและการส่งเสริมสุขภาพของผู้สูงอายุ ความรู้ที่ได้รับจากการไปบริการวิชาการสำหรับอาจารย์ภาควิชาพื้นฐานการพยาบาล สรุปได้เป็น?3 ด้าน ดังนี้

  1. ด้านการจัดการเรียนการสอน
  2. ด้านการส่งเสริมสุขภาพ
  3. ด้านการจัดการเรียนการสอน

1. ด้านการจัดการเรียนการสอน

1.1 ด้านการจัดการเรียนการสอนของนักศึกษา ความรู้ที่ได้รับจากการไปบริการวิชาการ คือ

การได้ศึกษาเรียนรู้กระบวนการทำงานเป็นทีม และการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าของนักศึกษาในการนำความรู้รายวิชาปฏิบัติหลักการและเทคนิคการพยาบาลไปใช้ เช่น พัฒนาการของนักศึกษาในการนำข้อมูลการดูแลสุขวิทยาส่วนบุคคลจากที่เคยให้แก่ผู้รับบริการที่เจ็บป่วยวัยผู้ใหญ่และวัยผู้สูงอายุบนหอผู้ป่วย มาใช้บริการส่งเสริมสุขภาพแก่วัยเด็กและวัยผู้สูงอายุในชุมชน ?ซึ่งมีพฤติกรรมที่การเรียนรู้ที่แตกต่างจากวัยผู้ใหญ่และผู้สูงอายุที่อยู่บนหอผู้ป่วย ปกตินักศึกษาจะมีประสบการณ์ในการให้บริการสุขภาพหรือปฏิบัติการพยาบาลกับผู้ป่วยวัยผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ แต่การบริการวิชาการได้มีการเพิ่มกลุ่มเป้าหมายในการให้บริการวิชาการเป็นกลุ่มวัยเด็กและวัยผู้สูงอายุที่อยู่ในชุมชน ซึ่งอาจมีการเจ็บป่วยด้วยโรคประจำตัวแต่ไม่ได้เข้ารับการรักษาโดยการนอนโรงพยาบาล การเพิ่มพูนประสบการณ์นอกเหนือจากการฝึกบนหอผู้ป่วย ทำให้นักศึกษาต้องมีการปรับตัว มีการคิดริเริ่มสร้างสรรค์ที่จะทำให้นักศึกษามีวิธีการถ่ายถอดความรู้แก่เด็กวัยเรียนมากขึ้น ?การสังเกตพฤติกรรมของนักศึกษาสามารถทำให้อาจารย์ได้แนวคิดในการนำมาสอนนักเรียนภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติในปีการศึกษาต่อๆไป ซึ่งอาจารย์ในภาควิชาเห็นว่า การออกแบบโดยการบูรณาการบริการวิชาการกับการเรียนการสอนครั้งนี้บรรลุตามลักษณะการเรียนรู้และวัตถุประสงค์ของรายวิชา คือการดูแลภาวะสุขภาพของบุคคลทุกช่วงวัย?

๑.๒ ด้านการจัดการเรียนการสอนของอาจารย์? การออกแบบการเรียนการสอนโดยการบูร-

ณาการวิชาการ ทำให้ได้แนวคิดว่า ควรมีการส่งเสริมให้นักศึกษาได้นำความรู้ที่ได้เรียนมาทั้งหมด ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติมาประยุกต์ใช้ในสถานการณ์ที่แตกต่างจากที่นักศึกษาเคยได้รับ ?อาจทำให้นักศึกษาสามารถเกิดการเรียนรู้ที่ดียิ่งขึ้นได้? แนวคิดการจัดการเรียนการสอนโดยให้นักศึกษามีการสร้างสรรค์ประยุกต์ความรู้ สร้างสื่อการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมสุขภาพเด็กวัยเรียนจะทำให้นักศึกษามีการวางแผน ?การสร้างระบบการทำงานเป็นทีม (ดวงดาว เทพทองคำ, วิภาวรรณ นวลทอง, สุปราณี หมื่นยา, พิศิษฐ์ พวงนาคและนภดล เลือดนักรบ. (2556). การส่งเสริมสุขภาพเด็กวัยเรียนโดยนักศึกษาพยาบาลศาสตร์ ชั้นปีที่ 2 บนพื้นฐานการเรียนรู้แบบสร้างสรรค์ด้วยปัญญา. รายงานการวิจัยฉบับสมบูรณ์ภาควิชาพื้นฐานการพยาบาลและพัฒนาวิชาชีพ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี อุตรดิตถ์.) การวางเป้าหมายในสิ่งที่จะทำ ขั้นตอนการทำงาน การสรุปผลงาน การทดลองนำมาใช้ก่อนการไปให้บริการวิชาการจริง ?ซึ่งควรจะมีการทดสอบกระบวนการดังกล่าวเป็นการศึกษาวิจัยโดยมีกรอบแนวคิดทฤษฎีรองรับ การศึกษาดังกล่าวจะสามารถตรวจสอบได้ว่านักศึกษาเกิดการเรียนรู้ในกระบวนการคิดสร้างสรรค์ชิ้นงาน หรือรูปแบบการบริการวิชาการด้านส่งเสริมสุขภาพแก่กลุ่มคนแต่ละช่วงวัยต่อไป

ความรู้ที่ได้จากการบริการวิชาการนำมาลำดับขั้นตอนเพื่อการวางแผนในการสอนนักศึกษาต่อไป ดังนี้

๑) การออกแบบโดยการบูรณาการ การเรียนการสอนกับการบริการวิชาการ ควรมีการให้นักศึกษาสร้างชิ้นงาน นำนวัตกรรมมาใช้หรือออกแบบนวัตกรรมที่ส่งเสริมการเรียนรู้ในวัตถุประสงค์การเรียนรู้ที่ต้องการเพื่อให้เกิดการเรียนรู้และการพัฒนา

๒) วัตถุประสงค์การเรียนรู้รายวิชาหรือหัวข้อเรื่องในการบริการวิชาการที่มีการบูรณาการควรมีความ

สอดคล้องกับความต้องการของชุมชนหรือความต้องการของหน่วยงาน/องค์กร ที่จะไปบริการวิชาการ การดำเนินการจึงมีการสำรวจความต้องการหัวข้อเรื่องที่จะมีการบริการวิชาการกับครูโรงเรียนวัดนาทะเลและการบริการวิชาการสำหรับวัยผู้สูงอายุในเขตพื้นที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านคุ้ม ต.ชัยจุมพล อ.ลับแล

จ.อุตรดิตถ์ ด้วย

????????? ๓) ประเด็นการเรียนรู้ในการกำหนดให้นักศึกษา ควรมีการเปิดโอกาสให้นักศึกษาได้มีส่วนร่วมในการเลือกในหัวข้อที่ตนเองสนใจ โดยอาจารย์กำหนดแนวคิดไว้กว้างๆ เพราะความสนใจจะเป็นแรงจูงใจเบื้องต้นในการเรียนรู้

????????? ๔) เมื่อนักศึกษาเลือกประเด็นหรือหัวข้อเรื่องที่ตนเองมีความสนใจแล้ว แนะแนวทางให้นักศึกษาได้มีการทบทวนความรู้ในประสบการณ์การเรียนรู้ของตนเองที่ผ่านมา สร้างสรรค์สื่อการสอนหรือการบริการวิชาการออกมาเป็นชิ้นงานเพื่อให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายในการไปให้บริการวิชาการ

????????? ๕)? เป็นที่ปรึกษาให้นักศึกษา ให้ข้อมูลที่จำเป็นแก่นักศึกษาในการแสวงหา/ทางเลือก ด้วยกระตุ้นให้นักศึกษาคิด วิเคราะห์และนำมาไตร่ตรองอย่างเป็นระบบ ช่วยนักศึกษาประเมินผลงานของนักศึกษาที่ผ่านการสร้างสรรค์มาแล้ว ก่อนการนำไปใช้ ตอบคำถามนักศึกษา ให้ข้อมูลเพื่อคลี่คลายปัญหา เสริมสร้างความมั่นใจให้แก่นักศึกษาก่อนนำไปใช้ในสถานการณ์จริง (ตามสรุปแนวทางการจัดการเรียนการสอนฯแนบท้าย)

? 2. ด้านการส่งเสริมสุขภาพ ผลจากการบูรณาการการจัดการเรียนการสอนกับการบริการวิชาการด้านการสร้างเสริมสุขภาพที่ม.4และม.5 ตำบลชัยจุมพล อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ พบประเด็นความรู้ที่ได้จากการบริการวิชาการส่งเสริมสุขภาพช่วงวัยเด็กและวัยผู้สูงอายุ ดังนี้

?????????? 2.1 การบริการวิชาการวัยเด็ก มีแนวคิดในการส่งเสริมหลายๆด้าน? วัยเด็กเป็นวัยที่ต้องการ

การดูแลและการปรับตัวต่างๆ ซึ่งวัยเด็กก็สามารถแยกออกเป็นช่วงวัยต่างๆอีก ในการให้การส่งเสริมสุขภาพในช่วงวัยเด็กของโรงเรียนวัดนาทะเล ให้การส่งเสริมสุขภาพหัวข้อ คือ การล้างมือ การดูแลความสะอาดปากและฟัน จากทฤษฎีรายวิชาหลักการและเทคนิคทางการพยาบาล บทที่ 1 สุขวิทยาส่วนบุคคล และวิชาปฏิบัติรายวิชาปฏิบัติหลักการและเทคนิคทางการพยาบาล ให้การส่งเสริมทั้ง 2 เรื่อง การล้างมือ การดูแลความสะอาดปากและฟัน เนื่องจากเป็นการส่งเสริมสุขวิทยาเบื้องต้น หากขาดการดูแลจะส่งผลให้เกิดภาวการณ์เจ็บป่วยได้? การล้างมือ เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมให้วัยเด็กมีพฤติกรรมที่รักษาความสะอาด เข้าใจหลักในการล้างมือและสามารถปฏิบัติได้ถูกต้องซึ่งจะส่งผลให้ลดการเกิดเชื้อโรคและคาดว่าจะทำให้การเจ็บป่วยลดลง? การดูแลความสะอาดปากและฟัน เป็นการส่งเสริมการรักษาช่องปากเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค? ป้องกันฟันผุ? เนื่องจากฟันเป็นอวัยวะที่สำคัญในการช่วยเคี้ยวอาหารก่อนการกลืน และการสุขภาพของช่องปากดีก็ยังบ่งบอกถึงพฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพของบุคคลด้วย

??????????2.2?? การบริการวิชาการวัยผู้สูงอายุ เป็นวัยที่มีการเสื่อมของโครงสร้างร่างกายและสภาพ

จิตใจตามระยะเวลาในการใช้งานตลอดชีวิต ส่งผลให้ผู้สูงอายุมีการเกิดโรคต่างๆได้ง่ายขึ้น ทั้งโรคที่เกิดแบบเฉียบพลันและโรคเรื้อรังต่างๆ อนาคตต่อไปของประเทศไทยสังคมผู้สูงอายุจะมีขนาดขยายมากยิ่งขึ้น ดังนั้น การส่งเสริมสุขภาพของวัยผู้สูงอายุจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งเพื่อเป็นการป้องกันเบื้องต้นก่อน จากการศึกษาสถิติของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านคุ้ม ตำบลชัยจุมพล อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ พ.ศ. 2556 จำนวนผู้สูงอายุทั้งหมด? 250 คน ผู้สูงอายุเจ็บป่วยด้วยโรคเรื้อรัง ได้แก่ โรคความดันโลหิตสูง และเบาหวาน จำนวน 82 คน คิดเป็นร้อยละ 15.38 ซึ่งนับว่าเป็นสัดส่วนที่ค่อนข้างสูงที่ทีมสุขภาพต้องให้การดูแล การส่งเสริมสุขภาพในผู้สูงอายุที่ให้บริการวิชาการคือ (๑)การล้างมือ เป็นการส่งเสริมความสะอาดเบื้องต้นเพื่อป้องกันและการแพร่กระจายของเชื้อโรค? (๒)การดูแลความสะอาดปากและฟันเป็นการส่งเสริมสุขอนามัยในช่องปากทำให้วัยผู้สูงอายุมีสุขภาพปากและฟันที่สะอาดลดการติดเชื้อในช่องปากด้วย (๓)การส่งเสริมสุขภาพเรื่องโรคเรื้อรัง คือ โรคความดันโลหิตสูงและโรคเบาหวาน โดยการให้สุขศึกษาแก่วัยผู้สูงอายุ เปิดโอกาสให้ซักถามและแจกเอกสารความรู้เพิ่มเติมแก่วัยผู้สูงอายุ?

