• Accessibility

    • normal big bigger

Last posts

Last Comments

Most active posts

ค้นหา

หมวดหมู่

05/03/2017

สรุปการจัดการความรู้ ประเด็น “การตีพิมพ์เผยแพร่ผลงานวิจัยในระดับชาติและนานาชาติ” กลุ่มงานวิจัย บริการวิชาการ และวิเทศสัมพันธ์ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี อุตรดิตถ์

Categories: การจัดการความรู้ วพบ.อต.
Author: admin
Time: 9:12 pm
Reactions :1 comment

สรุปการจัดการความรู้

ประเด็น “การตีพิมพ์เผยแพร่ผลงานวิจัยในระดับชาติและนานาชาติ”

กลุ่มงานวิจัย บริการวิชาการ และวิเทศสัมพันธ์

วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี อุตรดิตถ์

วันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์  ๒๕๖๐ เวลา  ๑๓.๐๐ – ๑๕.๐๐ น

………………………………………………………………………………………………………………..

๑. รายชื่อผู้เข้าร่วมประชุม

๑. ดร.ศศิธร ชิดนายี                   รองผู้อำนวยการกลุ่มงานวิจัยฯ ประธาน

๒. ดร.ประภาพร มโนรัตน์            ผู้รับผิดชอบการจัดการความรู้ของกลุ่มงานวิจัยฯ และเลขานุการ

๓. ดร.ปฐพร  แสงเขียว

๔. นายนภดล  เลือดนักรบ

๕. นางภิญญารัช บรรเจิดพงศ์ชัย

๖. นางสายฝน วรรณขาว

๗. นางสาวอัญชรี เข็มเพชร

๘. นางวิมล  อ่อนเส็ง

๙.นางวาสนา ครุฑเมือง

๒. วาระเรื่องแจ้ง

ประธานแจ้งว่า จากการได้แนวปฏิบัติในการดำเนินงานการตีพิมพ์เผยแพร่ผลงานวิจัยในระดับชาติและนานาชาติในการประชุมจัดการความรู้ที่ผ่านมาในวันที่27 ธันวาคมนั้นรวม ๙ แนวปฏิบัติเป็นบันไดสู่ความสำเร็จ ได้นำขึ้นแลกเปลี่ยนเรียนรู้ขยายผลในWeb Blog ของKM สู่ทั้งองค์กร แล้ว เกิดการนำไปประยุกต์ใช้มนวงกว้าง ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการขับเคลื่อนการการตีพิมพ์เผยแพร่ผลงานวิจัยในระดับชาติและนานาชาติ

วัตถุประสงค์

๑. เพื่อให้คณาจารย์เกิดการทบทวนองค์ความรู้เกี่ยวกับการตีพิมพ์เผยแพร่ผลงานวิจัยในระดับชาติและนานาชาติจากการประยุกต์ใช้แนวปฏิบัติ9ประการ

๒.เพื่อให้คณาจารย์ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ความรู้และประสบการณ์เกี่ยวกับการตีพิมพ์เผยแพร่ผลงานวิจัยในระดับชาติและนานาชาติจากการประยุกต์ใช้ตามแนวปฏิบัติ9ประการ

๓. เพื่อสร้างข้อสรุปเป็นแนวปฏิบัติที่ดีจากการประยุกต์ใช้แนวปฏิบัติ9ประการ สู่การนำไปประยุกต์ใช้ในไตรมาสที่3-4ปีงบประมาณ๒๕๖๐

๔.สำหรับการแลกเปลี่ยนความรู้มีดังนี้

๑. ดร.ศศิธร ชิดนายี ได้ให้ความเห็นว่า ได้ดำเนินการตามแนวปฏิบัติแล้วได้ผล ทำให้เกิดการดำเนินงานที่ชัดเจนและมีทิศทาง สามารถได้รับการตอบรับการตีพิมพ์ผลงานได้เร็วขึ้น

๒. ดร.ปฐพร แสงเขียว ได้ให้ความเห็นว่าทำให้เกิดการเริ่มต้นงานตีพิมพ์เผยแพร่ได้ง่ายขึ้นและกำลังดำเนินการระหว่างกระบวนการเขียนเพื่อตีพิมพ์เผยแพร่

๓. ดร.ประภาพร เห็นด้วยและสามารถใช้แนวปฏิบัติดังกล่าวจนได้รับตอบรับไปนำเสนอผลงานที่ประเทศญี่ปุ่นในวันที่21-26 มีนาคม 2560นี้

๔ .อาจารย์นภดล เลือดนักรบ ได้ให้ความเห็นว่า ได้ใช้แนวปฏิบัติดังกล่าวเป็นแนวทางในการตีพิมพ์ผลงานวิจัยและขยายผลสู่เพื่อนๆ แล้วสามารถขับเคลื่อนงานได้ดี มั่นใจ

ทุกคนเห็นด้วยกับการใช้แนวปฏิบัติที่สรุปไว้ในการKM ครั้งที่1 ดังนั้นจึงเสนอแนวปฏิบัตินี้เผยแพร่ต่อไป

สรุปองค์ความรู้ที่ได้รับและนำมาสรุปเป็นแนวปฏิบัติในการตีพิมพ์เผยแพร่ผลงานวิจัยในระดับชาติและนานาชาติ ได้ดังนี้

การตีพิมพ์เผยแพร่ผลงานวิจัยในวารสารระดับชาติและนานาชาติ

๑.วางแผนการตีพิมพ์เผยแพร่ตั้งแต่ได้รับทุนวิจัย โดยคาดการณ์ว่าจะตีพิมพ์เผยแพร่ระดับชาติหรือนานาชาติในวารสารใด หรือเมื่อต้องการตีพิมพ์ผลงานวิจัยให้เลือกลงวาสารที่ต้องการงานวิจัยประเภทเดียวกับของเรา

๒. ศึกษารูปแบบการเขียนบทความวิจัย/บทความวิชาการตามที่วารสารนั้นๆกำหนด (บทนิพนธ์ต้นฉบับ)

๓. ให้ผู้ทรงคุณวุฒิที่เกี่ยวข้องกับงานนั้นๆอ่าน วิพากษ์ให้ก่อนเป็นการส่วนตัว (หากมีผู้ยินดีอ่านให้ฟรีและเป็นผู้ใกล้ชิดหรือเครือข่ายงาน) จะได้มุมมองในการปรับเขียนงานให้ดียิ่งขึ้นก่อนส่งบทนิพนธ์ต้นฉบับไปให้บรรณาธิการของวารสารที่ต้องการตีพิมพ์

๔. ให้มีการตรวจสอบหรือปรับการเขียนบทคัดย่อและบทความวิจัยที่เป็นภาษาอังกฤษโดยผู้เชียวชาญก่อน เพื่อให้มีความชัดเจนด้านภาษาอังกฤษถูกต้อง

๕. ทำการส่งบทนิพนธ์ต้นฉบับตามหลักเกณฑ์ ระเบียบของวารสารนั้นๆอย่างเคร่งครัด เช่น ต้องเป็นสมาชิกวารสารก่อน หรือ ส่งต้นฉบับให้ครบทุกชุดและตามเงื่อนไขที่ระบุ

๖. กรณีส่งแล้วและให้ปรับปรุงแก้ไขนั้น ให้รีบดำเนินการปรับปรุงแก้ไขตามที่เสนอแนะ และส่งกลับคืนภายในเวลาที่กำหนดอย่างเคร่งครัด  และแสดงให้เห็นว่ามีการปรับปรุงตามข้อเสนอแนะโดยการขีดเส้นใต้หรือใส่แถบสี  ให้ทางวารสารเห็นได้ชัดว่าได้ดำเนินการแล้ว   สำหรับในประเด็นที่ไม่สามารถแก้ได้ให้เขียนชี้แจงไปว่าทำไม่ไม่แก้ไข ติดขัดในประเด็นใด นักวิจัยสามารถอธิบายแนวคิดของตนเองได้

๗. ส่งผลงานตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสารได้ครั้งละ1วารสารเท่านั้น หากไม่ได้รับการตอบรับในวารสารฉบับนั้นแล้ว จึงจะสามารถส่งวารสารไปลงยังวารสารอื่นต่อไปได้

๘. นักวิจัยต้องถือปฏิบัติในจริยธรรมของนักวิจัยอย่างเคร่งครัด ได้แก่ ไม่คัดลอกผลงานของผู้อื่น และไม่ไม่ส่งบทนิพนธ์ต้นฉบับไปหลายๆวารสารในเวลาเดียวกัน

๙. หาแหล่งตีพิมพ์ผลงานในวารสารได้โดยเข้าร่วมประชุมวิชาการนำเสนอผลงานวิจัยในการประชุมวิชาการระดับชาติและนานาชาติที่มีการคัดเลือกผลงานไปตีพิมพ์ในวารสารด้วย

คณาจารย์กลุ่มงานวิจัย บริการวิชาการและวิเทศสัมพันธ์

ดร.ประภาพร มโนรัตน์  ผู้รับผิดชอบการจัดการความรู้กลุ่มงานวิจัยฯ

๑๗ กุมภาพันธ์  ๒๕๖๐

01/03/2017

รายงานการประชุมการจัดการความรู้ ครั้งที่ ๔ / ๒๕๕๙ กลุ่มงานกิจการนักศึกษา วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี อุตรดิตถ์

Categories: การจัดการความรู้ วพบ.อต.
Author: admin
Time: 1:31 pm
Reactions :7 comments

รายงานการประชุมการจัดการความรู้  ครั้งที่ ๔ / ๒๕๕๙

กลุ่มงานกิจการนักศึกษา  วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี อุตรดิตถ์

วันที่ ๒๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๙ เวลา ๑๕.๐๐ – ๑๖.๓๐ น.

ณ ห้องรองผู้อำนวยการกลุ่มงานกิจการนักศึกษา

รายชื่อผู้เข้าร่วมการประชุม

๑. นางสาวนัยนา        อินธิโชติ            รองฯ กลุ่มงานกิจการนักศึกษา    (ประธาน)

๒.นางสาววราภรณ์     ยศทวี                หัวหน้าฝ่ายพัฒนานักศึกษา        (เลขานุการ)

๓.นางนิศารัตน์           นาคทั่ง              งานทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม

๔.นางผ่องศรี             พุทธรักษ์            งานพัฒนานักศึกษา

รายชื่อผู้ไม่เข้าร่วมการประชุม ไม่มี

เริ่มประชุม ๑๕. ๐๐ น.

วาระที่ ๑ เรื่องแจ้งเพื่อทราบ

ประธานแจ้งเรื่อง ทบทวนแนวทางการจัดการความรู้เรื่อง  “การพัฒนาคุณลักษณะจิตอาสาสำหรับนักศึกษา”    จากการประชุมที่ผ่านมา  ขั้นตอนที่ ๑. ได้ดำเนินการการบ่งชี้ความรู้ และขั้นตอนที่ ๒.การสร้างและแสวงหาความรู้  เกี่ยวกับ “จิตอาสา”   และได้แนวทางในการพัฒนาเกี่ยวกับพัฒนาความรับผิดชอบต่อตนเอง  และพัฒนาความรับผิดชอบต่อสังคม โดยพัฒนานักศึกษาเกี่ยวกับการสื่อสารที่ดี   คิดดี   คิดทางบวก : (Positive thinking)  มีการพูดที่ดี  ฝึกขอบคุณ  ฝึกแสดงความยินดี   ฝึกให้กําลังใจ   ฝึกชื่นชมผู้ที่มีจิตอาสาหรือจิตสาธารณะ

มติที่ประชุม รับทราบ

วาระที่ ๒. เรื่องรับรองรายงานการประชุมครั้งที่ผ่านมา

มติที่ประชุม รับรองรายงานการประชุมการจัดการความรู้ ครั้งที่ ๓/๒๕๕๙ ลงวันที่  ๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๙

วาระที่ ๓. เรื่องสืบเนื่อง

ไม่มี

วาระที่ ๔. เรื่องเพื่อพิจารณา

๑. ประธานเสนอ ให้ดำเนินการการจัดการความรู้เรื่อง  “การพัฒนาคุณลักษณะจิตอาสาสำหรับนักศึกษา”  ตามขั้นตอนที่ ๓. การจัดความรู้ให้เป็นระบบ ในฐานะที่เป็นอาจารย์ สามารถจัดการเรียนรู้และจัดกิจกรรมเพื่อพัฒนานักศึกษาให้มีจิตอาสาได้อย่างไร

อ. วราภรณ์ เสนอว่า การจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาจิตอาสาสามารถทําได้ทุกช่วงวัย  ผู้สอน เป็นหัวใจสําคัญในการปลูกฝังคุณลักษณะจิตอาสาที่สามารถพัฒนาพร้อมกัน สําหรับแนวทางการเรียนรู้จําเป็นนําองค์ความรู้เชิงทฤษฎีมาปรับประยุกต์ให้มีความเหมาะสมกับผู้เรียนในปัจจุบัน  เริ่มจากตัวผู้สอนเองที่จะต้องเป็นแบบอย่างที่ดีและค่อยๆ ขยายไปสู่การพัฒนาผู้เรียน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องพัฒนาไปให้ถึงระบบคิดของผู้เรียนมากกว่าการให้ทํากิจกรรมโดยปราศจาก

ความคิด  ควรมุ่งเน้นการเรียนรู้เพื่อปรับเปลี่ยนความคิดและมุมมอง  (Transformation of learning) ของผู้เรียน ทําให้เห็นว่าผู้เรียนแต่ละคนมีศักยภาพที่จะช่วยเหลือผู้อื่นและสังคมส่วนรวมได้ ไม่สําคัญว่าจะเรียนเก่งสอบได้คะแนนดีหรือไม่ การปรับเปลี่ยนความคิดและมุมมอง  จะทําให้ผู้เรียนเกิดการพัฒนาจิตอาสาอย่างยั่งยืนและต่อเนื่อง

อ. นัยนา เสนอว่า การพัฒนาจิตอาสาสามารถสอดแทรกได้ในทุกกิจกรรมการเรียนรู้ เช่น การช่วยเหลือเพื่อนที่เรียนไม่เข้าใจ ก็เป็ นจิตอาสาชนิดหนึ่ง   หรือการประหยัดน้ำ ไฟฟ้ า  การจัดทําโครงการจิตอาสาที่ออกไปนอกวิทยาลัย เป็นรูปแบบหนึ่งของการพัฒนาและการพัฒนาที่ยั่งยืนจะต้องเชื่อมโยงเข้าวิถีชีวิตของผู้เรียนในแต่ละชุมชนท้องถิ่น  รวมทั้ง ผู้สอนต้องสร้างความเข้าใจให้ชัดเจนว่าการมีจิตอาสานั้นจะต้องไม่เป็นการเบียดเบียนตนเองหรือบุคคลรอบข้างด้วย มิฉะนั้นจะเกิดปัญหาอื่นๆ ตามมา สิ่งใดที่เกินกําลังที่เราจะทําได้เพียงคนเดียวต้องรู้จักสร้างแนวร่วมหรือเครือข่ายมาช่วยให้สําเร็จ

อ. นิศารัตน์ เสนอว่า  การเป็ นตัวแบบที่ดีทางด้านจิตอาสาอย่างสม่ำเสมอ  เมื่อผู้สอนแสดงพฤติกรรมใดๆ ออกมาอย่างสม่าเสมอ แม้ไม่ต้องสอนโดยวาจา แต่เป็นการสอนโดยการกระทํา ผู้เรียนจะมีแนวโน้มแสดงพฤติกรรมนั้นด้วย การพัฒนาลักษณะนี้เป็นการให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้โดยกระบวนการซึมซับ การสังเกต การเลียนแบบพฤติกรรม และควรใช้ควบคู่กับการสะท้อนคิด(reflection)ของผู้เรียน  นอกจากนี้ การสร้างบรรยากาศที่กระตุ้นการเรียนรู้จิตอาสา โดยทําให้ผู้เรียนเกิดความรู้สึกร่วม(Empathy) ความเห็นอกเห็นใจ  เอาใจผู้อื่นมาใส่ใจตนเอง  เพื่อรับรู้ความรู้สึก และตอบสนองโดยการแสดงพฤติกรรมจิตอาสาอย่างถูกต้องเหมาะสม ทั้งภาษาพูดและภาษากาย