????????? ????????? การให้บริการวิชาการวัยเด็กและวัยผู้ใหญ่ เกิดจากการนำความรู้จากทฤษฎีและความรู้จากภาคปฏิบัติในการฝึก ๒ แผนก คือแผนกอายุรกรรมและแผนกศัลยกรรมมาผนวกความรู้และนำมาให้บริการวิชากรแก่วัยเด็กและวัยผู้ใหญ่ เพื่อให้นักศึกษาเกิดกระบวนการเรียนรู้จากการใช้ทฤษฎีและการปฏิบัติมารวมเป็นความรู้ที่จะส่งเสริมสุขภาพวัยเด็กและวัยผู้ใหญ่ ที่สามารถสื่อสารและเล็งเห็นความสำคัญให้วัยเด็กและวัยผู้ใหญ่นำไปปฏิบัติได้จริง

?????????????????? การบริการวิชาการด้านการส่งเสริมสุขภาพวัยเด็กและวัยผู้ใหญ่ ณ โรงเรียนวัดนาทะเลโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านคุ้มและวัดดอนไชย ?ตำบลชัยจุมพล ?อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ ทำให้วัยเด็กเกิดความรู้ความเข้าใจในการส่งเสริมสุขภาพ โดยการล้างมือ การทำความสะอาดปากและฟัน สามารถบอกถึงผลดีและผลกระทบหรือผลเสียที่อาจเกิดขึ้นได้หากไม่ปฏิบัติตาม วัยผู้สูงอายุสามารถบอกหลักการปฏิบัติการล้างมือ การทำความสะอาดปากและฟันได้ ทราบการส่งเสริมสุขภาพเพื่อลดหรือป้องกันการเกิดโรคเรื้อรัง เช่น โรคความดันโลหิตสูงและโรคเบาหวานได้ เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านคุ้มและรงเรียนวัดนาทะเล ทราบเกี่ยวกับข้อมูลสุขภาพของวัยเด็กและวัยผู้สูงอายุ สามารถนำข้อมมูลไปจักกิจกรรมที่ส่งเสริมสุขภาพได้ต่อไป อาจารย์และนักศึกษาได้ความรู้จากการบริการวิชาการ โดยแนวคิดความรู้ที่ได้รับของนักศึกษาจะปรากฏในแบบบันทึกสิ่งที่นักศึกษาได้รับ ซึ่งกระบวนการการจัดการเรียนการสอนโดยการบูรการกับบริการวิชาการนี้ คณาจารย์ในภาควิชาเห็นว่าควรนำไปเป็นข้อมูลในการวิจัยต่อไป

แนวปฏิบัติที่ดีในการบูรณาการการจัดการเรียนการสอนกับการส่งเสริมสุขภาพ

  1. มีการวางแผนการปฏิบัติงานที่ชัดเจน ครอบคลุมตามวัตถุประสงค์ของการดำเนินการและมีการ

เตรียมการล่วงหน้าที่ทันเวลา

1.1?? การประชุมเพื่อสรุปแนวคิด (concept) ในการบูรณาการระหว่างอาจารย์ผู้สอน

1.2?? การกำหนดเป็นแผนปฏิบัติราชการของภาควิชาฯ และของวิทยาลัยฯ

1.3?? การประชุมวางแผนการดำเนินโครงการตามแผนที่กำหนด เพื่อ ออกแบบการบูรณาการส่งเสริมสุขภาพให้เหมาะสมกับกลุ่มคน ช่วงวัย ตลอดจนการวางแผนคิดค้น สร้างนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเรียนรู้เพื่อให้นักศึกษาเกิดความสร้างสรรค์ทางปัญญา โดยอาจารย์นำผลการวิจัยที่เกี่ยวข้องมาใช้ในการจัดการเรียนการสอน ประเมินผลการเรียนการสอนโดยการทำวิจัยครั้งต่อไปเกิดเป็นวงจรเพื่อพัฒนาการเรียนรู้

  1. การดำเนินการตามแผนที่กำหนด โดยความร่วมมือกับหน่วยงาน องค์กรที่เกี่ยวข้องภายนอก

2.1 ประสานงานเพื่อความเข้าใจในการบูรณาการด้านการส่งเสริมสุขภาพในชุมชน ระหว่างหน่วยงาน หรือ องค์กรที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ วัด โรงเรียน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ผู้นำชุมชน อาสาสมัครชุมชน

  1. มีการประเมินผลการดำเนินงานและวางแผนในการดำเนินการครั้งต่อไปเพื่อให้เป็นวงจรคุณภาพและ

เพื่อความยั่งยืนด้านการส่งเสริมสุขภาพ จากการบูรณาการครั้งนี้ ได้ยกตัวอย่างการประเมินผลการดำเนินการดังนี้

ผลกระทบเมื้อสิ้นสุดการดำเนินงาน

๑.????? กลุ่มเป้าหมาย (เด็กวัยเรียนและครู)

-????????? พึงพอใจในการจัดกิจกรรมบริการวิชาการเกี่ยวกับการดูแลและส่งเสริมสุขภาพเด็กวัยเรียนโดยกิจกรรมมีการดำเนินการแบบต่อเนื่องเป็นเวลา ๓ ปี

-????????? นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจในการดูแลสุขวิทยาส่วนบุคคลของตนเองมากยิ่งขึ้น

-????????? ครูมีความเข้าใจในการส่งเสริมสุขภาพและการดูแลสุขวิทยาที่เหมาะสมสำหรับเด็กวัยเรียน

-????????? รู้สึกมีคุณค่าในตนเองที่ได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาและการส่งเสริมสุขภาพเด็กวัยเรียนให้ดีขึ้น

-????????? ครูได้รับแนวทางความรู้ในการส่งเสริมสุขภาพเด็กวัยเรียน

-????????? การจัดกิจกรรมของวิทยาลัยฯส่งผลให้โรงเรียนเทศบาลหัวดงได้รับรางวัลเด็กสุขภาพฟันดีระดับอำเภอจากการประกวดสุขภาพดี สร้างความภาคภูมิใจให้กับบุคลากรภายในโรงเรียน

๒.????? กลุ่มนักศึกษาพยาบาลศาสตร์

-????????? พึงพอใจในกิจกรรมบริการวิชาการและเกิดทักษะในกระบวนการดูแลสุขวิทยาส่วนบุคคลในการส่งเสริมสุขภาพเด็กวัยเรียน

-????????? มีความมั่นใจในการดูแลและส่งเสริมสุขวิทยาส่วนบุคคลให้แก่ผู้อื่นมากยิ่งขึ้น จากการได้รับประสบการณ์จริง

-????????? มีทัศนคติที่ดีต่อการทำงานในการให้บริการแก่ชุมชนและสามารถร่วมงานกับเครือข่ายภายนอกได้อย่างมีประสิทธิภาพ

-????????? ได้รับประสบการณ์จริงในการให้บริการวิชาการทำให้นักศึกษาพยาบาลศาสตร์ชั้นปีที่ ๒ มีการพัฒนาทางด้านความคิด การทำงานเป็นทีมและการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้

?3.????? กลุ่มอาจารย์

? -??พึงพอใจในการจัดกิจกรรมบริการวิชาการที่ได้จัดและเกิดทักษะในกระบวนการดูแลสุขวิทยาส่วนบุคคลในการส่งเสริมสุขภาพเด็กวัยเรียนที่เกิดจากการเรียนรู้กับนักศึกษา

? -??มีเครือข่ายในการดูแลและส่งเสริมสุขวิทยาส่วนบุคคลมากยิ่งขึ้น

??-??เกิดการพัฒนาทักษะและความเชี่ยวชาญการทำงานจากประสบการณ์ที่ได้รับจริงของการบริการวิชาการร่วมกับภาคีเครือข่ายมากยิ่งขึ้น

?-? ได้ประเด็นความรู้ในการบริการวิชาการการส่งเสริมสุขภาพเด็กวัยเรียนมาพัฒนาการจัดการเรียนการสอนในชั้นเรียนให้กับนักศึกษาและยังเป็นแนวทางการพัฒนาการจัดการบริการวิชาการในครั้งต่อไป

แนวทางการนำไปใช้จากการบูรณาการ

? ๑.??การให้บริการวิชาการสามารถทำได้กับบุคคลทุกช่วงวัย ทุกเวลาและทุกสถานที่

? ๒.??การส่งเสริมสุขภาพเด็กวัยเรียนควรมีการจัดกิจกรรมที่ดึงความสนใจเด็กวัยนี้เนื่องจากเด็กวัยนี้มีความสนใจใฝ่รู้มาก

? ๓.?ควรนำผลการจัดกิจกรรมไปเผยแพร่ที่อื่นเพื่อให้เกิดการเรียนรู้ที่ส่งเสริมให้ปฏิบัติเช่นกัน

? ๔.?นำประสบการณ์ที่ได้รับไปเผยแพร่เพื่อให้ผู้อื่นรับทราบและปฏิบัติตามจนเกิดเป็นความเคยชิน

? ๕.?ปฏิบัติทุกครั้งตามความเหมาะสมเพื่อให้มีประสิทธิภาพและประโยชน์สูงสุดต่อไป

??????????????????????????????????????????????????????????????????????????? ?ภาควิชาพื้นฐานการพยาบาล

???????????????????????????????????????????????????????????????????????? วันที่??12 พฤษภาคม 2557

18/03/2014

แนวปฏิบัติการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ

Categories: การจัดการความรู้ วพบ.อต.
Author: 193097
Time: 6:37 am
Reactions :No comments

วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี อุตรดิตถ์

แนวปฏิบัติการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ประกอบด้วยขั้นตอน ดังนี้

๑.???? ขั้นเตรียม

๑.๑ วางแผนร่วมกันในการจัดการเรียนการสอน เช่น การจัดทำ มคอ. เป็นต้น

๑.๒ เตรียมสถานที่ สื่อการเรียนการสอน โสต เอกสารการเรียนการสอน แหล่งเรียนรู้

๑.๓ วางแผนการวัดและประเมินผล

๑.๔ ออกแบบการเรียนการสอนแบบ Active Learning ได้แก่

๑.๔.๑ การเรียนรู้แบบแลกเปลี่ยนความคิด (Think-Pair-Share) คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนคิดเกี่ยวกับประเด็นที่กำหนดคนเดียว ๒-๓ นาที (Think) จากนั้นให้แลกเปลี่ยนความคิดกับเพื่อนอีกคน ๓-๕ นาที (Pair) และนำเสนอความคิดเห็นต่อผู้เรียนทั้งหมด (Share)

๑.๔.๒ การเรียนรู้แบบร่วมมือ (Collaborative learning group) คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนได้ทำงานร่วมกับผู้อื่น โดยจัดกลุ่มๆ ละ ๓-๖ คน

๑.๔.๓ การเรียนรู้แบบทบทวนโดยผู้เรียน (Student-led review sessions) คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ทบทวนความรู้และพิจารณาข้อสงสัยต่าง ๆ ในการปฏิบัติกิจกรรมการเรียนรู้ โดยครูจะคอยช่วยเหลือกรณีที่มีปัญหา

๑.๔.๔ การเรียนรู้แบบใช้เกม (Games) คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ผู้สอนนำเกมเข้าบูรณาการในการเรียนการสอน ซึ่งใช้ได้ทั้งในขั้นการนำเข้าสู่บทเรียน, การสอน, การมอบหมายงาน, และหรือขั้นการประเมินผล

๑.๔.๕ การเรียนรู้แบบวิเคราะห์วีดีโอ (Analysis or reactions to videos) คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนได้ดูวีดีโอ ๕-๒๐ นาที แล้วให้ผู้เรียนแสดงความคิดเห็น หรือสะท้อนความคิดเกี่ยวกับสิ่งที่ได้ดู อาจโดยวิธีการพูดโต้ตอบกัน การเขียน หรือ การร่วมกันสรุปเป็นรายกลุ่ม

๑.๔.๖ การเรียนรู้แบบโต้วาที (Student debates) คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่จัดให้ผู้เรียนได้นำเสนอข้อมูลที่ได้จากประสบการณ์และการเรียนรู้ เพื่อยืนยันแนวคิดของตนเองหรือกลุ่ม

๑.๔.๗ การเรียนรู้แบบผู้เรียนสร้างแบบทดสอบ (Student generated exam questions) คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนสร้างแบบทดสอบจากสิ่งที่ได้เรียนรู้มาแล้ว

๑.๔.๘ การเรียนรู้แบบกระบวนการวิจัย (Mini-research proposals or project) คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่อิงกระบวนการวิจัย โดยให้ผู้เรียนกำหนดหัวข้อที่ต้องการเรียนรู้, วางแผนการเรียน, เรียนรู้ตามแผน, สรุปความรู้หรือสร้างผลงาน, และสะท้อนความคิดในสิ่งที่ได้เรียนรู้ หรืออาจเรียกว่าการสอนแบบโครงงาน(project-based learning) หรือ การสอนแบบใช้ปัญหาเป็นฐาน(problem-based learning)

๑.๔.๙ การเรียนรู้แบบกรณีศึกษา (Analyze case studies) คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนได้อ่านกรณีตัวอย่างที่ต้องการศึกษา จากนั้นให้ผู้เรียนวิเคราะห์และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นหรือแนวทางแก้ปัญหาภายในกลุ่ม แล้วนำเสนอความคิดเห็นต่อผู้เรียนทั้งหมด

๑.๔.๑๐ การเรียนรู้แบบการเขียนบันทึก (Keeping journals or logs) คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ผู้เรียนจดบันทึกเรื่องราวต่างๆ ที่ได้พบเห็น หรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน รวมทั้งเสนอความคิดเพิ่มเติมเกี่ยวกับบันทึกที่เขียน

๑.๔.๑๑ การเรียนรู้แบบการเขียนจดหมายข่าว (Write and produce a newsletter) คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนร่วมกันผลิตจดหมายข่าว อันประกอบด้วย บทความ ข้อมูลสารสนเทศ ข่าวสาร และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แล้วแจกจ่ายไปยังบุคคลอื่นๆ

๑.๔.๑๒ การเรียนรู้แบบแผนผังความคิด (Concept mapping) คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนออกแบบแผนผังความคิด เพื่อนำเสนอความคิดรวบยอด และความเชื่อมโยงกันของกรอบความคิด โดยการใช้เส้นเป็นตัวเชื่อมโยง อาจจัดทำเป็นรายบุคคลหรืองานกลุ่ม แล้วนำเสนอผลงานต่อผู้เรียนอื่นๆ

๑.๔.๑๓ การใช้เทคนิคจิ๊กซอว์ (Jigsaw) เป็นวิธีการจัดการเรียนรู้ โดยผู้สอนแบ่งนักศึกษาออกเป็นกลุ่มๆ ตามความเหมาะสม (จำนวนกลุ่มและจำนวนสมาชิกของแต่ละกลุ่ม ขึ้นอยู่กับเนื้อหาที่ครูต้องการสอน) สมาชิกแต่ละคนในกลุ่ม เรียกว่า Home Group จะแยกกันไปศึกษาหัวข้อที่ผู้สอนจะมอบหมายให้ร่วมกับสมาชิกของกลุ่มอื่นๆ เรียกว่า Expert Group จากนั้นสมาชิกทุกคนของกลุ่ม จะกลับไปกลุ่มของตน (Home Group) และเล่าความรู้ที่ตนเองได้ศึกษาให้เพื่อนในกลุ่มฟัง จากนั้นผู้สอนอาจจะให้ตัวแทนของกลุ่มสรุปเนื้อหาของสมาชิกทุกคนเข้าด้วยกัน