อ. ผ่องศรี เสนอว่า การจัดการเรียนรู้ต้องผ่านกระบวนการการปฏิบัติ (action learning) โดยการให้ผู้เรียนลงมือปฏิบัติกิจกรรมจิตอาสาตามความเหมาะสมด้วยตนเอง โดยไม่จําเป็นต้องจัดทําเป็นโครงการเฉพาะกิจขึ้น แต่ควรบูรณาการไปในทุกกิจกรรมการเรียนรู้และที่สําคัญจะต้องมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ผลการปฏิบัติต่อเพื่อนและผู้สอน   การจัดการเรียนรู้ต้องเปิ ดโอกาสให้ผู้เรียนสะท้อนตนเอง (self – reflection) มุ่งให้เห็นความคิดและความรู้สึกของตนเอง เมื่อได้ช่วยเหลือผู้อื่นหรือทําประโยชน์ต่อส่วนรวม รวมทั้งการกําหนดแนวทางสําหรับพัฒนาตนเองให้เป็นคนที่มีจิตอาสาต่อไป

สรุปแนวปฎิบัติการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาคุณลักษณะจิตอาสาสำหรับนักศึกษา  มีดังนี้

๑. การเป็นตัวแบบที่ทางด้านจิตอาสา

๒. การจัดการเรียนรู้ต้องผ่านกระบวนการการปฏิบัติ (action  learning)

๓. การสร้างบรรยากาศที่กระตุ้นการเรียนรู้จิตอาสา โดยทําให้ผู้เรียนเกิดความรู้สึกร่วม(Empathy)

๔. มุ่งเน้นการเรียนรู้เพื่อปรับเปลี่ยนความคิดและมุมมอง(Transformation of learning) ของผู้เรียน

๕.การจัดการเรียนรู้ต้องเปิดโอกาสให้ผู้เรียนสะท้อนตนเอง (self – reflection) มุ่งให้เห็นความคิดและความรู้สึกของตนเอง

๖.ผู้สอนต้องสร้างความเข้าใจให้ชัดเจนว่าการมีจิตอาสานั้นจะต้องไม่เป็นการเบียดเบียนตนเองหรือบุคคลรอบข้าง

ประธานขอให้เสนอแนวทางการจัดกิจกรรมพัฒนานักศึกษาเพื่อพัฒนาคุณลักษณะจิตอาสา ควรทำอย่างไร

อ. นิศารัตน์ เสนอว่า  กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์เป็นกิจกรรมที่ต้องส่งเสริมให้นักศึกษาสามารถพัฒนาตนเองตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ โดยคํานึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคลและพัฒนาการทางสมอง เน้นให้ความสําคัญทั้งความรู้ และคุณธรรมจริยธรรม จัดกิจกรรมโดยให้นักศึกษาได้แสดงความคิดสร้างสรรค์ออกแบบกิจกรรมเพื่อสาธารณประโยชน์อย่างหลากหลายรูปแบบ

อ. นัยนา เสนอว่า ต้องจัดกิจกรรมเพื่อปลูกฝังและสร้างจิตสํานึกให้แก่นักศึกษาในการบําเพ็ญตนให้เป็ นประโยชน์ต่อครอบครัว   สถาบันการศึกษา ชุมชน สังคมและประเทศชาติ  รวมทั้งจัดกิจกรรมให้นักศึกษามีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ในการจัดกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ตามความถนัดและความสนใจ

อ. วราภรณ์ ให้ความเห็นว่า กิจกรรมในลักษณะกิจกรรมบําเพ็ญประโยชน์ กิจกรรมอาสาพัฒนาหรือกิจกรรมสร้างสรรค์สังคม โดยนักศึกษาดําเนินการด้วยตนเองในลักษณะอาสาสมัคร เพื่อแสดงถึงความรับผิดชอบ ความดีงาม ความเสียสละต่อสังคม และมีจิตสาธารณะ   เป็นกิจกรรมที่ผู้ปฏิบัติกิจกรรม ปฏิบัติด้วยความสมัครใจทำเพื่อผู้อื่นและสังคม  โดยการจัดกิจกรรมต้องเน้นให้นักสศึกษาร่วมกันวิเคราะห์กิจกรรม ร่วมกันสํารวจสภาพและปัญหา ร่วมวางแผนการจัดกิจกรรม ร่วมปฏิบัติกิจกรรม ร่วมสรุปและประเมินผลการจัดกิจกรรม และร่วมรายงานผล พร้อมทั้งเผยแพร่ผลการจัดกิจกรรม

สรุปแนวปฎิบัติการจัดกิจกรรมเพื่อพัฒนาคุณลักษณะจิตอาสาสำหรับนักศึกษา  มีดังนี้

๑. จัดกิจกรรมที่ส่งเสริมให้นักศึกษาสามารถพัฒนาตนเองตามความถนัดและความสนใจเ ต็มตามศักยภาพ

๒. จัดกิจกรรมโดยให้นักศึกษาได้แสดงความคิดสร้างสรรค์ออกแบบกิจกรรมอย่างหลากหลายรูปแบบ

๓. จัดกิจกรรมเพื่อปลูกฝังและสร้างจิตสํานึกให้แก่นักศึกษาในการบําเพ็ญตนให้เป็ นประโยชน์ต่อครอบครัว   สถาบันการศึกษา ชุมชน สังคม

๔. จัดกิจกรรมในลักษณะกิจกรรมบําเพ็ญประโยชน์ กิจกรรมอาสาพัฒนาหรือกิจกรรมสร้างสรรค์สังคม

๕. รูปแบบกิจกรรมต้องเน้นให้นักศึกษาร่วมกันวิเคราะห์  สํารวจสภาพและปัญหา  วางแผนการจัดกิจกรรม ร่วมปฏิบัติกิจกรรม ร่วมสรุปและประเมินผลการจัดกิจกรรม

ประธานสรุปว่า การดำเนินการจัดการความรู้เกี่ยวกับ “การพัฒนาคุณลักษณะจิตอาสาสำหรับนักศึกษา”  ในขั้นตอนที่๓ การจัดความรู้ให้เป็นระบบ และขั้นตอนที่ ๔ การประมวลและกลั่นกรองความรู้ ทำให้ได้แนวปฏิบัติ 2 เรื่อง  คือ ๑) แนวปฎิบัติการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาคุณลักษณะจิตอาสาสำหรับนักศึกษา  และ ๒)  แนวปฎิบัติการจัดกิจกรรมเพื่อพัฒนาคุณลักษณะจิตอาสาสำหรับนักศึกษา   ซึ่งจะได้ดำเนินการขั้นตอนที่ ๕.การเข้าถึงความรู้ และขั้นตอนที่ ๖ การแบ่งปันแลกเปลี่ยนความรู้   โดยจะนำไปประชาสัมพันธ์เผยแพร่ไว้ใน Web board KM ของวิทยาลัย เพื่อให้อาจารย์จากกลุ่มงานอื่นและผู้สนใจได้ร่วมแลกเปลี่ยนความรู้ต่อไป

มติที่ประชุม รับทราบ

วาระที่ ๕. เรื่องที่เสนอให้ที่ประชุมพิจารณา

ไม่มี

วาระที่ ๖. เรื่องอื่น ๆ

ไม่มี

ปิดประชุมเวลา ๑๖.๓๐ น.

ลงชื่อ …………………………………………….ผู้บันทึกการประชุม

(นางสาววราภรณ์   ยศทวี)

ลงชื่อ ……………………………………………….ประธานการประชุม

(นางสาวนัยนา  อินธิโชติ)

รายงานการประชุมการจัดการความรู้ ครั้งที่ ๓ / ๒๕๕๙ กลุ่มงานกิจการนักศึกษา วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี อุตรดิตถ์

Categories: การจัดการความรู้ วพบ.อต.
Author: admin
Time: 1:30 pm
Reactions :7 comments

รายงานการประชุมการจัดการความรู้  ครั้งที่ ๓ / ๒๕๕๙

กลุ่มงานกิจการนักศึกษา  วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี อุตรดิตถ์

วันที่ ๒๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ เวลา ๑๕.๓๐ – ๑๖.๓๐ น.

ณ ห้องรองผู้อำนวยการกลุ่มงานกิจการนักศึกษา

รายชื่อผู้เข้าร่วมการประชุม

๑. นางสาวนัยนา        อินธิโชติ            รองฯ กลุ่มงานกิจการนักศึกษา    (ประธาน)

๒.นางสาววราภรณ์     ยศทวี                หัวหน้าฝ่ายพัฒนานักศึกษา        (เลขานุการ)

๓.นางนิศารัตน์           นาคทั่ง              งานทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม

๔.นางผ่องศรี             พุทธรักษ์            งานพัฒนานักศึกษา

รายชื่อผู้ไม่เข้าร่วมการประชุม ไม่มี

เริ่มประชุม ๑๕. ๓๐ น.

วาระที่ ๑ เรื่องแจ้งเพื่อทราบ

ประธานแจ้งเรื่อง   สืบเนื่องจากงานการประกันคุณภาพการศึกษา ในการดำเนินงานปีการศึกษา ๒๕๕๙ นั้น  แต่ละกลุ่มงานต้องมีการการจัดการความรู้เกี่ยวกับงานของแต่ละกลุ่มงาน  ซึ่งในปีการศึกษาที่ผ่านมา กลุ่มงานกิจการนักศึกษาได้ดำเนินการจัดการความรู้เรื่อง ”การจัดกิจกรรมพัฒนานักศึกษาอย่างเป็นระบบ”   ซึ่งได้จัดทำเป็นแนวปฏิบัติและนำมาใช้ในปีการศึกษา ๒๕๕๙ ต่อไป และจากการดำเนินงานของการพัฒนานักศึกษา ทางกลุ่มงานพบว่า ได้พัฒนานักศึกษาตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษา โดยการส่งเสริมให้นักศึกษาระดับปริญญาตรี นำความรู้ด้านการประกันคุณภาพไปใช้ในการจัดกิจกรรมที่ดำเนินการโดยนักศึกษา จากกิจกรรมต่อไปนี้  1) กิจกรรมวิชาการที่ส่งเสริมคุณลักษณะบัณฑิตที่พึงประสงค์  2) กิจกรรมกีฬาหรือการส่งเสริมสุขภาพ  3 ) กิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์หรือรักษาสิ่งแวดล้อม  4)กิจกรรมเสริมสร้างคุณธรรมและจริยธรรม  5 ) กิจกรรมส่งเสริมศิลปะและวัฒนธรรม ซึ่งการพัฒนานักศึกษาในแต่ละปีที่ผ่านมาได้พัฒนาครบทุกด้านทั้ง ๕ กิจกรรมโดยส่วนใหญ่มุ่งเน้น)กิจกรรมเสริมสร้างคุณธรรมและจริยธรรมและกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์หรือรักษาสิ่งแวดล้อม   ซึ่งจะส่งผลให้บัณฑิตเป็นคนดี มีคามสุข  ดังนั้น ในปีการศึกษา ๒๕๕๙ กลุ่มงานกิจการนักศึกษาจึงวางแผนดำเนินการการจัดการความรู้ เรื่อง “การพัฒนาคุณลักษณะจิตอาสาสำหรับนักศึกษา”

ดังนั้นจึงขอให้ทุกคนช่วยกันกำหนดประเด็นที่กลุ่มงานน่าจะนำมาสู่การจัดการความรู้ของกลุ่มงานเพื่อให้เกิดแนวปฏิบัติที่ดีในการพัฒนานักศึกษา

ประธานทบทวนความรู้เกี่ยวกับการจัดการความรู้ เพื่อใช้ในการดำเนินงานพัฒนานักศึกษา กลุ่มงานกิจการนักศึกษา ใช้กระบวนการจัดการความรู้ ๗ ขั้นตอน มาประกอบใช้การจัดทำ KM ดังนี้

๑.การบ่งชี้ความรู้ เป็นการพิจารณาว่ากลุ่มงาน มีวิสัยทัศน์ พันธกิจ ยุทธศาสตร์ เป้าหมายคืออะไร และเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย เราจำเป็นต้องใช้ความรู้อะไร ขณะนี้เรามีความรู้อะไรบ้างอยู่ในรูปแบบใดและอยู่ที่ใคร

๒.การสร้างและแสวงหาความรู้ เป็นการรวบรวม/สกัดความรู้ ทั้งความรู้ชัดแจ้ง (Explicit  Knowledge) จากเอกสาร หรือความรู้ฝังลึก (Tacit Knowledge) ที่อยู่ในตัวบุคคลจากภายในและ/หรือภายนอก โดยอาศัยเครื่องมือ/วิธีการต่างๆ ในการสร้างและแสวงหาความรู้ที่เหมาะสม เช่น การรวบรวมกฎระเบียบ คู่มือ มาตรฐานการปฏิบัติงาน การถอดความรู้จากตัวบุคคล เช่น การประชุมระดมสมอง การสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญ การถอดบทเรียนหลังการปฏิบัติงาน เป็นต้น

๓.การจัดความรู้ให้เป็นระบบ เป็นการวางโครงสร้างความรู้ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเก็บความรู้ อย่างเป็นระบบในอนาคต

๔.การประมวลและกลั่นกรองความรู้ เป็นการปรับปรุงรูปแบบเอกสารให้เป็นมาตรฐาน ปรับปรุง เนื้อหาให้สมบูรณ์ จากการประชุมพิจารณาร่วมกัน หรือตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญในองค์ความรู้นั้น

๕.การเข้าถึงความรู้ เป็นการทำให้ผู้ใช้ความรู้เข้าถึงความรู้ที่ต้องการได้ง่ายและสะดวก เช่น ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) Web board บอร์ดประชาสัมพันธ์ เป็นต้น

๖.การแบ่งปันแลกเปลี่ยนความรู้ มีเครื่องมือหลากหลาย ประเภทถูกสร้างขึ้นมาเพื่อนำไปใช้ในการถ่ายทอดและแลกเปลี่ยนความรู้

๗.การเรียนรู้ ควรทำให้การเรียนรู้เป็นส่วนหนึ่งของงาน เป็นการนำความรู้ที่ได้จากการแลกเปลี่ยนไปใช้ประโยชน์ในการทำงานเพื่อแก้ปัญหา ปรับปรุง หรือพัฒนางาน เพื่อให้ดีขึ้นกว่าเดิม เมื่อปฏิบัติตามแล้วมีปัญหาตรงไหน มีจุดที่ต้องปรับปรุงแก้ไขอย่างไร ผู้ปฏิบัติก็แจ้งข้อมูลป้อนกลับ (Feedback) เพื่อให้กลุ่มงานนำไปพิจารณา ปรับปรุงงาน เกิดระบบการเรียนรู้ สร้างองค์ความรู้ นำความรู้ไปใช้ เกิดการเรียนรู้มีประสบการณ์ใหม่ๆ และหมุนเวียนต่อไปอย่างต่อเนื่อง

มติที่ประชุม รับทราบ

ประธานให้ที่ประชุมแลกเปลี่ยนความรู้เกี่ยวกับ “การพัฒนาคุณลักษณะจิตอาสาสำหรับนักศึกษา”    ระบบการ

วาระที่ ๒. เรื่องรับรองรายงานการประชุมครั้งที่ผ่านมา

มติที่ประชุม รับรองรายงานการประชุมการจัดการความรู้ ครั้งที่ ๒/๒๕๕๙ ลงวันที่  ๑๖ มิถุนายน ๒๕๕๙

วาระที่ ๓. เรื่องสืบเนื่อง

ไม่มี

วาระที่ ๔. เรื่องเพื่อพิจารณา

๑. ประธานเสนอ ให้ดำเนินการตาม ขั้นตอนที่ ๑. การบ่งชี้ความรู้  และ ขั้นตอนที่ ๒.การสร้างและแสวงหาความรู้  ขอให้ช่วยกันกำหนดว่า เราจำเป็นต้องใช้ความรู้ เกี่ยวกับเรื่ง ความหมายของจิตอาสา / จิตสาธารณะ และแนวทางการพัฒนานักศึกษาให้มรจิตอาสา/จิตสาธารณะ  ขอให้อาจารย์เสนอ ความหมายของจิตอาสา / จิตสาธารณะ

อ. วราภรณ์ เสนอว่า เราต้องทบทวนความรู้เกี่ยวกับ “จิตอาสา”   ” เป็นงานที่เกิดจากผู้ที่มีความเอื้อเฟื้อ เสียสละเวลา แรงกาย แรงใจ เพื่อช่วยเหลือผู้อื่น หรือสังคมให้เกิดประโยชน์และความสุขมากขึ้น

อ. นิศารัตน์ เสนอว่า เป็นงานใดๆ ก็แล้วแต่ที่ทําให้เกิดประโยชน์ในทางบวก ล้วนแต่เป็นสิ่งที่เราควรทําทังสิ้น

คนที่จะเป็ นอาสาสมัครหรือเป็นคนมีจิตอาสาได้นั้น ไม่ได้จํากัดวัย  การศึกษา  เพศ อาชีพ ฐานะ หรือ ข้อจํากัด ใดๆ หากแต่ต้องมีจิตใจ เป็ น “จิตอาสา” ที่อยากจะช่วยเหลือผู้อี่น หรือสังคมเท่านั้น

อ. นัยนา เสนอว่า เป็นจิตสํานึกเพื่อส่วนรวม ความรู้สึกถึงการเป็นเจ้าของในสิ่งทีเป็นสาธารณะ ในสิทธิและหน้าที่ทีจะดูแลและบํารุงรักษาร่วมกัน เช่น การช่วยกันดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม โดยการไม่ทิ้งขยะลงในแหล่งน้ำการดูแลรักษา สาธารณะสมบัติ ที่เป็นของส่วนรวม โดยให้เกิดประโยชน์คุ้มค่าตลอดจนช่วยดูแลรักษาให้ความช่วยเหลือผู้ทุกข์ได้ยาก หรือผู้ที่ร้องขอความช่วยเหลือเท่าที่จะทําได้  ตลอดจนร่วมมือกระทําเพื่อช่วยกันแก้ปัญหา

แนวทางการสร้างจิตอาสา/จิตสาธารณะ

อ. นิศารัตน์ เสนอว่า  ต้องสร้างวินัยในตนเองของนักศึกษา และสร้างสำนึกในการให้ความสำคัญของสิ่งแวดล้อม

อ. นัยนา เสนอว่า ต้องสร้างให้นักศึกษาตระหนักถึงปัญหาและผลกระทบที่เกิดขึ้นกับสังคม และต้องยึดหลักธรรมในการดําเนินชีวิต

อ. วราภรณ์ เสนอว่า   ต้องมีความรับผิดชอบการกระทําของตนเอง   ไม่ให้เกิดผลกระทบและเกิดความเสียหายต่อส่วนรวม  รวมทั้งต้อง มีบทบาทช่วยสังคมในการรักษาประโยชน์ของส่วนรวม เพื่อแก้ปัญหาและสร้างสรรค์สังคม ซึ่งถือว่า     เป็นความรับผิดชอบต่อตนเองและสังคม

แนวทางการพัฒนาความรับผิดชอบต่อตนเอง

๑. ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนหาความรู้

๒. รู้จักการออกกําลังกายเพือสุขภาพให้แข็งแรงสมบรูณ์

๓. มีความประหยัดรู้จักความพอดี

๔. ประพฤติตัวให้เหมาะสม ละเว้นการกระทําที่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสีย

๕. ทํางานที่ได้รับมอบหมายให้สําเร็จ

๖. มีความรับผิดชอบ ตรงเวลา สามารถพึ่งพาตนเองได้

แนวทางการพัฒนาความรับผิดชอบต่อสังคม

๑. มีความรับผิดชอบต่อครอบครัว เช่น เชื่อฟังพ่อแม่ ช่วยเหลืองานบ้าน   ไม่ทําให้พ่อแม่เสียใจ

๒. มีความรับผิดชอบต่อสถาบันการศึกษา  ครูอาจารย์ เช่น ตั้งใจเล่าเรียน เชื่อฟังคําสั่งสอนของครูอาจารย์  ปฏิบัติตามกฎระเบียบวินัยของสถาบัน  ช่วยรักษาทรัพย์สมบัติของสถาบัน

๓. มีความรับผิดชอบต่อบุคคลอื่น  เช่น  ให้ความช่วยเหลือ   ให้คําแนะนํา   ไม่เอาเปรียบ  เคารพสิทธิซึ่งกันและกัน

๔. มีความรับผิดชอบในฐานะพลเมือง เช่น ปฏิบัติตามกฎระเบียบของสังคม ปฏิบัติตามกฎหมาย รักษาสมบัติของส่วนรวม ให้ความร่วมมือต่อสังคมในฐานะพลเมืองดี

สิ่งสำตัญ . ผู้มีจิตอาสา ควรจะต้องมีการสื่อสารที่ดี   คิดดี   คิดทางบวก : (Positive thinking)  มีวจีกรรมที่ดี ฝึกขอบคุณ  ฝ กแสดงความยินดี   ฝึกให้กําลังใจ   ฝึกชื่นชมผู้ที่มีจิตอาสาหรือจิตสาธารณะ

ประธานสรุป ในวันนี้ขั้นตอนที่ ๑. ได้ดำเนินการการบ่งชี้ความรู้ และขั้นตอนที่ ๒.การสร้างและแสวงหาความรู้  เกี่ยวกับ “จิตอาสา”   ซี่งในการประชุมครั้งต่อไปจะดำเนินการจัดการความรู้ในขั้นตอนต่อไป

วาระที่ ๕. เรื่องที่เสนอให้ที่ประชุมพิจารณา

ไม่มี

วาระที่ ๖. เรื่องอื่น ๆ

ไม่มี

ปิดประชุมเวลา ๑๖.๓๐ น.

ลงชื่อ …………………………………………….ผู้บันทึกการประชุม

(นางสาววราภรณ์   ยศทวี)

ลงชื่อ ……………………………………………….ประธานการประชุม

(นางสาวนัยนา  อินธิโชติ)

28/02/2017

รายงานการประชุมกลุ่มงานบริหาร ครั้งที่ 2 / 2559

Categories: การจัดการความรู้ วพบ.อต.
Author: admin
Time: 9:40 am
Reactions :16 comments

รายงานการประชุมกลุ่มงานบริหาร

ครั้งที่ 2 / 2559

เมื่อวันที่    9   พฤศจิกายน  59

ณ ห้องประชุมกาสะลอง  วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี อุตรดิตถ์

——————————

ผู้เข้าร่วมประชุม

1. นางสาวดุจเดือน  เขียวเหลือง    ตำแหน่ง รองผู้อำนายการกลุ่มงานบริหาร          ประธาน

2. นายไพทูรย์  มาผิว                ตำแหน่ง หัวหน้าฝ่ายยุทธศาสตร์และพัฒนาคุณภาพ

3. นางสาววิไลวรรณ  บุญเรือง      ตำแหน่ง หัวหน้าฝ่ายพัฒนาบุคลากรและความเสี่ยง

4. นางสาวนัยนา  แก้วคง           ตำแหน่ง หัวหน้าฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศและวิทยบริการ

5. นางสาวนัดดา  กอบแก้ว         ตำแหน่ง  หัวหน้าฝ่ายบริหารงานทั่วไป

6. นางสาวสุดารัตน์  ไชยประสิทธิ์   ตำแหน่ง  พยาบาลวิชาชีพชำนาญการพิเศษ

7. นายนพณัฐ    รุจิเรืองอนันต์       ตำแหน่ง  เจ้าพนักงานธุรการชำนาญงาน

8. นางอรุณรัตน์  พรมมา             ตำแหน่ง พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ

9. นายสืบตระกูล  ตันตลานุกูล      ตำแหน่ง พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ

10. นายภราดร  ล้อธรรมมา          ตำแหน่ง พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ

11. นางสาวจิราพร  วิศิษฎ์โกศล     ตำแหน่ง พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ

12. นางนงคราญ  เยาวรัตน์         ตำแหน่ง เจ้าพนักงานการเงินและบัญชีชำนาญงาน

13. นางสุกัญญา  อุมรินทร์           ตำแหน่ง เจ้าหน้าที่การเงิน

14. นางสุพัตรา  มากำเหนิด        ตำแหน่ง เจ้าหน้าที่บัญชี

15. นางพิชญ์ชาภรณ์  มูลประโคนชัย ตำแหน่ง เจ้าหน้าที่พัสดุ

16. นางสาวจุฑามาศ  ประเสริฐ    ตำแหน่ง นักวิชาการเงินและบัญชี                   เลขานุการ

จำนวนผู้เข้าร่วมประชุม

อาจารย์                    จำนวน    9  คน   คิดเป็นร้อยละ  100

เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง       จำนวน   7  คน   คิดเป็นร้อยละ  100

ผู้ไม่เข้าร่วมประชุม

ไม่มี

เริ่มประชุมเวลา 15.00 น.

วาระที่ 1. เรื่องที่ประธานแจ้งเพื่อทราบ

-                    ประธานแจ้งในที่ประชุมให้ทราบในเรื่องของการกำกับติดตามการใช้จ่ายงบประมาณในไตรมาสที่ 1

-                    ความก้าวหน้าในการจัดทำการจัดการความรู้ของกลุ่มงานบริหาร  โดยดำเนินการถึงขั้นตอนการรวบรวมความรู้เกี่ยวกับระเบียบ,  แนวทางการเบิกจ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามระเบียบที่กำหนด

มติที่ประชุม รับทราบ

วาระที่ 2. เรื่องรับรองรายงานการประชุม

รับรองรายงานการประชุมครั้งที่  1/ 2559  เมื่อวันที่   5  ตุลาคม  2559

มติที่ประชุม รับทราบ

วาระที่ 3. เรื่องสืบเนื่อง

งานการเงินได้นำประเด็นปัญหาที่ทำให้การเบิกจ่ายไม่เป็นไปตามกำหนดไปหารือเพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหากันภายในกลุ่มงานนั้นเรียบร้อยแล้ว

มติของกลุ่มงาน รับทราบตามที่งานการเงินเสนอ

วาระที่ 4. เรื่องเพื่อพิจารณา

การสร้างและแสวงหาความรู้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันของกลุ่มงานบริหาร

  1. ประธานทบทวนประเด็นปัญหาและขอให้แสดงความคิดเห็น  แลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันเกี่ยวกับเรื่องการเร่งรัดการเบิกจ่ายและเพิ่มประสิทธิภาพการเบิกจ่ายให้ถูกต้องตามระเบียบ

มติที่ประชุม จากการทบทวนประเด็นปัญหาในการแลกเปลี่ยนความคิดร่วมกันในการประชุมครั้งที่ผ่านมา พบว่า  ประเด็นปัญหาที่ทำให้การเบิกจ่ายไม่เป็นไปตามกำหนด มีดังนี้

  1. การเบิกจ่ายงบประมาณล่าช้า ไม่เป็นไปตามระยะเวลาที่กำหนด
  2. เอกสารหลักฐานในการเบิกจ่ายไม่ครบถ้วน   ทำให้การเบิกจ่ายล่าช้า
  3. ส่งหลักฐานยืมเงินราชการไม่เป็นไปตามกำหนด
  4. เอกสารประกอบการยืมเงินไม่ครบถ้วน
  5. ส่งใช้เงินยืมไม่ตรงตามกำหนดระยะเวลา และหลักฐานการส่งใช้ไม่ครบตามจำนวนเงินที่ยืม
  6. ผู้ยืมเงินไม่มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับระเบียบ คำสั่ง และแนวปฏิบัติที่เกี่ยวข้องทำให้ปฏิบัติไม่ถูกต้อง
  7. ผู้ยืมเงินไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในโครงการ/งานที่ขออนุมัติดำเนินการ
  8. ผู้ยืมเงินขออนุมัติยืมเงิน เมื่อใกล้ระยะเวลาที่ต้องดำเนินการ ทำให้ได้รับเงินยืมไม่ทันวันที่ต้องดำเนินการตามแผน/โครงการ
  9. ผู้ยืมเงินประมาณการค่าใช้จ่ายและยืมเงินเกินความจำเป็น โดยนำเงินสดมาส่งคืนภายหลังเป็นจำนวนมาก หากปฏิบัติบ่อยครั้งแสดงถึงเจตนาจงใจนำเงินราชการไปใช้ก่อน
  10. การขออนุมัติเดินทางอย่างกระชั้นชิดผู้มีอำนาจอนุมัติไม่สามารถอนุมัติก่อนการเดินทางได้
  11. การเบิกค่าเช่าที่พักเกินสิทธิของตนเอง
  12. ใบเสร็จรับเงิน กากบัตรโดยสารเครื่องบิน หรือใบรับเงิน (Itinerary Receipt) สูญหายระหว่างการเดินทางไปราชการ
  13. บุคลากรยังขาดความรู้ความเข้าใจ/ความชำนาญ/ความเชี่ยวชาญ ในกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับหรือแนวปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับการเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ

และมีแนวทางในการแก้ไขปัญหาตามระเบียบต่างๆที่ค้นคว้ามาประกอบ ซี่งในแต่ท่านต่างมีความคิดเห็นที่สอดคล้องกับการศึกษาค้นคว้าตามระเบียบต่างๆ

-          นางนงคราญ  เยาวรัตน์  เจ้าพนังานการเงินและบัญชีชำนาญงาน  ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการทำงานที่พบเห็นเป็นประจำเกี่ยวกับการแนวทางในการแก้ไขปัญหาการเบิกจ่ายเงินไม่เป็นไปตามกำหนด  เพื่อให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน  ถูกต้อง  และมีประสิทธิภาพตามระเบียบการเบิกจ่ายเงินนั้น  ควรปฏิบัติตามรายละเอียดที่กำหนดในระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรม  การจัดงานและการประชุมระหว่างประเทศ(ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2555,  พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยเรื่องค่าใช้จ่ายเดินทางไปราชการ พ.ศ. 2526, ระเบียบการเก็บรักษาเงินและการการนำเงินส่งคลังของส่วนราชการ พ.ศ.2520 ส่วนที 4 เรื่องการจ่ายเงินยืม  ดังนี้

ลำดับ ประเด็นปัญหา แนวทางการแก้ไข
1 การเบิกจ่ายงบประมาณล่าช้า ไม่เป็นไปตามระยะเวลาที่กำหนด มีการติดตามเร่งรัดกเบิกจ่ายให้เป็นไปตามไตรมาสที่กำหนดและแผนการใช้จ่ายงบประมาณดังนี้

ไตรมาสที่ 1  ร้อยละ  30

ไตรมาสที่ 2  ร้อยละ 22

ไตรมาสที่ 3  ร้อยละ 21

ไตรมาสที่ 4  ร้อยละ 23

2 เอกสารหลักฐานในการเบิกจ่ายไม่ครบถ้วน      ทำให้การเบิกจ่ายล่าช้า การจัดเตรียมเอกสารหลักฐานในการจัดซื้อ/จัดจ้าง  ดังนี้

1. เอกสารในการสร้างหลักผู้ขาย (กรณีรายใหม่) จัดส่งอย่างละ 2 ชุด

1.1  บุคคลธรรมดา

- สำเนาบัตรประชาชน,สำเนาทะเบียนบ้าน,

สำเนาสมุดหน้าบัญชีธนาคาร

1.2 ร้านค้า

- สำเนาบัตรประชาชน,สำเนาทะเบียนบ้าน,

สำเนาหน้าบัญชีธนาคาร,สำเนาทะเบียนการค้า/พาณิชย์

1.3 นิติบุคคล

- หลักฐานผู้มีอำนาจ,ผู้รับมอบอำนาจ(สำเนาบัตรประชาชน,สำเนาทะเบียนบ้าน) สำเนาหนังสือรับรองจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล, สำเนาภาษีมูลค่าเพิ่ม,สำเนาสมุดบัญชีธนาคาร