๑.๔.๑๔ การแสดงบทบาทสมมุติ (Role Playing) เป็นวิธีการหนึ่งที่มีเป้าประสงค์ให้ผู้เรียนรู้ชัดว่า บุคคลที่อยู่ในสถานการณ์หนึ่งๆ นั้นเป็นอย่างไร รู้สึกอย่างไร โดยผู้เรียน สวมบทบาทเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องที่อยู่ในสถานการณ์นั้น และสิ่งสำคัญที่จะก่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจ เจตคติ คือ การอภิปรายหลังการแสดง และการให้ความอิสระแก่นักศึกษาในการสร้างสรรค์และกำกับการแสดงบทบาทสมมุตินั้นๆ

๑.๔.๑๕ การเรียนรู?เป็นทีม (Team-based learning [TBL]) เป็นรูปแบบการสอนที่เน้นการร่วมมือกันในการเรียนรู้อย่างสร้างสรรค์ การทำงานด้วยกันเป็นทีมเล็กตามความแตกต่างระหว่างบุคคล โดยมีการกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน สมาชิกภายในทีมมีหน้าที่รับผิดชอบและมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีในการทำงาน

๑.๔.๑๖ Didactic Method: วิธีการจัดการเรียนการสอนประเภทหนึ่งที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ผู้สอนเป็นผู้ที่มีความกระฉับกระเฉงในการสอน (Active teacher) และออกแบบการเรียนการสอนที่สร้างบรรยากาศที่สนุกสนาน ทำให้ผู้เรียนเป็นผู้ที่มีความกระปรี้กระเปร่า (active learner) เกิดความคิดอย่างมีวิจารณญาณ (critical thinking) และเรียนรู้ตลอดชีวิต (Life long learning)

VARK Learning style: เป็น sensory Model ประกอบด้วย V: Visual เป็นวิธีการเรียนรู้วิธีหนึ่งที่ผู้เรียนจะเรียนได้ดีด้วยการเห็นข้อมูล การสังเกตผู้อื่นปฏิบัติ และ/หรือ การเห็นภาพ กราฟ ที่ช่วยให้เกิดการเรียนรู้ A: Aural or Auditory เป็นวิธีการเรียนรู้วิธีหนึ่งที่ผู้เรียนจะเรียนได้ดีด้วยการฟังเช่น ฟังจากเทป จากเรื่องเล่าของผู้อื่น จากการพูดคุย การฟังกลุ่มอภิปราย R: Read or Write เป็นวิธีการเรียนรู้วิธีหนึ่งที่ผู้เรียนจะเรียนได้ดีด้วยการอ่านหรือเขียน โดยการอ่านจากหนังสือ ตำรา อินเทอร์เน็ตในรูปอักษร การเขียนรายงาน การทำแบบฝึกหัดต่าง ๆ K: Kinesthetic เป็นวิธีการเรียนรู้วิธีหนึ่งที่ผู้เรียนจะเรียนได้ดีด้วยการลงมือปฏิบัติ ชอบฝึกหัด สนุกที่จะลงมือทำ อาจเป็นในรูปสถานการณ์จำลองเสมือนจริง หรือสถานการณ์จริง รูปแบบการเรียนรู้ของผู้เรียนแต่ละคนแตกต่างกันไป บางคนชอบดู บางคนชอบฟัง บางคนชอบอ่านหรือเขียน หรือบางคนชอบเรียนรู้จากการลงมือปฏิบัติ

๒. ขั้นดำเนินการสอน

๒.๑ ขั้นนำ

????????? ๒.๑.๑ ทบทวนความรู้เดิมของผู้เรียน

????????? ๒.๑.๒ เชื่อมโยงประสบการณ์เดิม

????????? ๒.๑.๓ การใช้สื่อและวีดีทัศน์

????????? ๒.๑.๔ เร่งเร้าประสาทความรู้สึกต่างๆ อันจะนำไปสู่การเกิดความรู้สึกนึกคิด (feeling) หรือความตื่นตัวของผู้เรียน และเชื่อมโยงสู่เนื้อหาความรู้ เช่น ข้อคำถามสะท้อนคิด รูปภาพ สถานการณ์ที่เกิดจริง เสียง วีดีทัศน์ เกม เป็นต้น

๒.๒ ขั้นสอน

????????? ๒.๒.๑ กระตุ้นให้ผู้เรียนคิดวิเคราะห์ เกิดการเรียนรู้โดยวิธีการต่างๆ ได้แก่ ใช้ VARK style เป็นต้น

????????? ๒.๒.๒ เน้นการมีส่วนร่วมหรือใช้คำถามกระตุ้น

????????? ๒.๒.๓ สร้างสถานการณ์ให้ผู้เรียนอ่าน พูด คิด ฟังหรือเขียนอย่างลุ่มลึกทำให้ผู้เรียนจัดระบบความรู้ด้วยตนเอง

????????? ๒.๒.๔ เน้นทักษะการคิดขั้นสูง

????????? ๒.๒.๕ ผู้สอนเป็นผู้อำนวยความสะดวกในการจัดการเรียนรู้

๒.๓ ขั้นสรุป

????????? ๒.๓.๑ ผู้เรียนและผู้สอนร่วมกันสรุปแนวคิดหรือประเด็นที่ได้ตามวัตถุประสงค์การเรียนรู้

๒.???? วัดและประเมินผล

๓.๑ ประเมินผลตามสภาพจริง

๓.๒ ประเมินโดยมีเกณฑ์ประเมินล่วงหน้า

????????????????????????????????????????????????????????? กลุ่มงานวิจัย บริการวิชาการและวิเทศสัมพันธ์

12/03/2014

แนวทางการปฏิบัติการจัดการเรียนการสอนแบบ Active learning

Categories: การจัดการความรู้ วพบ.อต.
Author: paitoon
Time: 3:44 pm
Reactions :35 comments

สรุปแนวทางการปฏิบัติการจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning ฉบับปรับปรุง ๑๑ มีนาคม ๒๕๕๗

สรุปแนวทางการปฏิบัติ

เรื่อง ?การจัดการเรียนการสอนแบบ Active learning?

(ปรับปรุง ครั้งที่ ๑ จากการประชุม KM ภาควิชา วันที่ ๑๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๗)

ภาควิชา การพยาบาลเด็ก ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี อุตรดิตถ์

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

การจัดการเรียนการสอนแบบ Active learning คือ กระบวนการหรือรูปแบบการจัดการเรียนการสอนที่กระตุ้นให้ผู้เรียนได้มีปฏิบัติกิจกรรมหรือกระทำใดๆ ด้วยตนเอง อย่างกระตือรือร้นและใฝ่รู้ เช่น ได้คิด ได้ทำ ได้ค้นคว้า ได้แก้ปัญหา ได้สร้างสรรค์อย่างอิสระ ฯลฯ โดยผู้สอนลดบทบาทในการให้ข้อความรู้แบบการบรรยายแก่ผู้เรียนลง

ขั้นตอนการดำเนินการ

๑. ขั้นเตรียมการ เป็นขั้นตอนการวางแผนการจัดการเรียนการสอนอย่างมีเป้าหมายเพื่อให้ผู้เรียนบรรลุซึ่งผลลัพธ์การเรียนรู้ (Learning outcome) ของรายวิชา ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้สอน โดยประเด็นสำคัญที่ต้องพิจารณา มีดังนี้

๑.๑ ทำความเข้าใจผลลัพธ์การเรียนรู้ที่ต้องการหลังเสร็จสิ้นการสอน

๑.๒ เลือกรูปแบบหรือเทคนิควิธีการเรียนการสอนที่เหมาะสมกับเนื้อหา/สาระความรู้ และกระตุ้นให้ผู้เรียนมีกระตือรือร้นหรือใฝ่รู้ใฝ่เรียนอยู่ตลอดเวลา

๑.๓ เตรียมสื่อและอุปกรณ์ที่ส่งเสริมหรือสนับสนุนการเรียนรู้อย่างมีเป้าหมาย เป็นระบบ เช่น ใบงาน สถานการณ์การเรียนรู้ ข้อคำถาม รูปภาพ เสียง วีดีทัศน์ เป็นต้น โดยจุดเน้นที่สำคัญของสื่อนั้นๆ ควรเร่งเร้าการรับรู้ทางประสาทสัมผัสต่างๆ ของผู้เรียน

๑.๔ วางแผน จัดลำดับ และแบ่งช่วงกิจกรรมการเรียนรู้อย่างมีเป้าหมาย เป็นระบบ ซึ่งหมายความรวมถึงรูปแบบการเรียนการสอนบางกรณีมีความจำเป็นต้องมอบหมายงานหรือความรับผิดชอบแก่ผู้เรียนก่อนที่จะมีการเรียนการสอนตามเวลาที่กำหนด ก็จำเป็นต้องหาเวลาพบผู้เรียนเพื่อกระทำการดังกล่าว พร้อมการชี้แจงและทำความเข้าใจกับผู้เรียนอย่างกระจ่างชัด

๑.๕ กรณีมีการแบ่งกลุ่มผู้เรียนออกเป็นกลุ่มย่อย ควรพิจารณาอย่างเหมาะสม มีเป้าหมาย มีความลงตัว เช่น จำนวนกี่กลุ่ม แต่ละกลุ่มต้องมีจำนวนผู้เรียนเท่าๆ กันหรือไม่ จำเป็นต้องการกระจ่ายเด็กเก่งเด็กอ่อนหรือไม่ เป็นต้น

๒. ขั้นสอน เป็นขั้นตอนการจัดการเรียนการสอน ประกอบด้วยขั้นตอนย่อย ๓ ขั้นตอน ดังนี้

๒.๑ ขั้นนำสู่บทเรียน ควรเริ่มต้นด้วยเทคนิคหรือวิธีการที่กระตุ้นหรือเร่งเร้าการรับรู้ทางประสาทสัมผัสต่างๆ อันจะนำไปสู่การเกิดความรู้สึกนึกคิด (feeling) หรือความตื่นตัวของผู้เรียน และเชื่อมโยงสู่เนื้อหาความรู้ เช่น ข้อคำถามสะท้อนคิด รูปภาพ สถานการณ์ที่เกิดจริง เสียง วีดีทัศน์ เกม เป็นต้น

๒.๒ ขั้นสอนและประเมินผลแบบ Active learning ประเด็นที่สำคัญ คือ ผู้สอนจะต้องลดบทบาทในการให้ข้อความรู้แบบการบรรยายแก่ผู้เรียนลงอย่างเหมาะสม องค์ประกอบที่ควรพิจารณา มีดังนี้

๒.๒.๑ รูปแบบการเรียนการสอนแบบ Active Learning มีดังนี้

๑) การใช้กรณีศึกษา (Case Study) เป็นวิธีการหนึ่งที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนรู้จักวิเคราะห์สถานการณ์แวดล้อมของกรณีศึกษาที่กำหนดขึ้น ซึ่งการใช้กรณีศึกษานี้ จะเปิดโอกาสให้ผู้เรียนร่วมพิจารณา อภิปราย แสดงความรู้สึก เพื่อสรุปปัญหา แนวคิด และแนวทางแก้ปัญหา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้เรียนเกิดความเข้าใจเนื้อหา และสภาพความเป็นจริงที่ลึกซึ้ง พัฒนาความคิดทักษะการแก้ปัญหา การประยุกต์ใช้หรือเชื่อมโยงความรู้เดิมสู่สถานการณ์

๒) การใช้เทคนิคจิ๊กซอว์ (Jigsaw) เป็นวิธีการจัดการเรียนรู้ โดยผู้สอนแบ่งนักศึกษาออกเป็นกลุ่มๆ ตามความเหมาะสม (จำนวนกลุ่มและจำนวนสมาชิกของแต่ละกลุ่ม ขึ้นอยู่กับเนื้อหาที่ครูต้องการสอน) สมาชิกแต่ละคนในกลุ่ม เรียกว่า Home Group จะแยกกันไปศึกษาหัวข้อที่ผู้สอนจะมอบหมายให้ร่วมกับสมาชิกของกลุ่มอื่นๆ เรียกว่า Expert Group จากนั้นสมาชิกทุกคนของกลุ่ม จะกลับไปกลุ่มของตน (Home Group) และเล่าความรู้ที่ตนเองได้ศึกษาให้เพื่อนในกลุ่มฟัง จากนั้นผู้สอนอาจจะให้ตัวแทนของกลุ่มสรุปเนื้อหาของสมาชิกทุกคนเข้าด้วยกัน

๓) การแสดงบทบาทสมมุติ (Role Playing) เป็นวิธีการหนึ่งที่มีเป้าประสงค์ให้ผู้เรียนรู้ชัดว่า บุคคลที่อยู่ในสถานการณ์หนึ่งๆ นั้นเป็นอย่างไร รู้สึกอย่างไร โดยผู้เรียน สวมบทบาทเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องที่อยู่ในสถานการณ์นั้น และสิ่งสำคัญที่จะก่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจ เจตคติ คือ การอภิปรายหลังการแสดง และการให้ความอิสระแก่นักศึกษาในการสร้างสรรค์และกำกับการแสดงบทบาทสมมุตินั้นๆ

๔) การเรียนรู?เป็นทีม (Team-based learning [TBL]) เป็นรูปแบบการสอนที่เน้นการร่วมมือกันในการเรียนรู้อย่างสร้างสรรค์ การทำงานด้วยกันเป็นทีมเล็กตามความแตกต่างระหว่างบุคคล โดยมีการกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน สมาชิกภายในทีมมีหน้าที่รับผิดชอบและมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีในการทำงาน โดยกระบวนการเรียนรู้แบบทีม แบ่งเป็น ๓ ระยะ ?คือ

ระยะที่ ๑ ก่อนเข้าชั้นเรียน เป็นการมอบหมายงานให้ผู้เรียนอ่านหนังสือก่อนเข้าห้องเรียนประมาณ ๑ สัปดาห์ ตามที่อาจารย์ผู้สอนกำหนดหัวข้อและ scope เนื้อหาที่ชัดเจน

ระยะที่ ๒ ในชั้นเรียน เป็นการประยุกต์เนื้อหาที่อ่านมาในห้องเรียน โดยแบ่งเป็น ๓ ช่วง ช่วงแรก คือ การทำแบบทดสอบรายบุคคล ช่วงที่ ๒ เมื่อผู้เรียนทำ Test เสร็จแล้วให้เข้ากลุ่ม โดยผู้สอนจะแจกข้อสอบชุดเดิม และให้ผู้เรียนในกลุ่มช่วยกันหาคำตอบและตอบคำถามที่เป็นความคิดเห็นรวมของทีม โดยที่ผู้เรียนสามารถทราบคำตอบแบบทันที

ระยะที่ ๓ หลังจากได้ทำแบบฝึกหัดแบบกลุ่มแล้ว ผู้เรียนจะได้ฝึกวิเคราะห์สถานการณ์ Case ผู้ป่วย โดยให้ผู้เรียนร่วมกันทำกิจกรรมเป็นกลุ่ม โดยเน้นให้ใช้ความรู้จากการอภิปรายและหนังสือเพื่อแก้ปัญหา หลังจากนั้นกลุ่มจะอภิปรายคำตอบและเหตุผล โดยผู้สอนจะทำกระบวนการกลุ่มการอภิปรายร่วมกันในห้องเรียน หลังสิ้นสุดการเรียนการสอนแบบ TBL ผู้เรียนสามารถเข้าถึงเนื้อหาในหัวข้อที่กำหนด สามารถใช้แนวคิดของการเรียนในการแก้ปัญหาและการคิด และพัฒนาทักษะการมีปฏิสัมพันธ์กลุ่มและทักษะระหว่างบุคคล

๕) การเรียนรู้แบบร่วมมือร่วมใจ (Cooperative Learning) เป็นการจัดกิจกรรมให้ผู้เรียนทำงานกันเป็นกลุ่มๆ ละ ๔-๖ คน คละความสามารถ และเพศ สมาชิกแต่ละคนรับผิดชอบในการเรียนรู้จากเอกสารหรืองานที่ผู้สอนมอบหมาย และช่วยเหลือสมาชิกอื่นๆ ให้เรียนรู้ไปด้วยกัน ทุกคนมีความรับผิดชอบงานของตนเองและงานส่วนรวมร่วมกัน วิธีการแบบนี้สามารถนำไปใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ได้ทุกบทเรียน ทุกวัตถุประสงค์ใช้ในการสอนตั้งแต่ทักษะพื้นฐานจนถึงการแก้ปัญหาที่ซับซ้อนและบูรณาการกับเทคนิควิธีการสอนแบบต่างๆ ที่เหมาะสม

๖) การเรียนรู้แบบการวิเคราะห์กรณีศึกษา (Case study analysis) เป็นการจัดการเรียนการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนได้ศึกษารายงานกรณีศึกษา โดยการอ่านและวิเคราะห์กรณีศึกษาให้ละเอียด ขีดเส้นใต้ข้อความที่เห็นว่ามีความสำคัญ จากนั้นให้ผู้เรียนนำมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น??????????????????? เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาภายในกลุ่ม สรุปผลการวิเคราะห์ และนำเสนอต่อกลุ่มใหญ่

๗) การเรียนรู้การเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem-based learning: PBL) เป็นการเรียนการสอนที่เน้นให้ผู้เรียนได้เกิดการเรียนรู้ด้วยตนเอง โดยใช้ปัญหาเป็นเครื่องกระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดความต้องการที่จะศึกษาค้นคว้าหาความรู้ โดยใช้กระบวนการแก้ปัญหาได้ด้วยตนเอง เพื่อให้ผู้เรียนมีการตัดสินใจที่ดี มีความคิดอย่างมีวิจารณญาณ สามารถเรียนรู้การทำงานเป็นทีม ใฝ่รู้ และมีการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต โดยประเด็นหนึ่งที่สำคัญจะทำให้ผู้เรียนเกิดความสนใจในการเรียนรู้แบบ PBL คือ Scenario หรือ Trigger ซึ่งควรมีการพัฒนาและตรวจอย่างมีประสิทธิภาพก่อนนำไปใช้จริง

๒.๒.๒ เทคนิคหรือวิธีการกระตุ้นผู้เรียนให้มีความกระตือรือร้น ใฝ่รู้ ใฝ่เรียนอย่างต่อเนื่อง มีดังนี้

๑) การใช้เกม (Games) เป็นกิจกรรมที่ช่วยให้ผู้เรียนสนุก ตื่นเต้น มีส่วนร่วมและกระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะแก้ปัญหา สื่อสาร การฟัง ความร่วมมือซึ่งกันและกัน ผู้สอนสามารถใช้เกมในการเสริมแรง ทบทวน สอนข้อเท็จจริง ทักษะ และมโนทัศน์ ส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ด้วยตนเอง ทำให้ผู้เรียนสนใจบทเรียน อีกทั้งยังใช้เป็นการประเมินผลการเรียนรู้อย่างไม่เป็นทางการได้ด้วย ตัวอย่างเกม เช่น การจับคู่ การทายคำ ปริศนาอักษรไขว้ ใบ้คำ เป็นต้น

๒) การอภิปรายกลุ่ม (Group Discussion) เป็นกลวิธีที่จัดให้มีขึ้น ด้วยเจตนาร่วมกันที่จะพิจารณาเรื่องใดเรื่องหนึ่ง โดยนำข้อปัญหา และแง่คิดต่างๆ เกี่ยวกับเรื่องนั้นมากล่าวให้ช่วยกันแสดงความคิดเห็น หรือช่วยขบคิดเกี่ยวกับข้อปัญหานั้น เพื่อหาข้อสรุป ทุกคนมีส่วนร่วมในการพูด ออกความเห็นอย่างเท่าเทียมกัน

๓) การตั้งคำถามหรือใช้คำถามกระตุ้น

(๑) การใช้ ๕ คำถามของนักปราชญ์ ได้แก่ ๑) หมายความว่าอย่างไร ๒) อะไร ๓) ทำไม ๔) อย่างไร และ ๕) สรุปหรืออธิบายเป็นอย่างอื่นได้หรือไม่ เพื่อกระตุ้นและสร้างให้ผู้เรียนรู้จักคิด และช่างสงสัย คิดหาคำตอบ และอธิบาย

(๒) การใช้คำถามตามวิธีการของโสเครติส (Socratic Method) เป็นการสนทนาที่มีการใช้คำถามนำเป็นชุดแบบต่อเนื่องเป็นเครื่องสำคัญเพื่อเข้าถึงความรู้หรือความจริงที่มีอยู่ ซึ่งคำถามที่ใช้ต้องเป็นสิ่งที่ผู้เรียนมีประสบการณ์มาแล้ว

๔) การสร้างแผนผังความคิด หรือผังมโนทัศน์ (Concept mapping) เป็นการกิจกรรมที่ให้ผู้เรียนสร้างแผนผังความคิดหรือผังมโนทัศน์ขึ้น เพื่อนำเสนอหรือสื่อความหมาย ความเข้าใจ หรือความคิดรวบยอดอย่างเชื่อมโยง โดยใช้เส้นเป็นตัวเชื่อมโยง ซึ่งสามารถอยู่ในรูปแบบของแผนภูมิใยแมงมุม (Spider chart) แผนภูมิองค์กร (Organization chart) หรือแผนผังสาย (flow diagram) ทั้งนี้รูปแบบของ Concept Mapping ที่มีประโยชน์มาก สำหรับการเรียนการสอนมักจะเป็นรูปแบบที่เรียงลำดับตามความสำคัญ (Hierarchical organization) ที่วางความคิดรวบยอดทั่วไป และกว้างๆ กว่าอันอื่น ไว้ด้านบน แล้วจึงค่อยวางความคิดรวบยอดที่มีความชัดเจนและชี้เฉพาะมากขึ้น เป็นลำดับลงมาที่ด้านล่าง

๕) เพื่อนคู่คิด (Think-Pair-Share) คือ การจัดกิจกรรมที่ให้ผู้เรียนคิดเกี่ยวกับประเด็นที่กำหนด โดยเริ่มต้นให้คิดคนเดียว ๒-๓ นาที (Think) จากนั้นให้นำความคิดไปแลกเปลี่ยนกับเพื่อนอีกคน ๓-๕ นาที (Pair) และสุดท้ายจึงนำเสนอความคิดเห็นนั้นต่อผู้เรียนทั้งหมด (Share)

๖) การโต้วาที (student debates) คือ การจัดกิจกรรมโดยแบ่งผู้เรียนเป็น ๒ ฝ่าย และให้ผู้เรียนแต่ละฝ่ายได้นำเสนอข้อมูลที่ได้จากประสบการณ์และการเรียนรู้ เพื่อยืนยันแนวคิดของตนเองหรือกลุ่มว่าถูกต้องเหมาะสมที่สุด โน้มน้าวชักจูงใจให้ผู้ฟังเกิดการยอมรับ และในขณะเดียวกันก็ต้องคอยโต้แย้งหักล้างเหตุผลและการนำเสนอของอีกฝ่ายไปพร้อมกัน

๗) การใช้สื่อวีดีทัศน์ที่สอดคล้องกับเนื้อหาความรู้ และมีความรุกเร้าประสาทสัมผัสการรับรู้ต่างๆ ของผู้เรียน

๘) การสร้างเงื่อนไขให้มีผลกระทบต่อผู้เรียน ทั้งด้านบวกและลบ เช่น การแบ่งกลุ่มแข่งขันตอบปัญหาชิงรางวัล หรือให้คะแนนสะสม ถือว่าเป็นกลอุบายให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการกระทำด้วยตัวเอง

๙) การประเมินและการสร้างบรรยายการเรียนรู้ โดยใช้วิธีสำรวจหรือตรวจจับ ด้วยสายตาและความรู้สึก (Scan) กรณีพบว่าบรรยายการเรียนรู้เริ่มเฉื่อยชา อาจพิจารณากระตุ้นหรือขั้นเวลาการดำเนินกิจกรรมนั้นๆ ด้วยกิจกรรมสันทนาการ เช่น เกม เพลงประกอบจังหวะ เป็นต้น

Active Learning : แนวทางการบูรณาการการเรียนการสอนกับการสร้างเสริมสุขภาพ

Categories: การจัดการความรู้ วพบ.อต.
Author: dao
Time: 10:40 am
Reactions :13 comments

???????? Active Learning : แนวทางการบูรณาการการเรียนการสอนกับการสร้างเสริมสุขภาพ

????????????? องค์ความรู้ที่ได้จาการแลกเปลี่ยนความรู้และจากผลงานทางวิชาการ? โดย การนำแนวปฏิบัติที่ดี (Best Practice) ของวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี อุตรดิตถ์มาใช้ในการปฏิบัติ

????????????????????????????????? อาจารย์ภาควิชาพื้นฐานการพยาบาล? วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี อุตรดิตถ์

????????????????????? การศึกษา เป็นกระบวนการเรียนรู้เพื่อความเจริญงอกงามของบุคคลและสังคมโดยการถ่ายทอดความรู้ การฝึก การอบรม การสืบสานทางวัฒนธรรม การสร้างสรรค์จรรโลงความก้าวหน้าทางวิชาการ การสร้างองค์ความรู้อันเกิดจากการจัดสภาพแวดล้อม สังคม การเรียนรู้และปัจจัยเกื้อหนุนให้บุคคลเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต (พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ, 2552) จากบทบัญญัติความหมายของการศึกษาในพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ สามารถที่จะศึกษาและทำความเข้าใจได้ว่า สถานศึกษาหรือสถาบันการศึกษาทั้งในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานและการศึกษาระดับอุดมศึกษานั้น ต้องมีการจัดการศึกษาที่มีการผสมผสานกันทั้งการศึกษาในระบบและการศึกษานอกระบบเพื่อให้ผู้เรียนได้รับประสบการณ์ ส่งเสริม ให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตได้ต่อไปในอนาคต

?????????????????? วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี อุตรดิตถ์ เป็นสถาบันการศึกษา ระดับอุดมศึกษา มีพันธกิจหลักคือการผลิตบัณฑิตพยาบาล เป็นพยาบาลวิชาชีพ เพื่อให้บริการสุขภาพแก่ประชาชน การจัดการศึกษาด้านวิชาการจึงมุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพบัณฑิตให้มีคุณลักษณะที่พึงประสงค์และมีอัตลักษณ์บัณฑิตของวิทยาลัยฯ นับตั้งแต่ผู้เรียนหรือนักศึกษาพยาบาลเข้าสู่เส้นทางการศึกษาวิชาชีพการพยาบาล

?????????????????? ภาควิชาพื้นฐานการพยาบาล วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี อุตรดิตถ์ มีหน้าที่รับผิดชอบจัดการเรียนการสอนให้แก่นักศึกษานับแต่เริ่มแรกหรือเป็นจุดเริ่มต้นของการศึกษาวิชาทางการพยาบาล หรือเรียกได้ว่า เป็นวิชาพื้นฐานทางการพยาบาล ดังนั้น สิ่งใดๆ ก็ตามถ้ามีฐานที่แข็งแรง เสมือนรากไม้ที่หยั่งลึกสร้างความมั่นคงให้แก่ลำต้นและกิ่งก้านสาขาได้ฉันใด วิชาพื้นฐานทางการพยาบาลก็เช่นเดียวกันย่อมมีความสำคัญในการที่สร้างนักศึกษาพยาบาลให้มีความรู้ความสามารถและเป็นพยาบาลวิชาชีพที่มีคุณภาพทั้งทางด้านวิชาการ คุณธรรมจริยธรรมและจรรยาบรรณวิชาชีพได้ฉันนั้น เมื่อข้อสรุปเป็นดังข้างต้น อาจารย์ภาควิชาพื้นฐานการพยาบาล จึงได้ให้ความสำคัญในการออกแบบลักษณะการจัดการเรียนการสอน และได้นำแผนงาน/โครงการ การปฏิบัติราชการของวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี อุตรดิตถ์ นโยบายของกลุ่มงานวิชาการ และแนวทางปฏิบัติที่ดี (Best Practice) ของกลุ่มงานวิจัย บริการวิชาการและวิเทศสัมพันธ์ มาเป็นแนวทางในการจัดการความรู้และการจัดการเรียนการการสอนแบบบูรณาการ 3 ด้านด้วยกันคือ ด้านการเรียนการสอนกับการสร้างเสริมสุขภาพ ด้านบริการวิชาการและด้านการวิจัย ในรายวิชา ปฏิบัติหลักการและเทคนิคการพยาบาล เพื่อพัฒนานักศึกษาให้ได้รับประสบการณ์การเรียนรู้ทั้งในและนอกสถาบันการศึกษา โดยการจัดการศึกษาแบบเน้นพัฒนาการเรียนรู้ (Active Learning) ?ที่ผ่านกระบวนการจัดการความรู้ (Knowledge Management) ของอาจารย์ในภาควิชาฯ ซึ่งมีผลสรุปการสังเคราะห์ความรู้จากแหล่งอ้างอิงทางวิชาการ อาทิ ผลงานวิจัย บทความและตำรา ได้ ดังนี้