**ควรส่งก่อนจัดซื้อ/จัดจ้างอย่างน้อย 7 วันทำการ

2.เอกสารที่จัดส่งในการจัดซื้อ/จัดจ้าง

1) บันทึกขออนุมัติดำเนินการตามโครงการ

2) บันทึกรายงานขอความเห็นชอบจัดซื้อ/จัดจ้าง

3) สำเนาโครงการ

4) สำเนาหนังสือการโอนจัดสรรเงินประจำงวด              5) ใบเสนอราคา

ลำดับ ประเด็นปัญหา แนวทางการแก้ไข
6) ใบสั่งซื้อ/สั่งจ้าง

7) ใบส่งมอบงาน/ใบส่งของ

8) ใบตรวจรับ

9) หนังสือขออนุมัติเบิกจ่ายเงิน

10) กรณีวงเงินเกิน 5,000 บาท สำเนา

หลักฐานจากระบบ e-GP

11) รูปภาพผลผลิตการจัดจ้าง/จัดซื้อ

การดำเนินการจัดซื้อ/จัดจ้าง

- ในแต่ละครั้งหากมีวงเงินตั้งแต่  5,000  บาทขึ้นไป ขอให้ดำเนินการจัดซื้อ/ จัดจ้างในระบบอิเล็กทรอนิกส์(ระบบe-GP)

- การจัดจ้าง จะต้องติดอากรแสตมป์ (1,000 บาท ต่ออากรแสตมป์  1 บาท)

- การจัดจ้าง ขอให้แจงรายละเอียดให้ครบถ้วนด้วย  โดยกำหนดขอบเขตงานจ้างและปริมาณงานประกอบ

- การจัดซื้อ ควรดำเนินการจัดซื้อก่อนดำเนินการ อย่างน้อย 3 วันทำการ

3. เอกสารที่ต้องส่งเบิกจ่ายในโครงการฝึกอบรม/สัมมนา

1. บันทึกขออนุมัติดำเนินการตามโครงการ/กิจกรรมฉบับจริง

2. ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการใช้และการตกแต่งสถานที่ฝึกอบรม,ค่าใช้จ่ายในพิธีเปิด-ปิด การฝึกอบรม, ค่าวัสดุ เครื่องเขียนและอุปกรณ์, ค่าประกาศนียบัตร, ค่าถ่ายเอกสาร ค่าพิมพ์เอกสารและสิ่งพิมพ์, ค่าหนังสือสำหรับผู้เข้ารับการฝึกอบรม, ค่าใช้จ่ายในการติดต่อสื่อสาร เช่น อินเตอร์โรงแรม, ค่าเช่าอุปกรณ์ต่างๆในการฝึกอบรม     เอกสารฉบับจริงดำเนินการตามระเบียบพัสดุ

3. ค่าอาหารว่างและเครื่องดื่ม     ใบสำคัญรับเงินพร้อมสำเนาบัตรประชาชน หรือใบเสร็จรับเงิน, ลายเซ็นผู้เข้าร่วมอบรม

4. ค่ากระเป๋าหรือสิ่งที่ใช้บรรจุเอกสารสำหรับผู้เข้ารับการฝึกอบรม***เบิกจ่ายเท่าที่จ่ายจริงไม่เกินใบละ 300  บาท     เอกสารฉบับจริงดำเนินตาม

ลำดับ ประเด็นปัญหา แนวทางการแก้ไข
ระเบียบพัสดุ

5. ค่าของสมนาคุณในการดูงาน***เบิกจ่ายเท่าที่จ่ายจริงไม่เกินแห่งละ 1,500  บาท     เอกสารฉบับจริงดำเนินตามระเบียบพัสดุ

6. ค่าตอบแทนวิทยากร     ใบสำคัญรับเงินสำหรับวิทยากร, หนังสือเชิญ} หนังสือตอบรับกรณีหน่วยงานตอบกลับในนามหน่วยงาน (ยกเว้นเอกชน), สำเนาบัตรประชาชน(ถ้ามี)

7. ค่าอาหาร    ใบสำคัญรับเงินพร้อมสำเนาบัตรประชาชน  หรือใบเสร็จรับเงิน, ลายเซ็นผู้เข้าร่วมอบรม

8. ค่าเช่าที่พัก   ใบเสร็จรับเงิน, Folio

9.ค่ายานพาหนะ กรณีใช้รถยนต์ราชการ ใบขออนุมัติใช้รถยนต์ราชการ, ใบเสร็จค่าน้ำมัน, หนังสือขออนุญาตเดินทางไปราชการและออกนอกเขตจังหวัด/หนังสือขออนุมัติเดินทางไปราชการ, ใบเสร็จค่าทางด่วน

10. กรณีเดินทางโดยเครื่องบิน ใบเสร็จ, กากบัตรโดยสาร(บอดิ้งพาส)

11. กรณีเช่ายานพาหนะ เอกสารฉบับจริงดำเนินการตามระเบียบพัสดุ

12. กรณีเดินทางโดยรถส่วนตัว

ค่าชดเชยการใช้พาหนะส่วนตัวกม.ละ 4 บาท (สำหรับวิทยากร)     หนังสือขออนุมัติเดินทางไปราชการโดยรถยนต์ส่วนตัวจากต้นสังกัด (กรณีส่วนราชการ), แนบระยะทางตามการคำนวณของกรมทางหลวง

13. กรณีเดินทางค่าพาหนะรับจ้าง/รถไฟ/รถประจำทาง ใบรับรองแทนใบเสร็จรับเงิน(บก.111)

3

4

ส่งหลักฐานยืมเงินราชการไม่เป็นไปตามกำหนด

เอกสารประกอบการยืมเงินไม่ครบถ้วน

-  ส่งหลักฐานการยืมเงินก่อนดำเนินการ อย่างช้า   5 วันทำการ

- ส่งหลักฐานประกอบการยืมเงินให้ครบถ้วน ได้แก่ สำเนาขออนุมัติดำเนินการ, สัญญายืมเงิน 3 ฉบับ, สำเนาโครงการ, กำหนดการประชุม/ตารางฝึกอบรม

-  หลักฐานเอกสารถูกต้อง ครบถ้วน จะเบิกจ่ายเงินยืมให้ ภายใน 3 วันทำการ

ลำดับ ประเด็นปัญหา แนวทางการแก้ไข
5 ส่งใช้เงินยืมไม่ตรงตามกำหนดระยะเวลา และ

หลักฐานการส่งใช้ไม่ครบตามจำนวนเงินที่ยืม

- งบโครงการ/กิจกรรมส่งหลักฐานใช้เงินยืมภายใน 30 วันหลังจากที่ได้รับงิน , งบค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการภายใน 15 วัน หลังจากที่กลับมาถึงที่พัก

- จัดส่งหลักฐานใช้เงินยืมตามรายละเอียดที่ขอยืม

- หากไม่สามารถส่งใช้ได้ตรงตามกำหนด ให้จัดทำบักทึกชี้แจงเหตุผล

- หากไม่สามารถใช้จ่ายเงินยืมตามระยะเวลาที่กำหนดได้ ให้ส่งเงินยืมคืนพร้อมชี้แจงเหตุผล

- กรณีเลยกำหนดระยะเวลาการส่งใช้เงินยืมคืน จะทำหนังสือแจ้งเตือน หรือหักเงินเดือน หรือคิดดอกเบี้ยผู้ที่ส่งเงินยืมล่าช้า และรายงานผู้บริหารเป็นระยะๆ

6 ผู้ยืมเงินไม่มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับระเบียบ คำสั่ง และแนวปฏิบัติที่เกี่ยวข้องทำให้ปฏิบัติไม่ถูกต้อง - ควรจัดอบรมหรือให้ความรู้ เกี่ยวกับหลักเกณฑ์การขออนุมัติยืมเงิน,  การส่งใช้เงิน, บทลงโทษ และระเบียบที่เกี่ยวข้องให้แก่บุคลากรของวิทยาลัยหรือผู้ยืม

- การยืมเงิน ให้ผู้ยืมผ่านเรื่องขออนุมัติยืม

เงินให้หัวหน้ากลุ่มงานเพื่อตรวจสอบรายละเอียดให้ถูกต้องก่อนเสนอ

วิทยาลัยควรจัดทำคู่มือและแจกคู่มือการปฏิบัติงานเผยแพร่ กฎ ระเบียบ และขั้นตอนการปฏิบัติงานให้ผู้ยืมได้รับทราบ หรือเผยแพร่ทางเว็บไซด์

7 ผู้ยืมเงินไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในโครงการ/งานที่ขออนุมัติดำเนินการ - เจ้าหน้าที่การเงินควรชี้แจงให้บุคลากรของวิทยาลัยหรือผู้ยืมได้รับทราบว่าผู้มีสิทธิ์ยืมเงินต้องเป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับภาระงานที่ต้องยืม เช่นผู้เดินทางไปราชการ ฯลฯ
8 ผู้ยืมเงินขออนุมัติยืมเงิน เมื่อใกล้ระยะเวลาที่ต้องดำเนินการ ทำให้ได้รับเงินยืมไม่ทันวันที่ต้องดำเนินการตามแผน/โครงการ - ผู้ยืมเงินควรวางแผนการใช้เงินตั้งแต่ต้นปีงบประมาณและเสนอขออนุมัติดำเนินการ เมื่อได้รับอนุมัติแล้วให้รีบขออนุมัติยืมเงินไว้ล่วงหน้าก่อนเพื่อจัดซื้อจัดจ้างและดำเนินการได้ทันงานตามแผน
ลำดับ ประเด็นปัญหา แนวทางการแก้ไข
9 ผู้ยืมเงินประมาณการค่าใช้จ่ายและยืมเงินเกินความจำเป็น โดยนำเงินสดมาส่งคืนภายหลังเป็นจำนวนมาก หากปฏิบัติบ่อยครั้งแสดงถึงเจตนาจงใจนำเงินราชการไปใช้ก่อน -  เมื่อผู้ยืมขออนุมัติยืมเงินเสนอโครงการ/กิจกรรมแล้วเจ้าหน้าที่การเงินหรือหัวหน้ากลุ่มควรตรวจสอบและเสนอตัดวงเงินให้ยืมเท่าที่จำเป็นและควรตั้งข้อสังเกตว่าผู้ยืมเงินรายใดที่เสนอเกินความจำเป็นบ่อยครั้ง  เพื่อเพิ่มความระมัดระวังและหาแนวทางป้องกันและดำเนินการต่อไป
10 การขออนุมัติเดินทางอย่างกระชั้นชิดผู้มีอำนาจอนุมัติไม่สามารถอนุมัติก่อนการเดินทางได้ -  หากการเดินทางเร่งด่วนเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบ จะโทรศัพท์ไปยังผู้มีอำนาจอนุมัติ เพื่อให้ความอนุเคราะห์ตรวจสอบ พิจารณาเรื่องดังกล่าวก่อน

-  ผู้ปฏิบัติงานด้านการเงินแจ้งขอความร่วมมือจากผู้เดินทางในการเสนอขออนุมัติเดินทางก่อนการเดินทางทุกครั้ง  เนื่องจากหากกระชั้นชิดจะไม่สามารถยืมเงินได้ทัน

11 การเบิกค่าเช่าที่พักเกินสิทธิของตนเอง - เจ้าหน้าที่การเงิน ควรให้คำแนะนำสิทธิในการเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการแก่บุคลากร/เจ้าหน้าที่ในหน่วยงาน โดยมีการจัดประชุมพร้อมสอบถามปัญหาต่างๆ

- หากมีข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นบ่อยๆควรจัดทำหนังสือเวียนให้บุคลากรและ เจ้าหน้าที่ทุกคนทราบ เพื่อจะได้ปรับปรุงแก้ไขให้ถูกต้อง

-  ควรมีการจัดทำคู่มือการเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ เพื่อใช้อ้างอิงในการทำงาน

12 ใบเสร็จรับเงิน กากบัตรโดยสารเครื่องบิน หรือใบรับเงิน (Itinerary Receipt) สูญหายระหว่างการเดินทางไปราชการ -  หากเอกสารสูญหายระหว่างการเดินทางไปราชการควรประสานกับบริษัทสายการบินหรือบริษัทตัวแทนจำหน่าย เพื่อขอสำเนาหรือภาพถ่ายเอกสารดังกล่าว รับรองสำเนาถูกต้อง พร้อมคำรับรองจากผู้เดินทางไปราชการว่า “ยังไม่เคยนำฉบับจริงมาเบิกเงินจากทางราชการ แม้หากค้นพบในภายหลังก็จะไม่นำมาเบิกเงินจากทางราชการอีก” เป็นหลักฐานประกอบการเบิกจ่ายเงิน หรือในกรณีที่ไม่สามารถขอสำเนา

หรือภาพถ่ายใบเสร็จรับเงิน บัตรโดยสารเครื่องบินหรือใบรับเงิน (Itinerary Receipt) ได้ให้ผู้เดินทางทำหนังสือรับรองการจ่ายเงิน โดยชี้แจงสาเหตุที่ใบเสร็จรับเงิน กากบัตรโดยสารเครื่องบิน  หรือใบรับเงินนั้นสูญหาย และไม่อาจขอสำเนาหรือภาพถ่ายเอกสารนั้นได้พร้อมทั้งให้ผู้เดินทางทำคำรับรองว่า “ยังไม่เคยนำฉบับจริงมาเบิกเงินจากทางราชการ แม้หากค้นพบในภายหลังก็จะไม่

ลำดับ ประเด็นปัญหา แนวทางการแก้ไข
นำมาเบิกเงินจากทางราชการอีก” เสนอต่อผู้อำนวยการเพื่อพิจารณาอนุมัติ และเมื่อได้รับอนุมัติจากผุ้อำนวยการแล้ว สามารถใช้เอกสารดังกล่าวเป็นหลักฐานประกอบการเบิกจ่ายเงินได้
13 บุคลากรยังขาดความรู้ความเข้าใจ/ความชำนาญ/ความเชี่ยวชาญ ในกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับหรือแนวปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับการเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ -ควรจัดให้มีการอบรมผู้ปฏิบัติ งานด้านการเงินอย่างต่อเนื่องเพื่อ ให้เกิดความชำนาญ และสามารถแก้ไขปัญหาในการปฏิบัติงานได้

- นางสาวนัยนา  แก้วคง  หัวหน้าฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศและวิทยบริการ  เสนอว่า ควรมีการรวบรวมปัญหาและอุปสรรคของกลุ่มงานหรือบุคลากรของหน่วยงาน และนำมาลงในเว็บเช่น บอร์ด หรือถาม-ตอบ เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ร่วมกันระหว่างผู้ปฏิบัติงาน ทำให้สามารถทราบถึงปัญหาของแต่ละคน

- นางสาววิไลวรรณ  บุญเรือง  หัวหน้าฝ่ายพัฒนาบุคลากรและความเสี่ยง  เสนอว่า เห็นควรให้มีการจัดกิจกรรมเสริมสร้างความเข้าใจระหว่างผู้ปฏิบัติงานด้านการเงินกับบุคลากรในหน่วยงาน  เพื่อเสริมสร้างความสามัคคีและลดปัญหาความผิดพลาดในการปฏิบัติงาน โดยกำหนดไว้ในปฏิทินการปฏิบัติงาน อย่างน้อย 3 เดือนต่อครั้ง อีกทั้งยังเป็นการพัฒนาศักยภาพของผู้ปฏิบัติงานด้านการเงินด้วย เช่น เสวนาระเบียบการเงินการคลัง / KM แลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างผู้ปฏิบัติงาน

- นายภราดร  ล้อธรรมมา  พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ  เสนอว่า ควรจัดบริการให้คำแนะนำ หรือบริการเป็นที่ปรึกษา หารือ ให้เจ้าหน้าที่ บุคลากร ที่ต้องการสอบถามวิธีการเบิกจ่ายเงิน พร้อมวิธีการเขียนเอกสารต่างๆทางด้านการเงินทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการเบิกจ่ายเงิน และตอบข้อซักถามปัญหาการเบิกจ่ายเงินในกรณีที่ผู้เบิกสงสัย ไม่เข้าใจ เพื่อจะได้ปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง

-นายสืบตระกูล  ตันตลานุกูล  พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ  เสนอว่า ควรจัดทำแบบฟอร์มตัวอย่างเอกสารที่เกี่ยวข้องทั้งหมดของกระบวนการเบิกจ่ายเงิน พร้อมกับคำอธิบายประกอบ โดยจัดทำเป็นคู่มือ โดยแสดงวิธีการเขียนให้ถูกต้อง เพื่อให้ผู้เบิกจ่ายได้ศึกษาเป็นตัวอย่าง เพื่อจะได้ปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง

- นางสาวนัดดา  กอบแก้ว  หัวหน้าฝ่ายบริหารงานทั่วไป  เสนอว่า  ควรจัดประชุม หรืออบรมเกี่ยวกับการเขียนเอกสารที่จะต้องใช้ประกอบการเบิกจ่ายเงิน  โดยให้บุคลากรของหน่วยงานที่สนใจเข้ารับฟัง หรือเข้ารับการอบรม เพื่อรับทราบหลักเกณฑ์หรือระเบียบของการเขียนเอกสาร วิธีการในข้อนี้จะช่วยให้บุคลากรทุกท่านที่จะเป็นผู้เบิกจ่ายเงิน สามารถปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง ครบถ้วน สมบูรณ์และมีประสิทธิภาพ

- นางสาวจุฑามาศ  ประเสริฐ  ได้ศึกษาค้นคว้าหาข้อมูลและจากการเข้าประชุมเชิงปฏิบัติการพัฒนาศักยภาพบุคลากรสายสนับสนุนงานการเงินและบัญชี  งานพัสดุ  งานควบคุมภายในและการบริหารความเสี่ยงวิทยาลัยในเครือข่ายภาคเหนือ  ระหว่างวันที่ 18/20 มกราคม 2560  ณ  วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สวรรค์ประชารักษ์  นครสวรรค์นั้น ผู้ตรวจสอบภายในได้ชี้แจงถึงรายละเอียดเกี่ยวกับระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรม  การจัดงานและการประชุมระหว่างประเทศ(ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2555 หมวด ๒ ค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรม  ส่วนที่ ๑  ค่าใช้จ่ายของส่วนราชการที่จัดการฝึกอบรม มีใจความดังนี้

ข้อ ๘ โครงการหรือหลักสูตรการฝึกอบรมที่ส่วนราชการจัดหรือจัดร่วมกับหน่วยงานอื่น

ต้องได้รับอนุมัติจากหัวหน้าส่วนราชการ เพื่อเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายตามระเบียบนี้  ให้ส่วนราชการที่จัดการฝึกอบรมเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมได้ ดังต่อไปนี้

(๑) ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการใช้และการตกแต่งสถานที่ฝึกอบรม

(๒) ค่าใช้จ่ายในพิธีเปิด – ปิด การฝึกอบรม

(๓) ค่าวัสดุ เครื่องเขียนและอุปกรณ์

(๔) ค่าประกาศนียบัตร

(๕) ค่าถ่ายเอกสาร ค่าพิมพ์เอกสารและสิ่งพิมพ์

(๖) ค่าหนังสือสําหรับผู้เข้ารับการฝึกอบรม

(๗) คาใช่ ้จ่ายในการติดต่อสื่อสาร

(๘) ค่าเช่าอุปกรณ์ต่าง ๆ ในการฝึกอบรม

(๙) ค่าอาหารว่างและเครื่องดื่ม

(๑๐) ค่ากระเป๋าหรือสิ่งที่ใช้บรรจุเอกสารสําหรับผู้เข้ารับการฝึกอบรม

(๑๑) ค่าของสมนาคุณในการดูงาน

(๑๒) ค่าสมนาคุณวิทยากร

(๑๓) ค่าอาหาร

(๑๔) ค่าเช่าที่พัก

(๑๕) ค่ายานพาหนะ

ค่าใช้จ่ายตาม (๑) ถึง (๙) ให้เบิกจ่ายได้เท่าที่จ่ายจริง ตามความจําเป็น เหมาะสมและประหยัด

ค่าใช้จ่ายตาม (๑๐) ให้เบิกจ่ายได้เท่าที่จ่ายจริง ไม่เกินอัตราใบละ ๓๐๐ บาท

ค่าใช้จ่ายตาม (๑๑) ให้เบิกจ่ายได้เท่าที่จ่ายจริง แห่งละไม่เกิน ๑,๕๐๐ บาท

ค่าใช้จ่ายตาม (๑๒) ถึง (๑๕) ให้เบิกจ่ายตามหลักเกณฑ์และอัตราตามที่กําหนดไว้ในระเบียบนี้

ข้อ ๙ การฝึกอบรมบุคคลภายนอกให้จัดได้เฉพาะการฝึกอบรมในประเทศเท่านั้น

ข้อ ๑๐ บุคคลที่จะเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมตามระเบียบนี้ ได้แก่

(๑) ประธานในพิธีเปิดหรือพิธีปิดการฝึกอบรม แขกผู้มีเกียรติ และผู้ติดตาม

(๒) เจ้าหน้าที่

(๓) วิทยากร

(๔) ผู้เข้ารับการฝึกอบรม

(๕) ผู้สังเกตการณ์

รายละเอียดดังกล่าวเป็นเพียงเนื้อหาบางส่วนที่ได้จากการค้นคว้าและการประชุม  หากต้องการรายละเอียดมากกว่านี้ค้นหาได้จากเว็บไซด์ www.thaidental.net/web/data/userfiles/files/57-59_22555.pdf

การจัดการความรู้ เรื่องการเร่งรัดการเบิกจ่ายและเพิ่มประสิทธิภาพการเบิกจ่ายให้ถูกต้องตามระเบียบ

มติที่ประชุม รับทราบและกำหนดแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการเบิกจ่าย คือ

  1. จัดประชุมหรืออบรมเกี่ยวกับการเบิกจ่ายเงินให้บุคลากรในหน่วยงานอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
  2. จัดทำแบบฟอร์มตัวอย่างเอกสารทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการเบิกจ่ายและทำ Work Flow ในแต่ละเรื่อง
  3. ให้บริการ ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเบิกจ่ายที่ถูกต้องแก่บุคลากรในหน่วยงาน
  4. งานการเงินทำการตรวจสอบเอกสารให้เป็นไปตามระเบียบก่อนส่งอีกครั้ง
  5. เมื่อไม่สามารถปฏิบัติงานได้  ให้งานการเงินทำบันทึกรายงานปัญหาที่เกิดขึ้นเสนอต่อผู้บริหาร

และได้นำไปเผยแพร่ในเว็บบอร์ดของวิทยาลัย  เพื่อให้บุคลากรได้ศึกษาและนำไปเป็นแนวทางในการปฏิบัติในการเบิกจ่ายเพื่อให้เกิดความถูกต้องตามระเบียบและมีประสิทธิภาพมากที่สุด

วาระที่ 5. เรื่องที่เสนอให้ที่ประชุมพิจารณา

ไม่มี

วาระที่ 6. เรื่องอื่น ๆ

ไม่มี

เลิกประชุมเวลา  16.30 น.

(นางสาวจุฑามาศ  ประเสริฐ)

ผู้จดรายงานการประชุม

(นางสาวดุจเดือน  เขียวเหลือง)

ผู้ตรวจรายงานการประชุม

24/02/2017

รายงานการประชุมกลุ่มงานบริหาร ครั้งที่ 1 / 2559

Categories: การจัดการความรู้ วพบ.อต.
Author: admin
Time: 11:26 am
Reactions :7 comments

รายงานการประชุมกลุ่มงานบริหาร

ครั้งที่ 1 / 2559

เมื่อวันที่   5   ตุลาคม  2559

ณ ห้องประชุมกาสะลอง  วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี อุตรดิตถ์

——————————

ผู้เข้าร่วมประชุม

1. นางสาวดุจเดือน  เขียวเหลือง    ตำแหน่ง รองผู้อำนายการกลุ่มงานบริหาร          ประธาน

2. นายไพทูรย์  มาผิว                ตำแหน่ง หัวหน้าฝ่ายยุทธศาสตร์และพัฒนาคุณภาพ

3. นางสาววิไลวรรณ  บุญเรือง      ตำแหน่ง หัวหน้าฝ่ายพัฒนาบุคลากรและความเสี่ยง

4. นางสาวนัยนา  แก้วคง           ตำแหน่ง หัวหน้าฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศและวิทยบริการ

5. นางสาวนัดดา  กอบแก้ว         ตำแหน่ง  หัวหน้าฝ่ายบริหารงานทั่วไป

6. นายนพณัฐ  รุจิเรืองอนันต์        ตำแหน่ง  เจ้าพนักงานธุรการชำนาญงาน

7. นางสาวสุดารัตน์  ไชยประสิทธิ์   ตำแหน่ง  พยาบาลวิชาชีพชำนาญการพิเศษ

8. นางอรุณรัตน์  พรมมา            ตำแหน่ง พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ

9. นายสืบตระกูล  ตันตลานุกูล      ตำแหน่ง พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ

10. นายภราดร  ล้อธรรมมา         ตำแหน่ง พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ

11. นางจิราพร  วิศิษฎ์โกศล         ตำแหน่ง พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ

12. นางนงคราญ  เยาวรัตน์         ตำแหน่ง เจ้าพนักงานการเงินและบัญชีชำนาญงาน

13. นางสุกัญญา  อุมรินทร์          ตำแหน่ง เจ้าหน้าที่การเงิน

14. นางสุพัตรา  มากำเหนิด        ตำแหน่ง เจ้าหน้าที่บัญชี

15. นางพิชญ์ชาภรณ์  มูลประโคนชัย ตำแหน่ง เจ้าหน้าที่พัสดุ

16. นางสาวจุฑามาศ  ประเสริฐ   ตำแหน่ง นักวิชาการเงินและบัญชี                    เลขานุการ

จำนวนผู้เข้าร่วมประชุม

อาจารย์                    จำนวน    9  คน   คิดเป็นร้อยละ  100

เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง       จำนวน   7  คน   คิดเป็นร้อยละ  100

ผู้ไม่เข้าร่วมประชุม

ไม่มี

เริ่มประชุมเวลา 15.00 น.

วาระที่ 1. เรื่องที่ประธานแจ้งเพื่อทราบ

- ประธานแจ้งให้ทราบถึงสิ่งที่กลุ่มงานบริหารต้องให้ความสำคัญมาก  โดยเฉพาะงานการเงินนั้นให้เน้นในเรื่องดังนี้

เรื่องที่ 1 บริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ โปร่งใส และใส่ใจบริการ

1.1  ปรับปรุงกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพ

- ประสิทธิภาพ คือ มีการปฏิบัติงานที่มีมาตรฐานมารองรับ

- โปร่งใส รวมถึง ด้านคุณธรรมจริยธรรมมาใช้ในการปฏิบัติงาน

- ใส่ใจบริการ คือ มีความกระตือรือร้นในการให้บริการ  รวมถึงกิริยาท่าทาง , น้ำเสียง คำพูดต่าง ๆ

1.2  จัดทำฐานข้อมูลทางการเงินให้มีความถูกต้องและเป็นปัจจุบัน

เรื่องที่ 2 การบริหารทรัพยากรและลดการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ

2.1  ควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ โดยการทำข้อมูลสถิติเปรียบเทียบการใช้พลังงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้บุคลากรทุกคนเกิดความตระหนักในเรื่องการประหยัดการใช้พลังงาน

2.2  จัดกิจกรรมส่งเสริมให้ประหยัดทรัพยากรและพลังงาน  โดยทางแผนกการเงินจะออกคำสั่งโรงเรียน ในเรื่องการบริหารทรัพยากร ซึ่งจะต้องประสานงานกับแผนกต่าง ๆ เพื่อแต่งตั้งคณะกรรมการในการร่วมมือกันจัดกิจกรรมลดการใช้กระดาษ และกิจกรรมสำนักงานสีเขียว

2.3  ปรับลดงบประมาณรายจ่ายตามแผนงาน/โครงการ ปีการศึกษา 2560 ซึ่งจะต้องประสานงานกับผู้รับผิดชอบแผนงาน/โครงการ ให้มีความเข้าใจในการการปรับลดงบประมาณรายจ่าย

3.  ทบทวนกระบวนการจัดการความรู้ เป็นกระบวนการแบบหนึ่งที่จะช่วยให้เกิดพัฒนาการของความรู้ภายในองค์กร ประกอบด้วย 7 ขั้นตอน ดังนี้

1. การบ่งชี้ความรู้ เป็นการระบุเกี่ยวกับความรู้ที่องค์กรจำเป็นต้องมีต้องใช้ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามวิสัยทัศน์ พันธกิจขององค์กร ได้แก่ ความรู้อะไรบ้าง ความรู้อะไรที่มีอยู่แล้วอยู่ในรูปแบบใด อยู่ที่ใคร

2. การสร้างและแสวงหาความรู้ เป็นการสร้างความรู้ใหม่ แสวงหาความรู้จากภายนอก รักษาความรู้เดิม แยกความรู้ที่ใช้ไม่ได้แล้วออกไป มีหลายแนวทาง เช่น ใช้ SECI model นำบุคลากรที่มีความรู้และประสบการณ์ต่างกันมาประชุม/ทำงานร่วมกัน จ้างคนที่มีความรู้มาทำงานในองค์กร จ้างที่ปรึกษา

3. การจัดความรู้ให้เป็นระบบ เป็นการวางโครงสร้างความรู้ แบ่งชนิด ประเภท เช่น กฎระเบียบ ขั้นตอนการทำงาน ฯลฯ กำหนดวิธีการจัดเก็บและค้นคืน เพื่อให้สืบค้น เรียกคืนและนำไปใช้ได้สะดวก

4. การประมวลและกลั่นกรองความรู้ เป็นการกลั่นกรองความถูกต้อง ครบถ้วน ทันสมัย ใช้งานได้ของความรู้ ปรับปรุงรูปแบบเอกสารให้เป็นมาตรฐาน ใช้ภาษาเดียวกัน ปรับปรุงเนื้อหาให้สมบูรณ์

5. การเข้าถึงความรู้ เป็นการทำให้ผู้ใช้ความรู้นั้นเข้าถึงความรู้ที่ต้องการได้ง่ายและสะดวก เช่น ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) Web board บอร์ดประชาสัมพันธ์ เป็นต้น

6. การแบ่งปันแลกเปลี่ยนความรู้ เป็นการนำความรู้ที่ได้จากการปฏิบัติงานมาแลกเปลี่ยนเคล็ดลับ เทคนิคการทำงาน เทคนิคการแก้ปัญหา หรือปรับปรุงคู่มือการปฏิบัติงาน สำหรับความรู้ที่ชัดแจ้ง Explicit Knowledge อาจจัดทำเป็น เอกสาร ฐานความรู้ เทคโนโลยีสารสนเทศส่วนความรู้ที่ฝังในตัวคน Tacit Knowledge อาจจัดทำเป็นระบบทีมข้ามสายงาน กิจกรรมกลุ่มคุณภาพและนวัตกรรม ชุมชนนักปฏิบัติ ระบบพี่เลี้ยง การสับเปลี่ยนงาน การยืมตัว(ผู้เชี่ยวชาญจากที่หนึ่งไปปฏิบัติงานในอีกที่หนึ่ง) เวทีแลกเปลี่ยนความรู้ เป็นต้น