การศึกษาแบบเน้นพัฒนาการเรียนรู้ (Active Learning)

จากการศึกษาแบบเน้นพัฒนาการเรียนรู้ ?(Active Learning) มีความหมายดังต่อไปนี้

???????? Active Learning หมายถึง กระบวนการในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ผู้เรียนได้มีโอกาสลงมือกระทำมากกว่าการฟัง การจัดกิจกรรมเป็นการจัดให้ผู้เรียนได้เรียนรู้โดยการอ่าน การเขียน การโต้ตอบและการวิเคราะห์ปัญหา และการให้ผู้เรียนได้ใช้กระบวนการคิดขั้นสูง ได้แก่ การวิเคราะห์ สังเคราะห์ และการประเมินค่า

??????? Active Learning หมายถึง กระบวนการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้อย่างมีความหมาย โดยการร่วมมือระหว่างผู้เรียน วิธีการสอนแบบบรรยายของผู้สอนจะลดลง และเพิ่มกระบวนการและกิจกรรมที่จะทำให้ผู้เรียนเกิดความกระตือรือร้นในการจะทำกิจกรรมต่างๆ มากขึ้น และอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ โดยการพูด การเขียน การอภิปราย

???????Active Learning หมายถึง กระบวนการจัดการเรียนรู้ที่มุ่งให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้อย่างมีความหมาย โดยการลงมือกระทากิจกรรมที่หลากหลายและใช้กระบวนการคิดเกี่ยวกับสิ่งที่ได้กระทำ

????????? สรุปความหมายของ Active learning คือ กระบวนการจัดการเรียนรู้ด้วยวิธีการจัดการเรียนการสอนแบบเสริมสร้างกิจกรรมการเรียนรู้หรือใช้วิธีการเรียนรู้ที่หลากหลายเพื่อให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติมากกว่าการฟังบรรยายจากผู้สอน ทั้งนี้ประสบการณ์ที่เกิดจากการเรียนรู้จะสามารถพัฒนาให้ผู้เรียนมีทักษะการคิด วิเคราะห์ สังเคราะห์และประเมินค่าในสิ่งที่ได้เรียนรู้ได้

?หลักการของการเรียนรู้แบบ Active Learning

????????? 1. ผู้สอนลดบทบาทในการสอนและการให้ข้อมูลความรู้แก่ผู้เรียนโดยตรง แต่มุ่งเน้นการสร้างแรงจูงใจแก่ผู้เรียน

????????? 2.? จัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่หลากหลายและท้าทาย เพื่อกระตุ้นให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมและเกิดความกระตือรือร้นในการทำกิจกรรม

???????? 3.? จัดสภาพการเรียนรู้แบบร่วมมือ ส่งเสริมการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียนด้วยกันและระหว่างผู้เรียนกับผู้สอน

????????? 4. พัฒนาทักษะด้านการสื่อสาร และทักษะการคิดรูปแบบต่างๆ

?หลักการของ active learning อธิบายว่า โดยทั่วไป ผู้เรียนจะเรียนรู้ได้จากการอ่านร้อยละ 10 ร้อยละ 20 จากการได้ยิน ร้อยละ 30 จากการได้เห็น ร้อยละ 50 จากการได้เห็นและได้ยิน ร้อยละ 70 จากการที่ผู้เรียนสามารถพูดและเขียนสรุปได้ และร้อยละ 90 หากได้ลงมีปฏิบัติ ตามรูปภาพ

??

ภาพที่ 1 แสดงร้อยละของการเรียนรู้แบบ Passive Learning และ Active Learning ?อ้างอิงจาก http://mathsimulationtechnology.wordpress.com/2012/02/16/active-learning-passive-teaching/

??????????จากผลร้อยละของรูปแบบการเรียนรู้ ทำให้มีการคิดและสร้างสรรค์รูปแบบการเรียนรู้เพื่อพัฒนาผู้เรียนให้มีการกระตือรือร้นและมีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ยกตัวอย่างเช่น ? McKinney (2008) ได้เสนอรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่จะช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้แบบ Active Learning ได้ดี ได้แก่

1. การเรียนรู้แบบแลกเปลี่ยนความคิด (Think-Pair-Share) คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนคิดเกี่ยวกับประเด็นที่กำหนดคนเดียว 2-3 นาที (Think) จากนั้นให้แลกเปลี่ยนความคิดกับเพื่อนอีกคน 3-5 นาที (Pair) และนำเสนอความคิดเห็นต่อผู้เรียนทั้งหมด (Share)

2. การเรียนรู้แบบร่วมมือ (Collaborative learning group) คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนได้ทำงานร่วมกับผู้อื่น โดยจัดกลุ่มๆ ละ 3-6 คน

3. การเรียนรู้แบบทบทวนโดยผู้เรียน (Student-led review sessions) คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ทบทวนความรู้และพิจารณาข้อสงสัยต่าง ๆ ในการปฏิบัติกิจกรรมการเรียนรู้ โดยครูจะคอยช่วยเหลือกรณีที่มีปัญหา

4. การเรียนรู้แบบใช้เกม (Games) คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ผู้สอนนำเกมเข้าบูรณาการในการเรียนการสอน ซึ่งใช้ได้ทั้งในขั้นการนำเข้าสู่บทเรียน, การสอน, การมอบหมายงาน, และหรือขั้นการประเมินผล

5. การเรียนรู้แบบวิเคราะห์วีดีโอ (Analysis or reactions to videos) คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนได้ดูวีดีโอ 5-20 นาที แล้วให้ผู้เรียนแสดงความคิดเห็น หรือสะท้อนความคิดเกี่ยวกับสิ่งที่ได้ดู อาจโดยวิธีการพูดโต้ตอบกัน การเขียน หรือ การร่วมกันสรุปเป็นรายกลุ่ม

6. การเรียนรู้แบบโต้วาที (Student debates) คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่จัดให้ผู้เรียนได้นำเสนอข้อมูลที่ได้จากประสบการณ์และการเรียนรู้ เพื่อยืนยันแนวคิดของตนเองหรือกลุ่ม

7. การเรียนรู้แบบผู้เรียนสร้างแบบทดสอบ (Student generated exam questions) คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนสร้างแบบทดสอบจากสิ่งที่ได้เรียนรู้มาแล้ว

8. การเรียนรู้แบบกระบวนการวิจัย (Mini-research proposals or project) คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่อิงกระบวนการวิจัย โดยให้ผู้เรียนกำหนดหัวข้อที่ต้องการเรียนรู้, วางแผนการเรียน, เรียนรู้ตามแผน, สรุปความรู้หรือสร้างผลงาน, และสะท้อนความคิดในสิ่งที่ได้เรียนรู้ หรืออาจเรียกว่าการสอนแบบโครงงาน(project-based learning) หรือ การสอนแบบใช้ปัญหาเป็นฐาน(problem-based learning)

9. การเรียนรู้แบบกรณีศึกษา (Analyze case studies) คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนได้อ่านกรณีตัวอย่างที่ต้องการศึกษา จากนั้นให้ผู้เรียนวิเคราะห์และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นหรือแนวทางแก้ปัญหาภายในกลุ่ม แล้วนำเสนอความคิดเห็นต่อผู้เรียนทั้งหมด

10. การเรียนรู้แบบการเขียนบันทึก (Keeping journals or logs) คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ผู้เรียนจดบันทึกเรื่องราวต่างๆ ที่ได้พบเห็น หรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน รวมทั้งเสนอความคิดเพิ่มเติมเกี่ยวกับบันทึกที่เขียน

11. การเรียนรู้แบบการเขียนจดหมายข่าว (Write and produce a newsletter) คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนร่วมกันผลิตจดหมายข่าว อันประกอบด้วย บทความ ข้อมูลสารสนเทศ ข่าวสาร และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แล้วแจกจ่ายไปยังบุคคลอื่นๆ

12. การเรียนรู้แบบแผนผังความคิด (Concept mapping) คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนออกแบบแผนผังความคิด เพื่อนำเสนอความคิดรวบยอด และความเชื่อมโยงกันของกรอบความคิด โดยการใช้เส้นเป็นตัวเชื่อมโยง อาจจัดทำเป็นรายบุคคลหรืองานกลุ่ม แล้วนำเสนอผลงานต่อผู้เรียนอื่นๆ จากนั้นเปิดโอกาสให้ผู้เรียนคนอื่นได้ซักถามและแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม

????????? จากการศึกษาและการสนทนาของอาจารย์ภาควิชาพื้นฐานการพยาบาล ได้มีการเลือกรูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning ตามแนวคิดของ McKinney (2008) ?มาใช้ในการบูรณาการการจัดการเรียนการสอนรายวิชาปฏิบัติหลักการและเทคนิคการพยาบาล โดยใช้รูปแบบดังนี้

1. การเรียนรู้แบบแลกเปลี่ยนความคิด (Think-Pair-Share)

2. การเรียนรู้แบบร่วมมือ (Collaborative learning group)

3. การเรียนรู้แบบทบทวนโดยผู้เรียน (Student-led review sessions)

5. การเรียนรู้แบบวิเคราะห์วีดีโอ (Analysis or reactions to videos)

8. การเรียนรู้แบบกระบวนการวิจัย (Mini-research proposals or project)

9. การเรียนรู้แบบกรณีศึกษา (Analyze case studies)

12. การเรียนรู้แบบแผนผังความคิด (Concept mapping)

????????? อย่างไรก็ตามในรูปแบบของ McKinney (2008) ?อาจารย์ภาควิชาพื้นฐานการพยาบาลได้นำกระบวนการอื่นที่มีรูปแบบแนวคิดที่มีความคล้ายคลึงกันผสมผสานไปในรูปแบบของ McKinney ด้วย ยกตัวอย่างเช่น ใช้กระบวนการเล่าประสบการณ์ (Story telling) และ การสะท้อนคิด (Reflective thinking) เข้าไปในรูปแบบที่ 1. การเรียนรู้แบบแลกเปลี่ยนความคิด (Think-Pair-Share) เป็นต้น

????????? ผลการศึกษาและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการเรียนรู้แบบ Active Learning พบว่ามีผลทั้งทางด้านบวกคือทำให้ผู้เรียนมีแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ สอดคล้องกับการศึกษาของสุภาพร กฤตยาพรนุพงศ์ (2550) ?เรื่อง ตัวแบบวิเคราะห์การถดถอยแบบ OLS และพหุคูณ แบบลำดับวิเคราะห์ปัจจัยที่มีผลต่อการเรียนรู้คณิตศาสตร์แบบ Active Learning ในกลุ่มตัวอย่างนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 1-3 จำนวน 64 คน พบว่า คุณภาพและปริมาณการเรียนของนักเรียนเพิ่มขึ้น ทำให้ผลการเรียนรู้คณิตศาสตร์เพิ่มขึ้น? และ การศึกษาของ วรวรรณ เพชรอุไร เรื่อง ผลสัมฤทธิ์การเรียนรู้แบบแอคทีฟในรายวิชา อย.341 การแปรรูปยาง ?(Achievement of Teaching by Active Learning Method in RI 341 Rubber Processing) ?กลุ่มตัวอย่างเป็นนักศึกษาสาขาเทคโนโลยียางและพอลิเมอร์ จำนวน 38 คน ผลการศึกษาสรุปว่า นักศึกษาที่เคยสอบไม่ผ่านการประเมินในภาคการศึกษาที่ 1/2554 มีผลการเรียนดีขึ้นตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ กล่าวคือสามารถสอบผ่านการการประเมินครั้งนี้ทุกคน และจากการประเมินความพึงพอใจของนักศึกษาพบว่าการเรียนแบบ Activelearning โดยใช้กิจกรรมที่หลากหลายในการเรียนการสอน นักศึกษามีความพึงพอใจต่อกิจกรรมต่างๆ เป็นอย่างดี มีความกระตือรือร้น และมีความสนใจที่อยากจะร่วมกิจกรรมมากกว่าการสอนแบบบรรยายเพียงอย่างเดียว

????????? จากรายงานผลการศึกษาของการนำรูปแบบ Active Learning ไปใช้ในการวิจัยและมีผลการศึกษาออกมาทางบวกนั้น ผลการศึกษาในบทความวิชาการมีการอภิปรายถึงข้อด้อยของการใช้รูปแบบการเรียนการสอนแบบ Active Learning ว่า ผู้ที่ขาดความรู้ความเข้าใจในการนำรูปแบบ Active Learning ไปใช้อย่างแท้จริง คิดว่า การลดบทบาทของการเป็นผู้สอนและปล่อยให้ผู้เรียนศึกษาอย่างอิสระ ผู้สอนเป็นเพียงผู้อำนวยความสะดวกและบริหารจัดการหลักสูตร การที่มุ่งเน้นเฉพาะให้ผู้เรียนเกิดกระตือรือร้น ตื่นตัวในกิจกรรม อาจไม่ได้ทำให้ผู้เรียนเกิดการรู้คิดเสมอไป (R.E.Mayer,2004 อ้างในสุระ บรรจงจิต ,2551) ดังนั้นการเรียนรู้แบบ Active Learning แต่ผลลัพธ์การเรียนรู้ทำให้เกิดความจำระยะสั้น จะทำให้ผู้เรียนไม่สามารถจำหรือเก็บข้อมูลไว้ในสมองส่วนของความจำได้ไม่เกิน 7 ข้อมูล และข้อมูลระยะสั้นจะถูกลืมไปภายใน 30 วินาทีหากไม่มีการทบทวนซ้ำ ส่วนความจำระยะยาวนั้นที่อาจมีกระบวนการเรียนรู้แบบ Active Learning มาก่อนเป็นพื้นฐานนั้น ทำให้เกิดแนวความคิดในการเรียนรู้แขนงใหม่ เรียกว่า Constructivist หรือการเรียนรู้แบบสร้างสรรค์ทางปัญญา (Construcionism) ซึ่งเป็นรูปแบบการเรียนรู้ที่สร้างข้อมูลใหม่ให้มีความจำระยะยาวด้วยการนำข้อมูลที่ได้รับจากกระบวนการของ Active Learning ที่ได้รับความจำระยะสั้นมาผสมผสานกับข้อมูลที่มีอยู่เดิม ดังนั้นผู้เรียนจะเป็นผู้สร้างความรู้ที่ได้รับมาใหม่มาประกอบกับประสบการณ์ที่เคยได้รับ

????????? สาระความรู้ที่ได้จากการสนทนาจัดการความรู้ของอาจารย์ในภาควิชาฯ โดยการศึกษาองค์ความรู้รูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning จากแหล่งอ้างอิงทำให้เกิดแนวคิดในการเรียนรู้สู่การปฏิบัติด้วยการบูรณาการการจัดการเรียนการสอนด้านการส่งเสริมสุขภาพ การบริการวิชาการและการวิจัยและการติดตามประเมินผลการนำรูปแบบไปใช้ต่อไป

อ้างอิง

ชานินท์ ศรียาภัย, นาวาตรี. ?การพัฒนาการศึกษาแบบ Active Learning ของสถาบันวิชาการทหารเรือ

??????????????? ชั้นสูง?เอกสารวิจัยโรงเรียนเสนาธิการทหารเรือ, ๒๕๔๖.