7. การเรียนรู้ เป็นการนำความรู้ที่ได้จากการแบ่งปันแลกเปลี่ยนหรือสืบค้นไปใช้ประโยชน์ในการทำงาน แล้วเกิดความรู้ใหม่นำมาเข้าระบบจัดเก็บหรือแบ่งปันแลกเปลี่ยน ก็จะได้องค์ความรู้ใหม่ให้ใช้ประโยชน์ต่อไปได้เรื่อยๆ ควรทำให้การเรียนรู้เป็นส่วนหนึ่งของงาน เช่น เกิดระบบการเรียนรู้จากวงจร “สร้างองค์ความรู้>นำความรู้ไปใช้>เกิดการเรียนรู้และประสบการณ์ใหม่” และหมุนเวียนต่อไปอย่างต่อเนื่อง

มติที่ประชุม รับทราบ

วาระที่ 2. เรื่องรับรองรายงานการประชุมครั้งที่ผ่านมา

ไม่มี

วาระที่ 3. เรื่องสืบเนื่อง

ไม่มี

วาระที่ 4. เรื่องเพื่อพิจารณา

การกำหนดเป้าหมาย ( Desired  State)

1. ประธานในที่ประชุมได้หารือเรื่อง แนวทางการจัดการความรู้ของกลุ่มงานบริหารว่าควรมีประเด็นใดบ้าง  ซึ่งจากการประชุมร่วมกัน พบว่ามีผู้เสนอประเด็นการจัดการความรู้ในเรื่องต่างๆ ได้แก่ การเบิกพัสดุ,  การยืมเงินไปราชการ,  การเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรม,  การเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายเดินทางไปราชการ,  การกำกับติดตามงบประมาณรายไตรมาส

มติที่ปประชุม มีความเห็นพ้องต้องกันว่าควรกำหนดเป้าหมายในเรื่องการเร่งรัดการเบิกจ่ายและการเพิ่มประสิทธิภาพในการเบิกจ่ายให้ถูกต้องตามระเบียบ

2. การแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องการเร่งรัดการเบิกจ่ายและการเพิ่มประสิทธิภาพในการเบิกจ่ายให้ถูกต้องตามระเบียบ

- นางนงคราญ  เยาวรัตน์  เจ้าพนักงานการเงินและบัญชีชำนาญงาน  ได้เสนอว่าในการเบิกจ่ายที่เกี่ยวข้องกับทางการเงินควรเน้นให้เป็นไปตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรม  การจัดงานและการประชุมระหว่างประเทศ(ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2555,  พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยเรื่องค่าใช้จ่ายเดินทางไปราชการ พ.ศ. 2526, ระเบียบการเก็บรักษาเงินและการการนำเงินส่งคลังของส่วนราชการ พ.ศ.2520 ส่วนที 4 เรื่องการจ่ายเงินยืม เพื่อให้เกิดความถูกต้อง บรรลุเป้าหมายและมีประสิทธิภาพ

- งานการเงินเสนอประเด็นที่สำคัญที่พบว่ามีการปฏิบัติไม่ค่อยเป็นไปตามระเบียบ  กลุ่มงานบริหารจึงมีความเห็นร่วมกันว่าควรจัดการความรู้ในประเด็นของการเร่งรัดการเบิกจ่ายและเพิ่มประสิทธิภาพในการเบิกจ่ายให้ถูกต้องตามระเบียบ  ซึ่งจากการวิเคราะห์ของกลุ่มงานพบว่าปะเด็นปัญหาที่ทำให้การเบิกจ่ายไม่เป็นไปตามกำหนด มีดังนี้

  1. การเบิกจ่ายงบประมาณล่าช้า ไม่เป็นไปตามระยะเวลาที่กำหนด
  2. เอกสารหลักฐานในการเบิกจ่ายไม่ครบถ้วน   ทำให้การเบิกจ่ายล่าช้า
  3. ส่งหลักฐานยืมเงินราชการไม่เป็นไปตามกำหนด
  4. เอกสารประกอบการยืมเงินไม่ครบถ้วน
  5. ส่งใช้เงินยืมไม่ตรงตามกำหนดระยะเวลา และหลักฐานการส่งใช้ไม่ครบตามจำนวนเงินที่ยืม
  6. ผู้ยืมเงินไม่มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับระเบียบ คำสั่ง และแนวปฏิบัติที่เกี่ยวข้องทำให้ปฏิบัติไม่ถูกต้อง
  7. ผู้ยืมเงินไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในโครงการ/งานที่ขออนุมัติดำเนินการ
  8. ผู้ยืมเงินขออนุมัติยืมเงิน เมื่อใกล้ระยะเวลาที่ต้องดำเนินการ ทำให้ได้รับเงินยืมไม่ทันวันที่ต้องดำเนินการตามแผน/โครงการ
  9. ผู้ยืมเงินประมาณการค่าใช้จ่ายและยืมเงินเกินความจำเป็น โดยนำเงินสดมาส่งคืนภายหลังเป็นจำนวนมาก หากปฏิบัติบ่อยครั้งแสดงถึงเจตนาจงใจนำเงินราชการไปใช้ก่อน
  10. การขออนุมัติเดินทางอย่างกระชั้นชิดผู้มีอำนาจอนุมัติไม่สามารถอนุมัติก่อนการเดินทางได้
  11. การเบิกค่าเช่าที่พักเกินสิทธิของตนเอง
  12. ใบเสร็จรับเงิน กากบัตรโดยสารเครื่องบิน หรือใบรับเงิน (Itinerary Receipt) สูญหายระหว่างการเดินทางไปราชการ
  13. บุคลากรยังขาดความรู้ความเข้าใจ/ความชำนาญ/ความเชี่ยวชาญ ในกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับหรือแนวปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับการเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ

มติที่ประชุม เห็นชอบในการเลือกประเด็น เรื่อง การเร่งรัดการเบิกจ่ายและเพิ่มประสิทธิภาพในการเบิกจ่ายให้ถูกต้อง ตามระเบียบและในการประชุมครั้งต่อไปจะมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันถึงแนวทางในการแก้ไขปัญหา

วาระที่ 5. เรื่องที่เสนอให้ที่ประชุมพิจารณา

ไม่มี

วาระที่ 6. เรื่องอื่น ๆ

ไม่มี

เลิกประชุมเวลา  16.30 น.

(นางสาวจุฑามาศ  ประเสริฐ)

ผู้จดรายงานการประชุม

(นางสาวดุจเดือน  เขียวเหลือง)

ผู้ตรวจรายงานการประชุม

16/02/2017

สรุปการจัดการความรู้ ประเด็น “การตีพิมพ์เผยแพร่ผลงานวิจัยในระดับชาติและนานาชาติ” กลุ่มงานวิจัย บริการวิชาการ และวิเทศสัมพันธ์ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี อุตรดิตถ์ วันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๕๙ เวลา ๑๓.๐๐ – ๑๕.๐๐ น

Categories: การจัดการความรู้ วพบ.อต.
Author: Naiyana Kaewkhong
Time: 3:44 pm
Reactions :18 comments

สรุปการจัดการความรู้

ประเด็น “การตีพิมพ์เผยแพร่ผลงานวิจัยในระดับชาติและนานาชาติ”

กลุ่มงานวิจัย บริการวิชาการ และวิเทศสัมพันธ์

วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี อุตรดิตถ์

วันที่ ๒๗ ธันวาคม  ๒๕๕๙ เวลา  ๑๓.๐๐ – ๑๕.๐๐ น

………………………………………………………………………………………………………………..

๑. รายชื่อผู้เข้าร่วมประชุม

๑. ดร.ศศิธร ชิดนายี                   รองผู้อำนวยการกลุ่มงานวิจัยฯ ประธาน

๒. ดร.ประภาพร มโนรัตน์            ผู้รับผิดชอบการจัดการความรู้ของกลุ่มงานวิจัยฯ และเลขานุการ

๓. ดร.ปฐพร  แสงเขียว

๔. นายนภดล  เลือดนักรบ

๕. นางมณฑา อุดมเลิศ

๖. นางสาวนัยนา อินธิโชติ

๗. นางภิญญารัช บรรเจิดพงศ์ชัย

๘. นางสายฝน วรรณขาว

๙. นางสาวอัญชรี เข็มเพชร

๑๐. นางวิมล  อ่อนเส็ง

๒. วาระเรื่องแจ้ง

ประธานแจ้งว่า จากการกำหนดประเด็นการจัดการความรู้เพื่อขับเคลื่อน กลุ่มงานและวิทยาลัยให้เป็นองค์กรการจัดการเรียนรู้นั้น สำหรับกลุ่มงานวิจัยฯ ได้กำหนดประเด็น เรื่อง การตีพิมพ์เผยแพร่ผลงานวิจัยในระดับชาติและนานาชาติ  ทั้งนี้เนื่องจากการวิเคราะห์พบว่าอาจารย์ยังมีการตีพิมพ์เผยแพร่ในระดับชาติ ระดับปานกลางและผลงานการตีพิมพ์ ระดับนานาชาติ น้อย (จนเกือบไม่มี)  ซึ่งวิทยาลัยมีผู้ที่มีประสบการณ์การเผยแพร่ผลงานระดับชาติและนานาชาติมาบ้างแล้ว จึงดำเนินการตามขั้นตอนของการจัดการความรู้  ดังนี้

๑.การกำหนดความรู้หลักที่จำเป็นหรือ สำคัญ คือ การตีพิมพ์เผยแพร่ผลงานวิจัยในระดับชาติและนานาชาติ

๒. การเสาะหาความรู้ที่ต้องการ  กลุ่มงานวิจัยฯ ได้ประชาสัมพันธ์และกำหนดวันที่จะแลกเปลี่ยนความรู้กัน จึงให้ผู้ที่มีประสบการณ์ มีองค์ความรู้ (Tacit knowledge)  แลกเปลี่ยนความรู้ให้กับคณาจารย์ภายในกลุ่มงาน และให้ค้นหาความรู้จากแหล่งต่าง ๆ

๓. การปรับปรุง ดัดแปลง หรือสร้างความรู้บางส่วนให้เหมาะกับการใช้งานของตน ในส่วนนี้อาจารย์ที่มีประสบการณ์ได้นำความรู้ที่มาปรับปรุงและสร้างความรู้ให้เหมาะสมกับการใช้งาน

วัตถุประสงค์

๑. เพื่อให้คณาจารย์เกิดการทบทวนองค์ความรู้เกี่ยวกับการตีพิมพ์เผยแพร่ผลงานวิจัยในระดับชาติและนานาชาติ

๒.เพื่อให้คณาจารย์ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ความรู้และประสบการณ์เกี่ยวกับการตีพิมพ์เผยแพร่ผลงานวิจัยในระดับชาติและนานาชาติ

๓. เพื่อสร้างข้อสรุปเป็นแนวปฏิบัติที่ดีในระยะที่1 สู่การนำไปประยุกต์ใช้ในปีงบประมาณ๒๕๖๐

๔.สำหรับการแลกเปลี่ยนความรู้มีดังนี้

๑. อาจารย์นภดล เลือดนักรบ ได้ให้ความเห็นว่า การตีพิมพ์เผยแพร่ผลงานวิชาการระดับชาติหรือนานาชาตินั้น จะต้องเลือกวารสารที่เขาตรงหรือเกี่ยวข้องกับเนื้อหาของเราและศึกษารูปแบบการเขียนก่อนSubmitบทความ  และได้กล่าวว่า การเลือกไปนำเสนอผลงานควรเลือกการประชุมวิชาการที่มีการคัดเลือกผลงานตีพิมพ์ในวารสารด้วย จะได้ประโยชน์  และให้ผู้เชี่ยวชาญภาษาอังกฤษeditภาษาอังกฤษให้ถูกต้องที่สุด ป้องกันการปฏิเสธการตีพิมพ์จากภาษาไม่ดี

๒. ดร.ปฐพร แสงเขียว ได้ให้ความเห็นว่าการจะเขียนให้ได้รับการตอบรับ ต้องอ่านบทความจากวาสารให้มากโดยเฉพาะวาสารที่จะลงตีพิมพ์ เพื่อให้รู้สไตล์การเขียนและเขียนได้ตรงกับรูปแบบและสไตล์ของวารสารนั้นๆจะทำให้ได้รับการตอบรับมากขึ้นเป็นไปได้สูง และเรื่องการคัดลอกผลงานผู้อื่นให้ฝึกกับInternetได้มีการสอนเขียนแบบเทียบเคียงกันเป็นคู่ขนานแต่ไม่ได้คัดลอกเลียนแบบ

๓. ดร.ประภาพร มโนรัตน์ ได้ให้ความเห็นว่าเห็นด้วยกับทุกท่านที่แบ่งปันความรู้ เพิ่มเติมในแง่ของการวางแผนเป็นระบบตั้งแต่การได้รับทุนวิจัยคิดยาวถึงวารสารที่จะตีพิมพ์ ศึกษาแนวการเขียนบทความของวาสารนั้นๆ  และเคร่งครัดในระเบียบของวาสารและทำตามขั้นตอนของวาสารหรือการประชุมนั้นๆ

๔. ดร.ศศิธร ชิดนายี ได้ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า การตีพิมพ์ระดับนานาชาติ เราควรร่วมกันเขียนกับ๔นักวิจัยที่มีประสบการณ์การตีพิมพ์อยู่แล้วเช่น ดร.อัสนี  ที่ วพบ.พุทธชินราช มีผลงานตีพิมพ์หลายฉบับ โดยทำงานร่วมกับอาจารย์ในอเมริกา ในประเด็น เรื่อง มะเร็งเต้านม และ การตีพิมพ์ ในประเด็นหลัก เพื่อให้แสดงถึงความเชียวชาญนอกจากนี้การตีพิมพ์ในวารสารระดับ SJR ISI  Scopus  การตีพิมพ์ประเภท  Systematic revicw  จะได้รับการ  accept  เร็วกว่า และ อาจารย์ศศิธร นำเสนอการตีพิมพ์เผยแพร่จากเอกสารของ วช. ที่สามารถ Download  ได้

๕.อาจารย์วาสนา ครุฑเมือง ได้ให้ความเห็นว่า การได้อ่านงานบทความวิจัยของนักวิจัยที่ตีพิมพ์บ่อยจะช่วยทำให้เขียนได้ดีขึ้น

๖.อาจารย์มณฑา อุดมเลิศ ได้ให้ความเห็นว่า การคัดลอกเลียนแบบผลงาน หรือการที่จะเขียนให้ไม่ไปทับซ้อนที่เรียกว่าคัดลอกนั้นก็ยาก ต้องอ่านมากและฝึกฝน

สรุปองค์ความรู้ที่ได้รับและนำมาสรุปเป็นแนวปฏิบัติในการตีพิมพ์เผยแพร่ผลงานวิจัยในระดับชาติและนานาชาติ ได้ดังนี้

การตีพิมพ์เผยแพร่ผลงานวิจัยในวารสารระดับชาติและนานาชาติ

๑.วางแผนการตีพิมพ์เผยแพร่ตั้งแต่ได้รับทุนวิจัย โดยคาดการณ์ว่าจะตีพิมพ์เผยแพร่ระดับชาติหรือนานาชาติในวารสารใด หรือเมื่อต้องการตีพิมพ์ผลงานวิจัยให้เลือกลงวาสารที่ต้องการงานวิจัยประเภทเดียวกับของเรา

๒. ศึกษารูปแบบการเขียนบทความวิจัย/บทความวิชาการตามที่วารสารนั้นๆกำหนด (บทนิพนธ์ต้นฉบับ)

๓. ให้ผู้ทรงคุณวุฒิที่เกี่ยวข้องกับงานนั้นๆอ่าน วิพากษ์ให้ก่อนเป็นการส่วนตัว (หากมีผู้ยินดีอ่านให้ฟรีและเป็นผู้ใกล้ชิดหรือเครือข่ายงาน) จะได้มุมมองในการปรับเขียนงานให้ดียิ่งขึ้นก่อนส่งบทนิพนธ์ต้นฉบับไปให้บรรณาธิการของวารสารที่ต้องการตีพิมพ์

๔. ให้มีการตรวจสอบหรือปรับการเขียนบทคัดย่อและบทความวิจัยที่เป็นภาษาอังกฤษโดยผู้เชียวชาญก่อน เพื่อให้มีความชัดเจนด้านภาษาอังกฤษถูกต้อง

๕. ทำการส่งบทนิพนธ์ต้นฉบับตามหลักเกณฑ์ ระเบียบของวารสารนั้นๆอย่างเคร่งครัด เช่น ต้องเป็นสมาชิกวารสารก่อน หรือ ส่งต้นฉบับให้ครบทุกชุดและตามเงื่อนไขที่ระบุ

๖. กรณีส่งแล้วและให้ปรับปรุงแก้ไขนั้น ให้รีบดำเนินการปรับปรุงแก้ไขตามที่เสนอแนะ และส่งกลับคืนภายในเวลาที่กำหนดอย่างเคร่งครัด  และแสดงให้เห็นว่ามีการปรับปรุงตามข้อเสนอแนะโดยการขีดเส้นใต้หรือใส่แถบสี  ให้ทางวารสารเห็นได้ชัดว่าได้ดำเนินการแล้ว   สำหรับในประเด็นที่ไม่สามารถแก้ได้ให้เขียนชี้แจงไปว่าทำไม่ไม่แก้ไข ติดขัดในประเด็นใด นักวิจัยสามารถอธิบายแนวคิดของตนเองได้

๗. ส่งผลงานตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสารได้ครั้งละ1วารสารเท่านั้น หากไม่ได้รับการตอบรับในวารสารฉบับนั้นแล้ว จึงจะสามารถส่งวารสารไปลงยังวารสารอื่นต่อไปได้

๘. นักวิจัยต้องถือปฏิบัติในจริยธรรมของนักวิจัยอย่างเคร่งครัด ได้แก่ ไม่คัดลอกผลงานของผู้อื่น และไม่ไม่ส่งบทนิพนธ์ต้นฉบับไปหลายๆวารสารในเวลาเดียวกัน

๙. หาแหล่งตีพิมพ์ผลงานในวารสารได้โดยเข้าร่วมประชุมวิชาการนำเสนอผลงานวิจัยในการประชุมวิชาการระดับชาติและนานาชาติที่มีการคัดเลือกผลงานไปตีพิมพ์ในวารสารด้วย

คณาจารย์กลุ่มงานวิจัย บริการวิชาการและวิเทศสัมพันธ์

ดร.ประภาพร มโนรัตน์  ผู้รับผิดชอบการจัดการความรู้กลุ่มงานวิจัยฯ

๒๗ ธันวาคม  ๒๕๕๙

06/02/2017

การจัดการเรียนการสอนในศตวรรษที่ 21

Categories: การจัดการความรู้ วพบ.อต.
Author: admin
Time: 10:50 am
Reactions :24 comments

หัวข้อ ประเด็น: การจัดการเรียนการสอนในศตวรรษที่ 21

หัวข้อย่อย: บทบาทและลักษณะครู/ผู้เรียน ในศตวรรษที่ 21

ชื่อวิทยากร: อาจารย์อภิรดี เจริญนุกูล

วัน/เวลา/สถานที่: วันที่ 25 ธันวาคม 2559 (13.30 – 16.00 น.) ณ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี อุตรดิตถ์

ชื่อผู้บันทึก: อาจารย์สุปราณี หมื่นยา                 ผู้ร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้: อาจารย์ วพบ.อุตรดิตถ์ จำนวน 20 คน

Cue Column

Keywords

- Creative

- Coaching

- Formative Assessment

- Versaltitis

- Metacognitive Skills

Key questions

บทบาทและลักษณะของครูและผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 ควรเป็นอย่างไร?

Note-taking Column

Content:


Environment surroundings:(รูปแบบการบรรยายของวิทยากร / บรรยากาศ / การมีส่วนร่วม)

- Think/ Pair/ Share : Brief overviews (PPT/ Clip VDO/ Activity)

- ทุกคนมีส่วนร่วมในการรับชมวีดีโอคลิป แลกเปลี่ยนเรียนรู้ และนำเสนอเพิ่มเติมในการต่อยอดพัฒนา

- สุทรียสนทนา

เนื้อหาภาพรวมโดยสรุป (Summary)

  • Ø ลักษณะของครูใน 21st : เป็นผู้เรียนรู้/ นักคิด/ นักออกแบบ/ นักสร้างแรงบันดาลใจ
  • Ø บทบาทของครูใน 21st : เป็นผู้สนับสนุน/อำนวย (Facilitator and Coaching)
  • Ø ลักษณะ/บทบาทของผู้เรียนใน 21st : Active Learner/ Metacognitive skills/ Varsaltitis/ Entrustable professional Activities

22/08/2016

การพยาบาลด้วยหัวใจความเป็นมนุษย์

Categories: การจัดการความรู้ วพบ.อต.
Author: dao
Time: 9:25 am
Reactions :8 comments

รายงานการประชุมภาควิชาพื้นฐานการพยาบาล

ครั้งที่? 1/2559? วันที่ 8 กรกฎาคม 2559

เวลา 15.30 -16.30 น. ณ ห้อง 327 อาคารเรียน 3

รายชื่ออาจารย์เข้าประชุม

  1. นางสาวดวงดาว เทพทองคำ
  2. นายนภดล เลือดนักรบ
  3. นางสาวสุปราณี หมื่นยา

เปิดประชุมเวลา 15.30 น.

ระเบียบวาระที่ 1 เรื่องแจ้งเพื่อทราบ

เรื่องที่ 1 การจัดการความรู้โดยใช้แนวคิดการจัดการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาอัตลักษณ์บัณฑิตการบริการด้วยหัวใจความเป็นมนุษย์

เรื่องที่ 2 แนวทางการประเมินผลลัพธ์ของการพัฒนานักศึกษาด้านการดูแลด้วยหัวใจความเป็นมนุษย์

ระเบียบวาระที่ ๒ รับรองรายงานการประชุม

-

ระเบียบวาระที่ ๓ เรื่องสืบเนื่อง

3.1 ผลจากการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับผู้เข้าร่วมโครงการการจัดการความรู้ เรื่อง ?การบริการด้วยหัวใจความเป็นมนุษย์ : แก่นแท้หรือแค่เปลือก ระยะที่ ๒? ที่กำหนดไว้ในร่างกำหนดการ วันที่ 17 กรกฎาคม 255๘ ?โดยนางเพ็ญลักขณา ขำเลิศ พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ โรงพยาบาลสมเด็จพระสังฆราชที่ 18 ตำบลบ่อโพง อำเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยาและผู้เข้าร่วมการประชุม คือ พยาบาลพี่เลี้ยงแหล่งฝึกทุกแห่งทั้งโรงพยาบาลทั่วไป โรงพยาบาลชุมชนและโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ได้นำประเด็นสำคัญที่ได้จากการแลกเปลี่ยนเรียนรู้มามาปรับใช้โดยนำมาเป็นหัวข้อการสะท้อนคิดในการกิจกรรมโครงการเสริมหลักสูตร ซึ่งรูปแบบการสะท้อนคิดอาจารย์นภดล เลือดนักรบ ทำหน้าที่เป็นวิทยากรดำเนินการ ทั้งนี้จะสรุปไว้ในวาระเรื่องอื่นๆ ในท้ายสุดถึงขั้นตอนสรุปการดำเนินงาน

มติที่ประชุม : รับทราบ

ระเบียบงวาระที่ ๔ เรื่องหารือที่ประชุม

4.1 หารือที่ประชุมเรื่องการจัดการความรู้ในประเด็น แนวปฏิบัติที่ดี : การจัดการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาอัตลักษณ์บัณฑิตการบริการด้วยหัวใจความเป็นมนุษย์ โดยการวางแผนที่จะมีการจัดการความรู้เป็นระยะนับตั้งแต่ขั้นเตรียมการ? ขั้นสอน และขั้นประเมินผล ซึ่งจะเป็นการจัดการความรู้แบบวิเคราะห์การดำเนินการในรายวิชาทฤษฎีหลักการและเทคนิคการพยาบาล ตลอดจนการวางแผนในโครงการเตรียมความพร้อมการพยาบาลพื้นฐานด้วยหัวใจความเป็นมนุษย์และการฝึกภาคปฏิบัติของนักศึกษาในวิชาปฏิบัติหลักการและเทคนิคการพยาบาล

มติที่ประชุม: เห็นด้วยที่จะมีการนำความรู้ที่ได้รับจากการจัดการความรู้ในทุกระยะ และจากการดำเนินการกิจกรรมเสริมหลักสูตรในโครงการเตรียมความพร้อมฯ โดยใช้แนวคิดการจัดการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาอัตลักษณ์บัณฑิตการบริการด้วยหัวใจความเป็นมนุษย์ในรายวิชาหลักการและเทคนิคการพยาบาลภาคทฤษฎี ทดลอง และภาคปฏิบัติ โดยในการประชุมครั้งนี้ ในระเบียบวารที่ 5 เรื่องอื่นๆ? จะเป็นการจัดการความรู้ร่วมกันระหว่างอาจารย์ในภาควิชาฯ เพื่อเป็นการวิเคราะห์และเชื่อมโยงจากการจัดการเรียนการสอนภาคทฤษฎี ภาคทดลอง วิชาหลักการและเทคนิคการพยาบาล ไปยังการวางแผนในโครงการการเตรียมความพร้อมการพยาบาลพื้นฐานด้วยหัวใจความเป็นมนุษย์ต่อไป สรุปเป็นขั้นประเมินผลอีกครั้งเมื่อสิ้นสุดการจัดการเรียนการ

ระเบียบวาระที่ 5 เรื่องอื่นๆ

5.1 การจัดการความรู้เรื่อง แนวปฏิบัติที่ดี : การจัดการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาอัตลักษณ์บัณฑิตการบริการด้วยหัวใจความเป็นมนุษย์

ขั้นตอนการดำเนินการ

  1. ขั้นเตรียมการ อาจารย์ภาควิชาพื้นฐานการพยาบาลฯ ?มีการวางแผนการจัดการเรียนกาสอน

เพื่อพัฒนานักศึกษาให้มีความรู้คู่กับแนวคิดการเอื้ออาทรต่อผู้อื่นด้วยหัวใจความเป็นมนุษย์ ทำความเข้าใจผลลัพธ์การเรียนรู้ที่ต้องการหลังเสร็จสิ้นการสอน

1.1?? ศึกษาและเลือกรูปแบบหรือเทคนิควิธีการสอนที่เหมาะสมกับเนื้อหา/สาระความรู้และกระตุ้นให้

ผู้เรียนมีความกระตือรือร้นหรือใฝ่รู้ใฝ่เรียนอยู่ตลอดเวลา โดยทำความเข้าใจในรูปแบบหรือเทคนิควิธีการที่เลือกอย่างกระจ่างชัด? ในปีการศึกษา 2557 ภาควิชาพื้นฐานการพยาบาลได้นำวิธีการจัดการเรียนการสอนด้วยหัวใจความเป็นมนุษย์ ในรายวิชาหลักการและเทคนิคการพยาบาลและวิชาปฏิบัติหลักการและเทคนิคการพยาบาลอาจารย์ภาควิชาพื้นฐานการพยาบาลเลือกวิธีการ VARK learning style มาใช้ในการจัดการเรียนการสอนภาคทฤษฏี ใช้วิธีการสาธิตและสาธิตย้อนกลับ (Demonstration-Return Demonstration Method) ในการเรียนภาคทดลองในห้องปฏิบัติการ และการเตรียมความพร้อมการพยาบาลพื้นฐานด้วยหัวใจความเป็นมนุษย์ก่อนการเรียนภาคปฏิบัติ และใช้วิธีการศึกษาจากสถานการณ์จริง (authentic learning) ในการเรียนภาคปฏิบัติที่หอผู้ป่วย

1.2 เตรียมสื่อและอุปกรณ์ที่ส่งเสริมหรือสนับสนุนการเรียนรู้อย่างมีเป้าหมาย เป็นระบบ โดยแบ่งเป็นภาคทฤษฎี ภาคทดลอง? การเตรียมความพร้อมก่อนการฝึกภาคปฏิบัติในโครงการและการฝึกภาคปฏิบัติดังนี้

การเรียนการสอน/กิจกรรมเสริมหลักสูตร รูปแบบ/เทคนิควิธีการสอน สื่อ/อุปกรณ์
1. หลักการและเทคนิคการพยาบาล (ทฤษฎี) VARK learning style -VCD /เครื่องเสียง/ปากกา/กระดาษ/เอกสารประกอบการสอน
2. หลักการและเทคนิคการพยาบาล (ทดลอง) Demonstration-Return Demonstration Method -หุ่นจำลอง

-วัสดุครุภัณฑ์ทางการแพทย์

-อาจารย์ผู้สอน

-แบบประเมินผล

3. โครงการเตรียมความพร้อมการพยาบาลพื้นฐานด้วยหัวใจความเป็นมนุษย์ Panel Discussion

Game

Cooperative Learning

Team based Learning

Case Study analysis

-วิทยากร

-อาจารย์ภาควิชาฯ

-นักศึกษา

-อุปกรณ์ที่ใช้ในการเล่นเกม

-ผู้ป่วยกรณีศึกษา

การเรียนการสอน/กิจกรรมเสริมหลักสูตร รูปแบบ/เทคนิควิธีการสอน สื่อ/อุปกรณ์
3. โครงการเตรียมความพร้อมการพยาบาลพื้นฐานด้วยหัวใจความเป็นมนุษย์ Group Discussion

Story Telling

-รายงานผู้ป่วย (chart)

-VCD

4. ปฏิบัติหลักการและเทคนิคการพยาบาล Case study

Authentic learning

-อุปกรณ์บนหอผู้ป่วย

-สถานการณ์บนหอผู้ป่วย

-อาจารย์/นักศึกษา

-ผู้ป่วยกรณีศึกษา/ผู้ดูแลผู้ป่วย

-พยาบาล

5. การจัดการความรู้เรื่อง การบริการด้วยหัวใจความเป็นมนุษย์ : - อาจารย์นภดล เลือดนักรบ

-ผู้เข้าร่วมจัดการความรู้

(น.ศ.ชั้นปีที่ 4 และอาจารย์)

1.3 วางแผน จัดลำดับและแบ่งช่วงกิจกรรมการเรียนรู้อย่างมีเป้าหมาย เป็นระบบ โดยอาจารย์ภาควิชาฯ มีการระบบการวางแผน จัดลำดับ และแบ่งช่วงกิจกรรม โดยการแจ้งระยะเวลาในการดำเนินกิจกรรมตามแผนที่ภาควิชาฯวางไว้ มอบให้อาจารย์ผู้รับผิดชอบแต่ละรายวิชาและกิจกรรมเสริมหลักสูตรดำเนินการให้เรียบร้อย

1.4 การแบ่งกลุ่มผู้เรียนออกเป็นกลุ่มย่อย เห็นว่าในแผนจัดการศึกษาการแบ่งกลุ่มนักศึกษาได้กำหนดไว้แล้วขอให้อาจารย์พิจารณาความเรียบร้อยอีกครั้ง สำหรับกลุ่มในการเรียนภาคทดลอง อาจารย์ได้แบ่งกลุ่มผู้เรียนจำนวนเฉลี่ย 12 ?13 คน/กลุ่ม และมีการกระจายนักศึกษาที่มีผลการเรียนที่อยู่ในระดับดี ปานกลาง และพอใช้

2. ขั้นสอน อาจารย์ในภาควิชา ฯ เห็นควรดำเนินตามขั้นตอนการจัดการเรียนการสอน ประกอบด้วยขั้นตอน ขั้นนำสู่บทเรียน? ขั้นสอนเนื้อหา และขั้นประเมินผล

3. ขั้นประเมินผล? ในแต่ละการออกแบบการสอน จะกำหนดการประเมินผลไว้และจะต้องมีความสอดคล้องกับกิจกรรมการสอนและการออกแบบการเรียนรู้ที่ต้องมีการพัฒนาให้เห็นชัดเจนเป็นรูปธรรม