ไชยยศ เรื่องสุวรรณ. Active Learning. สืบค้นจาก http://www.drchaiyot.com เมื่อ 25 กรกฎาคม

????????????? ?2552.

ประกิต รำพึงกุล, นาวาตรี. ?การจัดการศึกษาแบบ Active Learning สำหรับโรงเรียนนายเรือ?, เอกสารวิจัย?โรงเรียนเสนาธิการทหารเรือ, ๒๕๔๘.

พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๔๒ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) และ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ.๒๕๔๓.

วรวรรณ เพชรอุไร.รายงานการวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนการสอน/การวิจัยในชั้นเรียนเรื่อง ผลสัมฤทธิ์จากการ

????????????? เรียนรู้แบบแอคทีฟในรายวิชา อย.341 การแปรรูปยาง.สาขาวิชาเทคโนโลยียางและพอลิเมอร์????

????????????? คณะ?วิศวะกรรมและอุตสาหกรรมการเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้.๒๕๕๕

สุภาพร กฤตยากรนุพงศ์.ตัวแบบการถดถอยแบบ OLS และแบบพหุคูณ แบบลำดับในการวิเคราะห์ปัจจัยที่มี

????????????? ผลต่อการเรียนรู้คณิตศาสตร์แบบActive Learning.ปริญญานิพนธ์วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต?

????????????? สาขา? คณิตศาสตร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยศิลปกร.๒๕๕๑.

สุระ? บรรจงจิตร. วารสารนายเรือ.?Active Learning: ดาบสองคม?,ปีที่ ๘ ฉบับที่ ๑มกราคม-มีนาคม

?????????????? ๒๕๕๑, หน้า๓๕-๔๑.

C.C. Bonwell, J.A. Eison, ?Active Learning: Creating Excitement in the Classroom.??

?????????????? ERIC Digest.Washington D.C.: ERIC Clearinghouse on Higher Education,?

?????????????? 1991.

P.A. Kirschner, J. Sweller, R.E. Clark, ?Why Minimal Guidance During Instruction?

????????????? Does Not?Work: An Analysis of the Failure of Constructivist, Discovery,?

????????????? Problem-Based,

McKinney,K. Sociology Through Active Learning. Pine Forge Pr, 2008. San?

?????????????? Francisco : Jossey-?Bass, 1993.

หมายเหตุ : การนำแนวทางปฏิบัติที่ดีของวิทยาลัยฯ มาใช้ในการปฏิบัติงานจริง? ภาควิชาพื้นฐานการพยาบาล มีรายงานขั้นตอนการปฏิบัติ ปรากฏในหลักฐานของภาควิชาฯ โดยจะส่งมอบแก่กลุ่มงานวิจัย บริการวิชาการและวิเทศสัมพันธ์ ต่อไปพร้อมกับรายการอื่นๆ ตามบันทึกข้อความที่ 0203/0912/พิเศษ วันที่ 10? มีนาคม 2557

Active Learning : แนวทางการบูรณาการการเรียนการสอนกับการสร้างเสริมสุขภาพ

Categories: การจัดการความรู้ วพบ.อต.
Author: dao
Time: 10:27 am
Reactions :4 comments

Active Learning : แนวทางการบูรณาการการเรียนการสอนกับการสร้างเสริมสุขภาพ
องค์ความรู้ที่ได้จาการแลกเปลี่ยนความรู้และจากผลงานทางวิชาการ
โดย การนำแนวปฏิบัติที่ดี (Best Practice) ของวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี อุตรดิตถ์มาใช้ในการปฏิบัติ

อาจารย์ภาควิชาพื้นฐานการพยาบาล
วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี อุตรดิตถ์

การศึกษา เป็นกระบวนการเรียนรู้เพื่อความเจริญงอกงามของบุคคลและสังคมโดยการถ่ายทอดความรู้ การฝึก การอบรม การสืบสานทางวัฒนธรรม การสร้างสรรค์จรรโลงความก้าวหน้าทางวิชาการ การสร้างองค์ความรู้อันเกิดจากการจัดสภาพแวดล้อม สังคม การเรียนรู้และปัจจัยเกื้อหนุนให้บุคคลเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต (พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ, 2552) จากบทบัญญัติความหมายของการศึกษาในพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ สามารถที่จะศึกษาและทำความเข้าใจได้ว่า สถานศึกษาหรือสถาบันการศึกษาทั้งในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานและการศึกษาระดับอุดมศึกษานั้น ต้องมีการจัดการศึกษาที่มีการผสมผสานกันทั้งการศึกษาในระบบและการศึกษานอกระบบเพื่อให้ผู้เรียนได้รับประสบการณ์ ส่งเสริม ให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตได้ต่อไปในอนาคต
วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี อุตรดิตถ์ เป็นสถาบันการศึกษา ระดับอุดมศึกษา มีพันธกิจหลักคือการผลิตบัณฑิตพยาบาล เป็นพยาบาลวิชาชีพ เพื่อให้บริการสุขภาพแก่ประชาชน การจัดการศึกษาด้านวิชาการจึงมุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพบัณฑิตให้มีคุณลักษณะที่พึงประสงค์และมีอัตลักษณ์บัณฑิตของวิทยาลัยฯ นับตั้งแต่ผู้เรียนหรือนักศึกษาพยาบาลเข้าสู่เส้นทางการศึกษาวิชาชีพการพยาบาล
ภาควิชาพื้นฐานการพยาบาล วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี อุตรดิตถ์ มีหน้าที่รับผิดชอบจัดการเรียนการสอนให้แก่นักศึกษานับแต่เริ่มแรกหรือเป็นจุดเริ่มต้นของการศึกษาวิชาทางการพยาบาล หรือเรียกได้ว่า เป็นวิชาพื้นฐานทางการพยาบาล ดังนั้น สิ่งใดๆ ก็ตามถ้ามีฐานที่แข็งแรง เสมือนรากไม้ที่หยั่งลึกสร้างความมั่นคงให้แก่ลำต้นและกิ่งก้านสาขาได้ฉันใด วิชาพื้นฐานทางการพยาบาลก็เช่นเดียวกันย่อมมีความสำคัญในการที่สร้างนักศึกษาพยาบาลให้มีความรู้ความสามารถและเป็นพยาบาลวิชาชีพที่มีคุณภาพทั้งทางด้านวิชาการ คุณธรรมจริยธรรมและจรรยาบรรณวิชาชีพได้ฉันนั้น เมื่อข้อสรุปเป็นดังข้างต้น อาจารย์ภาควิชาพื้นฐานการพยาบาล จึงได้ให้ความสำคัญในการออกแบบลักษณะการจัดการเรียนการสอน และได้นำแผนงาน/โครงการ การปฏิบัติราชการของวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี อุตรดิตถ์ นโยบายของกลุ่มงานวิชาการ และแนวทางปฏิบัติที่ดี (Best Practice) ของกลุ่มงานวิจัย บริการวิชาการและวิเทศสัมพันธ์ มาเป็นแนวทางในการจัดการความรู้และการจัดการเรียนการการสอนแบบบูรณาการ 3 ด้านด้วยกันคือ ด้านการเรียนการสอนกับการสร้างเสริมสุขภาพ ด้านบริการวิชาการและด้านการวิจัย ในรายวิชา ปฏิบัติหลักการและเทคนิคการพยาบาล เพื่อพัฒนานักศึกษาให้ได้รับประสบการณ์การเรียนรู้ทั้งในและนอกสถาบันการศึกษา โดยการจัดการศึกษาแบบเน้นพัฒนาการเรียนรู้ (Active Learning) ที่ผ่านกระบวนการจัดการความรู้ (Knowledge Management) ของอาจารย์ในภาควิชาฯ ซึ่งมีผลสรุปการสังเคราะห์ความรู้จากแหล่งอ้างอิงทางวิชาการ อาทิ ผลงานวิจัย บทความและตำรา ได้ ดังนี้
การศึกษาแบบเน้นพัฒนาการเรียนรู้ (Active Learning)
จากการศึกษาแบบเน้นพัฒนาการเรียนรู้ (Active Learning) มีความหมายดังต่อไปนี้
Active Learning หมายถึง กระบวนการในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ผู้เรียนได้มีโอกาสลงมือกระทำมากกว่าการฟัง การจัดกิจกรรมเป็นการจัดให้ผู้เรียนได้เรียนรู้โดยการอ่าน การเขียน การโต้ตอบและการวิเคราะห์ปัญหา และการให้ผู้เรียนได้ใช้กระบวนการคิดขั้นสูง ได้แก่ การวิเคราะห์ สังเคราะห์ และการประเมินค่า
Active Learning หมายถึง กระบวนการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้อย่างมีความหมาย โดยการร่วมมือระหว่างผู้เรียน วิธีการสอนแบบบรรยายของผู้สอนจะลดลง และเพิ่มกระบวนการและกิจกรรมที่จะทำให้ผู้เรียนเกิดความกระตือรือร้นในการจะทำกิจกรรมต่างๆ มากขึ้น และอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ โดยการพูด การเขียน การอภิปราย

Active Learning หมายถึง กระบวนการจัดการเรียนรู้ที่มุ่งให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้อย่างมีความหมาย โดยการลงมือกระทากิจกรรมที่หลากหลายและใช้กระบวนการคิดเกี่ยวกับสิ่งที่ได้กระทำ
สรุปความหมายของ Active learning คือ กระบวนการจัดการเรียนรู้ด้วยวิธีการจัดการเรียนการสอนแบบเสริมสร้างกิจกรรมการเรียนรู้หรือใช้วิธีการเรียนรู้ที่หลากหลายเพื่อให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติมากกว่าการฟังบรรยายจากผู้สอน ทั้งนี้ประสบการณ์ที่เกิดจากการเรียนรู้จะสามารถพัฒนาให้ผู้เรียนมีทักษะการคิด วิเคราะห์ สังเคราะห์และประเมินค่าในสิ่งที่ได้เรียนรู้ได้

หลักการของการเรียนรู้แบบ Active Learning
1. ผู้สอนลดบทบาทในการสอนและการให้ข้อมูลความรู้แก่ผู้เรียนโดยตรง แต่มุ่งเน้นการสร้างแรงจูงใจแก่ผู้เรียน
2. จัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่หลากหลายและท้าทาย เพื่อกระตุ้นให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมและเกิดความกระตือรือร้นในการทำกิจกรรม
3. จัดสภาพการเรียนรู้แบบร่วมมือ ส่งเสริมการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียนด้วยกันและระหว่างผู้เรียนกับผู้สอน
4. พัฒนาทักษะด้านการสื่อสาร และทักษะการคิดรูปแบบต่างๆ

หลักการของ active learning อธิบายว่า โดยทั่วไป ผู้เรียนจะเรียนรู้ได้จากการอ่านร้อยละ 10 ร้อยละ 20 จากการได้ยิน ร้อยละ 30 จากการได้เห็น ร้อยละ 50 จากการได้เห็นและได้ยิน ร้อยละ 70 จากการที่ผู้เรียนสามารถพูดและเขียนสรุปได้ และร้อยละ 90 หากได้ลงมีปฏิบัติ ตามรูปภาพ

ภาพที่ 1 แสดงร้อยละของการเรียนรู้แบบ Passive Learning และ Active Learning อ้างอิงจาก http://mathsimulationtechnology.wordpress.com/2012/02/16/active-learning-passive-teaching/

จากผลร้อยละของรูปแบบการเรียนรู้ ทำให้มีการคิดและสร้างสรรค์รูปแบบการเรียนรู้เพื่อพัฒนาผู้เรียนให้มีการกระตือรือร้นและมีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ยกตัวอย่างเช่น McKinney (2008) ได้เสนอรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่จะช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้แบบ Active Learning ได้ดี ได้แก่
1. การเรียนรู้แบบแลกเปลี่ยนความคิด (Think-Pair-Share) คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนคิดเกี่ยวกับประเด็นที่กำหนดคนเดียว 2-3 นาที (Think) จากนั้นให้แลกเปลี่ยนความคิดกับเพื่อนอีกคน 3-5 นาที (Pair) และนำเสนอความคิดเห็นต่อผู้เรียนทั้งหมด (Share)
2. การเรียนรู้แบบร่วมมือ (Collaborative learning group) คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนได้ทำงานร่วมกับผู้อื่น โดยจัดกลุ่มๆ ละ 3-6 คน
3. การเรียนรู้แบบทบทวนโดยผู้เรียน (Student-led review sessions) คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ทบทวนความรู้และพิจารณาข้อสงสัยต่าง ๆ ในการปฏิบัติกิจกรรมการเรียนรู้ โดยครูจะคอยช่วยเหลือกรณีที่มีปัญหา
4. การเรียนรู้แบบใช้เกม (Games) คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ผู้สอนนำเกมเข้าบูรณาการในการเรียนการสอน ซึ่งใช้ได้ทั้งในขั้นการนำเข้าสู่บทเรียน, การสอน, การมอบหมายงาน, และหรือขั้นการประเมินผล
5. การเรียนรู้แบบวิเคราะห์วีดีโอ (Analysis or reactions to videos) คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนได้ดูวีดีโอ 5-20 นาที แล้วให้ผู้เรียนแสดงความคิดเห็น หรือสะท้อนความคิดเกี่ยวกับสิ่งที่ได้ดู อาจโดยวิธีการพูดโต้ตอบกัน การเขียน หรือ การร่วมกันสรุปเป็นรายกลุ่ม
6. การเรียนรู้แบบโต้วาที (Student debates) คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่จัดให้ผู้เรียนได้นำเสนอข้อมูลที่ได้จากประสบการณ์และการเรียนรู้ เพื่อยืนยันแนวคิดของตนเองหรือกลุ่ม
7. การเรียนรู้แบบผู้เรียนสร้างแบบทดสอบ (Student generated exam questions) คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนสร้างแบบทดสอบจากสิ่งที่ได้เรียนรู้มาแล้ว
8. การเรียนรู้แบบกระบวนการวิจัย (Mini-research proposals or project) คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่อิงกระบวนการวิจัย โดยให้ผู้เรียนกำหนดหัวข้อที่ต้องการเรียนรู้, วางแผนการเรียน, เรียนรู้ตามแผน, สรุปความรู้หรือสร้างผลงาน, และสะท้อนความคิดในสิ่งที่ได้เรียนรู้ หรืออาจเรียกว่าการสอนแบบโครงงาน(project-based learning) หรือ การสอนแบบใช้ปัญหาเป็นฐาน(problem-based learning)
9. การเรียนรู้แบบกรณีศึกษา (Analyze case studies) คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนได้อ่านกรณีตัวอย่างที่ต้องการศึกษา จากนั้นให้ผู้เรียนวิเคราะห์และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นหรือแนวทางแก้ปัญหาภายในกลุ่ม แล้วนำเสนอความคิดเห็นต่อผู้เรียนทั้งหมด
10. การเรียนรู้แบบการเขียนบันทึก (Keeping journals or logs) คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ผู้เรียนจดบันทึกเรื่องราวต่างๆ ที่ได้พบเห็น หรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน รวมทั้งเสนอความคิดเพิ่มเติมเกี่ยวกับบันทึกที่เขียน
11. การเรียนรู้แบบการเขียนจดหมายข่าว (Write and produce a newsletter) คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนร่วมกันผลิตจดหมายข่าว อันประกอบด้วย บทความ ข้อมูลสารสนเทศ ข่าวสาร และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แล้วแจกจ่ายไปยังบุคคลอื่นๆ
12. การเรียนรู้แบบแผนผังความคิด (Concept mapping) คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนออกแบบแผนผังความคิด เพื่อนำเสนอความคิดรวบยอด และความเชื่อมโยงกันของกรอบความคิด โดยการใช้เส้นเป็นตัวเชื่อมโยง อาจจัดทำเป็นรายบุคคลหรืองานกลุ่ม แล้วนำเสนอผลงานต่อผู้เรียนอื่นๆ จากนั้นเปิดโอกาสให้ผู้เรียนคนอื่นได้ซักถามและแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม
จากการศึกษาและการสนทนาของอาจารย์ภาควิชาพื้นฐานการพยาบาล ได้มีการเลือกรูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning ตามแนวคิดของ McKinney (2008) มาใช้ในการบูรณาการการจัดการเรียนการสอนรายวิชาปฏิบัติหลักการและเทคนิคการพยาบาล โดยใช้รูปแบบดังนี้
1. การเรียนรู้แบบแลกเปลี่ยนความคิด (Think-Pair-Share)
2. การเรียนรู้แบบร่วมมือ (Collaborative learning group)
3. การเรียนรู้แบบทบทวนโดยผู้เรียน (Student-led review sessions)
5. การเรียนรู้แบบวิเคราะห์วีดีโอ (Analysis or reactions to videos)
8. การเรียนรู้แบบกระบวนการวิจัย (Mini-research proposals or project)
9. การเรียนรู้แบบกรณีศึกษา (Analyze case studies)
12. การเรียนรู้แบบแผนผังความคิด (Concept mapping)
อย่างไรก็ตามในรูปแบบของ McKinney (2008) อาจารย์ภาควิชาพื้นฐานการพยาบาลได้นำกระบวนการอื่นที่มีรูปแบบแนวคิดที่มีความคล้ายคลึงกันผสมผสานไปในรูปแบบของ McKinney ด้วย ยกตัวอย่างเช่น ใช้กระบวนการเล่าประสบการณ์ (Story telling) และ การสะท้อนคิด (Reflective thinking) เข้าไปในรูปแบบที่ 1. การเรียนรู้แบบแลกเปลี่ยนความคิด (Think-Pair-Share) เป็นต้น
ผลการศึกษาและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการเรียนรู้แบบ Active Learning พบว่ามีผลทั้งทางด้านบวกคือทำให้ผู้เรียนมีแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ สอดคล้องกับการศึกษาของสุภาพร กฤตยาพรนุพงศ์ (2550) เรื่อง ตัวแบบวิเคราะห์การถดถอยแบบ OLS และพหุคูณ แบบลำดับวิเคราะห์ปัจจัยที่มีผลต่อการเรียนรู้คณิตศาสตร์แบบ Active Learning ในกลุ่มตัวอย่างนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 1-3 จำนวน 64 คน พบว่า คุณภาพและปริมาณการเรียนของนักเรียนเพิ่มขึ้น ทำให้ผลการเรียนรู้คณิตศาสตร์เพิ่มขึ้น และ การศึกษาของ วรวรรณ เพชรอุไร เรื่อง ผลสัมฤทธิ์การเรียนรู้แบบแอคทีฟในรายวิชา อย.341 การแปรรูปยาง (Achievement of Teaching by Active Learning Method in RI 341 Rubber Processing) กลุ่มตัวอย่างเป็นนักศึกษาสาขาเทคโนโลยียางและพอลิเมอร์ จำนวน 38 คน ผลการศึกษาสรุปว่า นักศึกษาที่เคยสอบไม่ผ่านการประเมินในภาคการศึกษาที่ 1/2554 มีผลการเรียนดีขึ้นตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ กล่าวคือสามารถสอบผ่านการการประเมินครั้งนี้ทุกคน และจากการประเมินความพึงพอใจของนักศึกษาพบว่าการเรียนแบบ Activelearning โดยใช้กิจกรรมที่หลากหลายในการเรียนการสอน นักศึกษามีความพึงพอใจต่อกิจกรรมต่างๆ เป็นอย่างดี มีความกระตือรือร้น และมีความสนใจที่อยากจะร่วมกิจกรรมมากกว่าการสอนแบบบรรยายเพียงอย่างเดียว
จากรายงานผลการศึกษาของการนำรูปแบบ Active Learning ไปใช้ในการวิจัยและมีผลการศึกษาออกมาทางบวกนั้น ผลการศึกษาในบทความวิชาการมีการอภิปรายถึงข้อด้อยของการใช้รูปแบบการเรียนการสอนแบบ Active Learning ว่า ผู้ที่ขาดความรู้ความเข้าใจในการนำรูปแบบ Active Learning ไปใช้อย่างแท้จริง คิดว่า การลดบทบาทของการเป็นผู้สอนและปล่อยให้ผู้เรียนศึกษาอย่างอิสระ ผู้สอนเป็นเพียงผู้อำนวยความสะดวกและบริหารจัดการหลักสูตร การที่มุ่งเน้นเฉพาะให้ผู้เรียนเกิดกระตือรือร้น ตื่นตัวในกิจกรรม อาจไม่ได้ทำให้ผู้เรียนเกิดการรู้คิดเสมอไป (R.E.Mayer,2004 อ้างในสุระ บรรจงจิต ,2551) ดังนั้นการเรียนรู้แบบ Active Learning แต่ผลลัพธ์การเรียนรู้ทำให้เกิดความจำระยะสั้น จะทำให้ผู้เรียนไม่สามารถจำหรือเก็บข้อมูลไว้ในสมองส่วนของความจำได้ไม่เกิน 7 ข้อมูล และข้อมูลระยะสั้นจะถูกลืมไปภายใน 30 วินาทีหากไม่มีการทบทวนซ้ำ ส่วนความจำระยะยาวนั้นที่อาจมีกระบวนการเรียนรู้แบบ Active Learning มาก่อนเป็นพื้นฐานนั้น ทำให้เกิดแนวความคิดในการเรียนรู้แขนงใหม่ เรียกว่า Constructivist หรือการเรียนรู้แบบสร้างสรรค์ทางปัญญา (Construcionism) ซึ่งเป็นรูปแบบการเรียนรู้ที่สร้างข้อมูลใหม่ให้มีความจำระยะยาวด้วยการนำข้อมูลที่ได้รับจากกระบวนการของ Active Learning ที่ได้รับความจำระยะสั้นมาผสมผสานกับข้อมูลที่มีอยู่เดิม ดังนั้นผู้เรียนจะเป็นผู้สร้างความรู้ที่ได้รับมาใหม่มาประกอบกับประสบการณ์ที่เคยได้รับ
สาระความรู้ที่ได้จากการสนทนาจัดการความรู้ของอาจารย์ในภาควิชาฯ โดยการศึกษาองค์ความรู้รูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning จากแหล่งอ้างอิงทำให้เกิดแนวคิดในการเรียนรู้สู่การปฏิบัติด้วยการบูรณาการการจัดการเรียนการสอนด้านการส่งเสริมสุขภาพ การบริการวิชาการและการวิจัยและการติดตามประเมินผลการนำรูปแบบไปใช้ต่อไป
อ้างอิง
ชานินท์ ศรียาภัย, นาวาตรี. ?การพัฒนาการศึกษาแบบ Active Learning ของสถาบันวิชาการทหารเรือ
ชั้นสูง?เอกสารวิจัยโรงเรียนเสนาธิการทหารเรือ, ๒๕๔๖.
ไชยยศ เรื่องสุวรรณ. Active Learning. สืบค้นจาก http://www.drchaiyot.com เมื่อ 25 กรกฎาคม
2552.
ประกิต รำพึงกุล, นาวาตรี. ?การจัดการศึกษาแบบ Active Learning สำหรับโรงเรียนนายเรือ?, เอกสารวิจัย
โรงเรียนเสนาธิการทหารเรือ, ๒๕๔๘.
พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๔๒ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) และ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ.๒๕๔๓.
วรวรรณ เพชรอุไร.รายงานการวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนการสอน/การวิจัยในชั้นเรียนเรื่อง ผลสัมฤทธิ์จากการ
เรียนรู้แบบแอคทีฟในรายวิชา อย.341 การแปรรูปยาง.สาขาวิชาเทคโนโลยียางและพอลิเมอร์ คณะ
วิศวะกรรมและอุตสาหกรรมการเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้.๒๕๕๕
สุภาพร กฤตยากรนุพงศ์.ตัวแบบการถดถอยแบบ OLS และแบบพหุคูณ แบบลำดับในการวิเคราะห์ปัจจัยที่มี
ผลต่อการเรียนรู้คณิตศาสตร์แบบActive Learning.ปริญญานิพนธ์วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขา
คณิตศาสตร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยศิลปกร.๒๕๕๑.
สุระ บรรจงจิตร. วารสารนายเรือ.?Active Learning: ดาบสองคม?,ปีที่ ๘ ฉบับที่ ๑มกราคม-มีนาคม
๒๕๕๑, หน้า๓๕-๔๑.
C.C. Bonwell, J.A. Eison, ?Active Learning: Creating Excitement in the Classroom.? ERIC Digest.Washington D.C.: ERIC Clearinghouse on Higher Education, 1991.
P.A. Kirschner, J. Sweller, R.E. Clark, ?Why Minimal Guidance During Instruction Does Not
Work: An Analysis of the Failure of Constructivist, Discovery, Problem-Based,
McKinney,K. Sociology Through Active Learning. Pine Forge Pr, 2008. San Francisco : Jossey-
Bass, 1993.

10/03/2014

วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี อุตรดิตถ์สรุปแนวทางการปฏิบัติที่ดี (Best Practice)?การจัดการเรียนการสอนภาคปฏิบัติในคลินิก สำหรับนักศึกษาหลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต?

Categories: การจัดการความรู้ วพบ.อต.
Author: admin
Time: 9:21 am
Reactions :20 comments

วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี อุตรดิตถ์
สรุปแนวทางการปฏิบัติที่ดี (Best Practice)
?การจัดการเรียนการสอนภาคปฏิบัติในคลินิก สำหรับนักศึกษาหลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต?

——————————————————————————

ขั้นตอนการดำเนินงาน
๑. การเตรียมความพร้อมของนักศึกษา
๑.๑ สร้างความเชื่อมั่นและลดความเครียดในการฝึกปฏิบัติการพยาบาลของนักศึกษาก่อนการปฏิบัติจริงบนคลินิก ดังนี้
๑.๑.๑ ประเมินสถานการณ์ที่ก่อให้เกิดความเครียดแก่นักศึกษา ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น ๙ ประเภท ได้แก่ ๑) ขาดความเชื่อมั่นในตนเอง ๒) มีความรู้และประสบการณ์ไม่เพียงพอ ๓) การปรับตัวและการจัดการกับปัญหาที่ไม่มีประสิทธิภาพ ๔) ความรู้สึกมีคุณค่าในตนเองลดลงหรือถูกคุกคาม ๕) ทัศนคติที่ไม่ดีต่อการฝึกปฏิบัติ ๖) อาจารย์นิเทศ ๗) บุคลากรบนหอผู้ป่วย ๘) เพื่อน และ ๙) สถานที่และสิ่งแวดล้อม
๑.๑.๒ จัดการหรือแก้ไขสถานการณ์อันจะก่อให้เกิดความเครียดแก่นักศึกษาให้ลดลง ดังนี้
๑) มีการประชุมปรึกษาระหว่างอาจารย์นิเทศ ฝ่ายการพยาบาล เพื่อชี้แจงถึงขอบเขตความสามารถของนักศึกษา ลักษณะงานที่นักศึกษาสามารถทำได้ และร่วมกำหนดแนวทางในการสอนภาคปฏิบัติให้เป็นในทิศทางเดียวกัน
๒) ปฐมนิเทศการฝึกปฏิบัติการพยาบาลแก่นักศึกษา เพื่อชี้แจงรายวิชา ขอบเขตความสามารถของนักศึกษาและลักษณะงานที่นักศึกษาสามารถทำได้ และร่วมกำหนดแนวทางและประสบการณ์การเรียนรู้ในฝึกภาคปฏิบัติ
๓) มีการจัดทบทวนความรู้ ทักษะ หรือวิธีปฏิบัติการพยาบาลพื้นฐานหรืออื่นๆ ที่จำเป็นก่อนการปฏิบัติจริงบนคลินิก ตลอดจนการเพิ่มทักษะการบริหารเวลา และวิธีการจัดการความเครียดให้กับนักศึกษา
๔) แนะนำสถานที่ ลักษณะการทำงาน บุคลากรบนหอผู้ป่วย และสิ่งแวดล้อมต่างๆ เพื่อให้นักศึกษาเกิดความคุ้นเคย และรู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งของหน่วยงาน
๕) การมอบหมายงานให้นักศึกษา ควรมีความเหมาะสมไม่มากหรือน้อยเกินไป และให้นักศึกษามีเวลาในการทบทวนบทเรียน และใช้ชีวิตด้านอื่นๆ อย่างสมดุล
๖) อาจารย์นิเทศควรมีบุคลิกภาพที่เอื้ออาทร มีความเป็นกันเอง เปิดโอกาสให้นักศึกษาได้ซักถาม รับฟังความคิดเห็นของนักศึกษา ให้ข้อมูลย้อนกลับเป็นระยะ ให้คำชื่นชมเมื่อนักศึกษาทำถูก ไม่ตำหนินักศึกษาต่อหน้าบุคลากรอื่นหรือผู้ป่วยและญาติ
๗) อาจารย์ผู้รับผิดชอบรายวิชา ควรนำเสนอผลการประเมินรายวิชาในประเด็นปัญหาและอุปสรรคการฝึกปฏิบัติการพยาบาลของนักศึกษาบนหอผู้ป่วยให้ฝ่ายการพยาบาล หัวหน้าหอผู้ป่วย พยาบาลพี่เลี้ยงแหล่งฝึกได้รับทราบ เพื่อจะได้ให้การช่วยเหลือปรับปรุงลักษณะการทำงานร่วมกันบนหอผู้ป่วย

๑.๒ จัดการเรียนการสอนภาคทฤษฎีรายวิชาทางการพยาบาลที่มุ่งเน้นให้นักศึกษา มีประสบการณ์ตรงหรือประสบการณ์การเรียนรู้เสมือนจริง เช่น
๑) การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนแบบนักศึกษามีส่วนร่วม โดยกำหนดให้นักศึกษาได้ฝึกปฏิบัติในสถานการณ์จำลองที่เสมือนจริงกับการปฏิบัติบนหอผู้ป่วย เช่น มีหุ่นสาธิต มีอุปกรณ์ที่สามารถใช้ได้จริง มีสถานการณ์จำลองและบุคลาการแสดงตามบทบาทสมมุติเหมือนหอผู้ป่วย
๒) ประสานกับแหล่งฝึกปฏิบัติบนคลินิก เพื่อให้นักศึกษาได้ไปสังเกตการณ์การปฏิบัติการพยาบาลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องตามความเหมาะสม
๓) ใช้สื่อการเรียนที่หลากหลาย ซึ่งนักศึกษาสามารถเข้าถึงได้ง่าย สามารถศึกษาค้นคว้าหรือฝึกเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง
๒. การสอนภาคปฏิบัติ
๒.๑ มอบหมายผู้ป่วยในความดูแลกับนักศึกษาตามความเหมาะสม โดยกำหนดให้นักศึกษาศึกษาข้อมูลผู้ป่วยในความดูแลล่วงหน้าอย่างน้อย ๑ วัน ดูแลต่อเนื่อง อย่างน้อย ๓ วัน
๒.๒ กำหนดเวลาให้นักศึกษาขึ้นฝึกปฏิบัติงานบนหอผู้ป่วย ก่อนเวลาอย่างน้อย ๓๐ นาที เพื่อศึกษาและติดตามประเมินสภาพผู้ป่วยและแผนการรักษาพยาบาลผู้ป่วยในความดูแลอย่างต่อเนื่อง
๒.๓ อาจารย์นิเทศให้ขึ้นไปบนหอผู้ป่วยให้ทันรับฟังการส่งเวรพร้อมกับนักศึกษา ซึ่งจะทำให้อาจารย์รับทราบรายละเอียดข้อมูลผู้ป่วยที่เป็นปัจจุบัน มีประโยชน์ต่อการ แนะนำหรือเน้นย้ำนักศึกษาเกี่ยวกับการวางแผนการพยาบาลผู้ป่วยในความดูแลอย่างถูกต้อง เหมาะสม ในช่วงเวลา Pre conference
๒.๔ ส่งเสริมการคิดอย่างมีวิจารณญาณและการเชื่อมโยงความรู้ภาคทฤษฎีสู่การปฏิบัติแก่นักศึกษาพยาบาล โดยกิจกรรม ?Nursing round? กับนักศึกษารายบุคคล ซึ่งเป็นกระบวนการที่ส่งเสริมให้นักศึกษาได้ศึกษาข้อผู้ป่วยกรณีศึกษาโดยละเอียด ทั้งข้อมูลปฐมภูมิและ ทุติภูมิ ตลอดจนทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเชิงทฤษฎีและวิเคราะห์เปรียบเทียบกับสภาพการณ์ของผู้ป่วยจริง จากนั้นจึงนำข้อสรุปของตนเองมานำเสนอและร่วมอภิปรายกับอาจารย์นิเทศภายใต้บรรยากาศแบบกัลยาณมิตร
๒.๕ อาจารย์ควรแสดงพฤติกรรมการสอนภาคปฏิบัติและส่งเสริมบรรยากาศการเรียนรู้ภาคปฏิบัติให้เกิดขึ้นอย่างเอื้ออาทร ซึ่งพฤติกรรมการสอนอย่างเอื้ออาทรจะช่วยส่งเสริมความอยากรู้อยากเรียนอย่างต่อเนื่อง ไม่รู้สึกว่าถูกคุกคามเกิดขึ้น ส่งผลให้นักศึกษาเกิดการเรียนรู้อย่างมีความสุข
๓. การวัดและประเมินผลการเรียนการสอนภาคปฏิบัติอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการ ทวนสอบการจัดการเรียนการสอน การวัดและประเมินผลรายวิชา โดยอาจารย์ผู้ร่วมสอน ก่อนการตัดสิน และให้เกรดแก่นักศึกษาทุกครั้ง

กลุ่มงานวิจัย บริการวิชาการและวิเทศสัมพันธ์

การเตรียมนักศึกษาเพื่อเป็นพยาบาลวิชาชีพแนวปฏิบัติการเตรียมความพร้อมในการสอบขึ้นทะเบียน

Categories: การจัดการความรู้ วพบ.อต.
Author: admin
Time: 9:20 am
Reactions :3 comments

วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี อุตรดิตถ์
การเตรียมนักศึกษาเพื่อเป็นพยาบาลวิชาชีพ
แนวปฏิบัติการเตรียมความพร้อมในการสอบขึ้นทะเบียน

จากการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และการค้นหาความรู้เพิ่มเติมในด้านการเตรียมนักศึกษาเพื่อเป็นพยาบาลที่ดีงานจัดการความรู้ได้สรุปออกมาเป็นแนวปฏิบัติดังนี้
ขั้นตอนการดำเนินงาน
๑.ปฐมนิเทศให้แก่นักศึกษาชั้นปีที่ ๑ทราบเส้นทางการเรียนการสอนและการก้าวเข้าสู่วิชาชีพพยาบาลตั้งแต่เริ่มต้นเรียน จนสอบประมวลความรู้ความสามารถทางการพยาบาลและการสอบขึ้นทะเบียนรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ
๒.การจัดการเรียนการสอนภาคทฤษฎีใช้การจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ มีการกระตุ้นให้ผู้เรียนสร้างความรู้สรุปเป็นความรู้ของตนเอง เช่น การทำแผนผังความคิดและการจัดการเรียนการสอนภาคปฏิบัติควรให้นักศึกษาสามารถเชื่อมโยงจากทฤษฎีสู่การปฏิบัติ (ใช้สรุปแนวทางการปฏิบัติที่ดี (Best Practiceการจัดการเรียนการสอนภาคปฏิบัติในคลินิก สำหรับนักศึกษาหลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต)
๓. ในระหว่างที่ฝึกปฏิบัติอาจารย์ที่นิเทศภาคปฏิบัติควรสามารถชี้ประเด็นที่สำคัญๆของการฝึกปฏิบัติที่เชื่อมโยงกับทฤษฎีและมีการเน้นย้ำให้นักศึกษามีกระบวนการจัดเก็บความรู้อย่างเป็นระบบ เช่นทำแผนผังความคิดแต่ละโรค หรือการบันทึกย่อสิ่งที่สำคัญสำหรับการฝึกในชั้นปี ๔ ควรมีการจัดให้มีการ Conference โดยเน้นการดูตาม Test Blue Print ของสภาการพยาบาลเพื่อให้นักศึกษาได้รับประสบการณ์ครบถ้วน
๔.สร้างขวัญและกำลังใจให้นักศึกษามีเจตคติที่ดีต่อวิชาชีพในแต่ละชั้นปีและบอกถึงเส้นทางความก้าวหน้าของการประกอบวิชาชีพพยาบาลโดยให้รุ่นพี่หรือศิษย์เก่ามีส่วนร่วม
๕.กระตุ้นให้นักศึกษามีความตั้งใจเรียนตั้งแต่ต้น คือ ชั้นปีที่ ๑ เพราะทุกรายวิชาสามารถนำมาเป็นพื้นฐานสำหรับวิชาในชั้นปีสูงๆ และให้แจกTest Blue Print ของสภาการพยาบาลให้กับนักศึกษา
๖. ในตอนปลายของชั้นปีที่ ๓ ควรมีการจัดสอบเพื่อประเมินความรู้ความสามารถทางการพยาบาลของนักศึกษาเพื่อใช้เป็นข้อมูลในการจัดกลุ่มนักศึกษาเพื่อเตรียมตัวในชั้นปีที่ ๔การแบ่งกลุ่มเพื่อเตรียมทบทวนความรู้ควรแบ่งตามความรู้ที่มีอยู่ทั้งนี้ฝ่ายวิชาการควรมีการอธิบายให้กับนักศึกษาทราบวัตถุประสงค์ของการแบ่งกลุ่มในขั้นนี้การตรวจข้อสอบแบ่งตามหัวข้อเพื่อเป็นข้อมูลสำหรับนักศึกษาและอาจารย์ทราบว่าเด็กแต่ละคนมีจุดบกพร่องด้านใด
๗. ในชั้นปีที่ ๔ การทบทวนความรู้ควรเริ่มจากให้นักศึกษามีการทบทวน Concept สำคัญก่อน โดยนักศึกษาสามารถทบทวนได้โดยการชี้ประเด็นโดยผู้สอนผ่านการประชุมปรึกษาทางการพยาบาล
๘. ในชั้นปีที่ ๔ นักศึกษาจะมีความเครียดมากขึ้นตามลำดับโดยเฉพาะช่วงที่ใกล้สอบวิทยาลัยควรจัดกิจกรรมในการเสริมสร้างพลังใจให้กับนักศึกษาเป็นระยะพร้อมกับให้นักศึกฯวิเคราะห์จุดอ่อนจุดแข็งของตนเองรวมทั้งหาแนวทางในการกำจัดจุดอ่อน เช่นการจัดให้ออกนอกสถานที่ การจัดกิจกรรมเสริมสร้างพลังใจ
๙.ในช่วงสุดท้ายการทบทวนความรู้ที่จัดให้ควรมีการแนะแนวเกี่ยวกับเทคนิควิธีการทำข้อสอบแต่ละรายวิชาเนื่องจากพบว่าศิษย์เก่าบอกว่าปัญหาที่สำคัญคือไม่รู้ว่าควรจะจัดการกับการทำข้อสอบแต่ละรายวิชาอย่างไร
๑๐.ในการทบทวนความรู้ควรให้นักศึกษามีส่วนร่วมโดยสอบถามความคิดเห็นถึงความต้องการการช่วยเหลือต่างๆ
๑๑. ผู้บริหารทุกระดับโดยเฉพาะระดับสูงของวิทยาลัยควรมีบทบาทในการสร้างขวัญและกำลังใจแก่นักศึกษา
๑๒.ใช้มาตรการหรือแนวทางการช่วยเหลือนักศึกษาที่มีปัญหาเรื่องการเรียนอย่างเคร่งครัด หากนักศึกษามีผลการเรียนในรายวิชาไม่เป็นไปตามเกณฑ์ควรดำเนินการตามมาตรการเพื่อเสริมสร้างความรู้ของนักศึกษาอย่างเคร่งครัดจนกว่าผลที่ออกมาจะเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด
ซึ่งการจัดทำแนวปฏิบัติดังกล่าวต้องการการยืนยันถึงประสิทธิภาพของการนำแนวปฏิบัติไปใช้และต้องการเพิ่มเติมรายละเอียดในแต่ละขั้นตอนหากภาควิชาใดนำไปปฏิบัติแล้วและมีข้อเสนอแนะ ช่วยเสนอให้ทราบเพื่อเป็นหลักฐานเชิงประจักษ์

ศศิธร ชิดนายี
หัวหน้างานวิจัย การจัดการความรู้และวิเทศสัมพันธ์

หน้าก่อนหน้าหน้าต่อไป
Proudly powered by Wordpress 3.0.1 - Theme Triplets Id Band 2.0, the boyish style by neuro