สำหรับการจัดการความรู้ในปีการศึกษานี้ได้มีการดำเนินการโดยผู้เข้าร่วมเป็นกลุ่มเป้าหมายที่มีทั้งนักศึกษา อาจารย์พยาบาล ดังนั้นจึงให้ที่ประชุมได้แสดงความเห็นในการเรียนรู้ใหม่หรือความรู้ใหม่ที่ได้รับจากการจัดการความรู้ ซึ่งที่ประชุมเห็นว่า ความรู้ใหม่ที่ได้รับและเกิดขึ้นเป็น Explicit Knowledge คือวงจรหรือกระบวนการการจัดการความรู้ด้วยหัวใจความเป็นมนุษย์ว่าควรจะมีการดำเนินการแบบเป็นขั้นตอน ได้แก่ ๑)?? การกำหนดความรู้ ๒)?? การสร้างและแสวงหาความรู้ ???๓)??การจัดความรู้ให้เป็นระบบ ?๔)?? การแบ่งปันแลกเปลี่ยนความรู้ ?และ ๕) การเรียนรู้

สำหรับขั้นตอนการปฏิบัติการสะท้อนคิด สามารถสรุปได้จากกิจกรรมการดำเนินการโดยใช้ขั้นตอนดังนี้

  1. การบรรยายสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะจุดสำคัญที่ต้องการให้ผู้อื่นทราบ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนักศึกษาส่วนใหญ่มีทัศนคติที่ดีต่อการก้าวเข้ามาสู่วิชาชีพการพยาบาล มีความพร้อมในระดับปานกลางต่อการฝึกภาพปฏิบัติ แต่ขาดความมั่นใจ รู้สึกวิตกกังวลต่อการฝึกภาคปฏิบัติเพราะเป็นการให้การพยาบาลแก่ผู้ป่วยครั้งแรก
  2. การแลกเปลี่ยนประสบการณ์ร่วมกัน? การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันในบรรยากาศนักศึกษามีการแลกเปลี่ยนในประเด็นของแรงจูงใจและที่มาของการเป็นนักศึกษาพยาบาลซึ่งส่วนใหญ่มาเพราะเหตุผลอื่นๆ มีนักศึกษาประมาณร้อยละ 25 ที่มาจากความตั้งใจแต่แรกเริ่มแต่เมื่อเข้ามาเรียนภาคทฤษฎีได้ 1 ปี นักศึกษาสามารถที่จะปรับตัวและคิดว่าตนเองน่าจะผ่านพ้นการฝึกภาคปฏิบัติไปได้ด้วยดี
  3. การประเมินวิเคราะห์ประสบการณ์ร่วมกันว่าเป็นไปในทางบวกหรือในทางลบที่แตกต่างกันอย่างไร การวิเคราะห์ประสบการณ์ของนักศึกษาจากการเรียนภาคทฤษฎีและภาคทดลอง วิชาหลักการและเทคนิคการพยาบาลที่ผ่านมาใน ภาคเรียนที่ 1 คิดว่าเป็นแรงเสริมทางบวกคือองค์ความรู้ที่มีจะช่วยให้การฝึกปฏิบัติประสบความสำเร็จได้ สำหรับในทางลบคือการขาดความมั่นใจ ความวิตกกังวลกลัวว่าตนเองจะกระทำผิดและทำให้ผู้ป่วยได้รับอันตรายเป็นปัจจัยที่สำคัญมากที่จะทำให้นักศึกษาเกิดความท้อใจก่อนการฝึกภาคปฏิบัติ
  4. วิเคราะห์สถานการณ์ว่าสิ่งใดที่เกิดขึ้นที่เป็นอุปสรรคและสิ่งใดที่จะสามารถนำมาปรับให้ดีขึ้น กิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับอาจารย์และกิจกรรมเสริมหลักสูตรที่นักศึกษาได้เข้าร่วมในโครงการการเตรียมความพร้อมการพยาบาลขั้นพื้นฐานด้วยหัวใจความเป็นมนุษย์โดยการใช้หลักการสะท้อนคิดจะทำให้นักศึกษาสามารปรับไปใช้ได้เพราะโดยส่วนใหญ่ในระหว่างเพื่อนนักศึกษามีความรู้สึกไม่แตกต่างกันและคิดว่าตนเองไม่ได้มีใครแปลกแยกออกไปจากกลุ่มที่จะไม่มีความสามารถในการปฏิบัติการพยาบาลแก่ผู้ป่วย
  5. สรุปการเรียนรู้ที่ได้จากสถานการณ์ จากการได้เรียนรู้พบว่านักศึกษามีความมั่นใจเพิ่มขึ้นและมีแรงจูงใจที่จะสามาระให้การพยาบาลแก่ผู้ป่วยได้
  6. การวางแผนในการนำไปใช้ นักศึกษาสามารถตอบได้ถึงการนำแนวทางการพยาบาลด้วยหัวใจความเป็นมนุษย์ไปใช้ในการดูผู้ป่วยโดยได้แนวคิดจากกระบวนการสะท้อนคิดที่อาจารย์เป็นผู้ดำเนินการ

มติที่ประชุม : ?เห็นตามที่จัดการความรู้ร่วมกัน

ปิดการประชุม : 16.30 น.

อาจารย์ประจำภาควิชาพื้นฐานการพยาบาลฯ

……..ดวงดาว? เทพทองคำ……..

(นางสาวดวงดาว เทพทองคำ)

ผู้บันทึกรายงานการประชุม

28/07/2016

รายงานการประชุมการจัดการความรู้ ครั้งที่ ๒ / ๒๕๕๙ กลุ่มงานกิจการนักศึกษา วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี อุตรดิตถ์

Categories: การจัดการความรู้ วพบ.อต.
Author: admin
Time: 1:33 pm
Reactions :6 comments

รายงานการประชุมการจัดการความรู้? ครั้งที่ ๒ / ๒๕๕๙

กลุ่มงานกิจการนักศึกษา? วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี อุตรดิตถ์

วันที่ ๑๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๙ เวลา ๑๕.๐๐ ? ๑๖.๓๐ น.

ณ ห้องรองผู้อำนวยการกลุ่มงานกิจการนักศึกษา

รายชื่อผู้เข้าร่วมการประชุม

๑. นางสาวนัยนา????? ??อินธิโชติ??????????? รองฯ กลุ่มงานกิจการนักศึกษา??? (ประธาน)

๒.นางสาววราภรณ์???? ยศทวี? ???????????? ?หัวหน้าฝ่ายพัฒนานักศึกษา??????? (เลขานุการ)

๓.นางนิศารัตน์?????????? นาคทั่ง??? ??????????งานทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม

๔.นางสาวพัชชา? ???????สุวรรณรอด ???????งานทุนการศึกษา

๕. นางสาวสุกัญญา???? ม่วงเลี้ยง???????? งานพัฒนานักศึกษา

รายชื่อผู้ไม่เข้าร่วมการประชุม ไม่มี

เริ่มประชุม ๑๕. ๐๐ น.

ระเบียบวาระที่ ๑ เรื่องแจ้งเพื่อทราบ

-

วาระพิจารณาและหารือ

ประธานติดตามผลการดำเนินการใช้กรบวนการ PDCA ไปใช้ในการทำงานของงานพัฒนานักศึกษาและงานทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม? ขอให้ทุกคนช่วยกันเสนอประเด็นเพื่อกำหนดเป็นประเด็นการจัดการความรู้ ?การจัดกิจกรรมพัฒนานักศึกษาอย่างเป็นระบบ?? ที่ประชุมแลกเปลี่ยนเรียนรู้และมีมติดังนี้

สรุปแนวปฏิบัติการนำระบบคุณภาพ PDCA ไปใช้ในการจัดกิจรรมพัฒนานักศึกษา

PDCA Cycle ซึ่งประกอบด้วย 4 ขั้นตอนหลัก ๆ ดังนี้

P = Plan??????? หมายถึง การวางแผน

D = Do????????? หมายถึง การปฏิบัติตามแผน

C = Check????? หมายถึง การตรวจสอบ

A = Action????? หมายถึง การดำเนินการให้เหมาะสม

การวางแผน? (Plan: P) เป็นส่วนประกอบของวงจรที่มีความสำคัญ เนื่องจากการวางแผนจะเป็นจุดเริ่มต้นของงานและเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้การทำงานในส่วนอื่นเป็นไปอย่างมีประสิทธิผล การวางแผนเป็นการหาองค์ประกอบของปัญหา โดยวิธีการระดมความคิด การเลือกปัญหา การหาสาเหตุของปัญหา การหาวิธีการแก้ปัญหา การจัดทำตารางการปฏิบัติงาน การกำหนดวิธีดำเนินการ การกำหนดวิธีการตรวจสอบและประเมินผล ในขั้นตอนนี้สามารถนำเครื่องมือเบื้องต้นแห่งคุณภาพอื่นๆ มาใช้งานร่วมด้วย เช่น Flowchart, Brainstorming ฯลฯ ในขั้นนี้ดำเนินการดังนี้

1. ตระหนักและกำหนดปัญหาที่ต้องการแก้ไข หรือปรับปรุงให้ดีขึ้น โดยสมาชิกแต่ละคนร่วมมือ และประสานกันอย่างใกล้ชิดในการระบุปัญหาที่เกิดขึ้นในการดำเนินงาน เพื่อที่จะร่วมกัน? ทำการศึกษาและวิเคราะห์หาแนวทางแก้ไขต่อไป

2. เก็บรวบรวมข้อมูล สำหรับการวิเคราะห์และตรวจสอบการดำเนินงานหรือหาสาเหตุ ของปัญหา เพื่อใช้ในการปรับปรุง หรือแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งควรจะวางแผนและดำเนินการเก็บข้อมูลให้เป็นระบบ ระเบียบ เข้าใจง่าย และสะดวกต่อการใช้งาน เช่น ตารางตรวจสอบ แผนภูมิ แผนภาพ หรือแบบสอบถาม เป็นต้น

3. อธิบายปัญหาและกำหนดทางเลือก วิเคราะห์ปัญหา เพื่อใช้กำหนดสาเหตุของความบกพร่อง ตลอดจนแสดงสภาพปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งนิยมใช้วิธีการเขียนและวิเคราะห์แผนภูมิหรือแผนภาพ เช่น แผนภูมิก้างปลา แผนภูมิพาเรโต และแผนภูมิการควบคุมเป็นต้น เพื่อให้สมาชิกทุกคนในทีมงานคุณภาพเกิดความเข้าใจในสาเหตุและปัญหาอย่างชัดเจน แล้วร่วมกันระดมความคิด (Brainstorm) ในการแก้ปัญหา โดยสร้างทางเลือกต่างๆ ที่เป็นไปได้ในการตัดสินใจแก้ปัญหา เพื่อมาทำการวิเคราะห์และตัดสินใจเลือกที่เหมาะสมที่สุดมาดำเนินงาน

4. เลือกวิธีการแก้ไขปัญหา หรือปรับปรุงการดำเนินงาน โดยร่วมกันวิเคราะห์ และวิจารณ์ทางเลือกต่างๆ ผ่านการระดมความคิด และการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นของสมาชิก เพื่อตัดสินใจเลือกวิธีการแก้ไขปัญหาที่เหมาะสมที่สุดในการดำเนินงานให้สามารถบรรลุตามเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งอาจจะต้องทำวิจัยและหาข้อมูลเพิ่มเติม หรือกำหนดทางเลือกใหม่ที่มีความน่าจะเป็นในการแก้ปัญหาได้มากกว่าเดิม

สรุปเทคนิคการวางแผนที่ดีควรตอบคำถามต่อไปนี้

๑. ?มีอะไรบ้างที่ต้องทำ

๒. ใครทำ

๓. มีอะไรต้องใช้บ้าง

๔. ระยะเวลาในการทำงานแต่ละขั้นตอนเป็นเท่าใด

๕. ลำดับการท างานเป็นอย่างไร ควรทำอะไรก่อน อะไรหลัง

.๖. ?เป้าหมายในการกระทำครั้งนี้คืออะไร

การปฏิบัติตามแผน (Do: D) เป็นการลงมือปฏิบัติตามแผนที่กำหนดไว้ในตารางการปฏิบัติงาน ทั้งนี้ สมาชิกกลุ่มต้องมีความเข้าใจถึงความสำคัญและความจำเป็นในแผนนั้นๆความสำเร็จของการนำแผนมาปฏิบัติต้องอาศัยการทำงานด้วยความร่วมมือเป็นอย่างดีจากสมาชิก ตลอดจนการจัดการทรัพยากรที่จำเป็นต้องใช้ในการปฏิบัติงานตามแผนนั้นๆ ในขั้นตอนนี้ขณะที่ลงมือปฏิบัติจะมีการตรวจสอบไปด้วย หากไม่เป็นไปตามแผนอาจ จะต้องมีการปรับแผนใหม่ และเมื่อแผนนั้นใช้งานได้ก็นำไปใช้เป็นแผนและถือปฏิบัติต่อไป

สรุปเทคนิคขั้นตอนการปฏิบัติ

๑. ทำให้ถูกต้องตั้งแต่แรก จะได้ไม่ต้องแก้ไขหรือรับผลเสียจากการกระทำที่ผิดพลาด

๒. ตรวจสอบทุกขั้นตอน หากพบข้อบกพร่องให้รีบแก้ไขก่อนที่ความเสียหายจะขยายเป็นวงกว้าง

การตรวจสอบ (Check: C) หมายถึงการตรวจสอบดูว่าเมื่อปฏิบัติงานตามแผน หรือการแก้ปัญหางานตามแผนแล้ว ผลลัพธ์เป็นอย่างไร สภาพปัญหาได้รับการแก้ไขตรงตามเป้าหมายที่กลุ่มตั้งใจหรือไม่ การไม่ประสบผลสำเร็จอาจจะเกิดจากสาเหตุหลายประการ เช่น ไม่ปฏิบัติตามแผน ความไม่เหมาะสมของแผน? การเลือกใช้เทคนิคที่ไม่เหมาะสม เป็นต้น

สรุปเทคนิคขั้นตอนการตรวจสอบ

๑. ตรวจสอบวิธีการและระยะเวลาที่ใช้ในการปฏิบัติจริง ว่าทำได้ตามแผนหรือไม่

๒. ตรวจสอบผล ที่ได้ว่าได้ตามเป้าหมายหรือไม่

๓.ตรวจสอบว่ามีข้อมูลอะไรใหม่ๆ เกิดขึ้นบ้าง

๔. รวบรวมและบันทึกข้อมูลที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ในการวิเคราะห์และปรับปรุงให้ดีต่อไปสิ่งที่จะสามารถรู้ได้ว่าผลกับแผนที่ตั้งไว้แตกต่างกันอย่างไร

การดำเนินการให้เหมาะสม (Action : A) เป็นการกระทำภายหลังที่กระบวนการ 3 ขั้นตอนตาม

วงจรได้ดำเนินการเสร็จแล้ว ขั้นตอนนี้เป็นการนำเอาผลจากขั้นการตรวจสอบ C) มาดำเนินการให้เหมาะสมต่อไป

สรุปเทคนิคขั้นตอนการดำเนินการให้เหมาะสม

๑. หลังจากตรวจสอบแล้ว ถ้าเราทำได้ตามเป้าหมาย ให้รักษาความดีนี้ไว้

๒. ?หากตรวจสอบแล้ว พบว่ามีข้อผิดพลาดไม่ว่าในขั้นตอนใดๆ ก็ตาม ให้หาสาเหตุและแก้ไขสาเหตุ

๓. ?หาทางปรับปรุง เพื่อให้การปฏิบัติครั้งต่อไปดีขึ้นกว่าเดิม

ที่ประชุมมีความเห็นว่า การดำเนินการและข้อสรุปจากผลการดำเนินการ?การจัดกิจกรรมพัฒนานักศึกษาอย่างเป็นระบบโดยใช้กระบวนการ PDCA?? ?น่าจะนำมาใช้ในการปฏิบัติงานของทุกงานในกลุ่มงาน? จึงขอให้ทุกงานนำไปใช้ในการปฏิบัติงาน และสรุปผลการใช้? เพื่อนำไปกำหนดเป็นแนวปฏิบัติที่ดีในการทำงานของกลุ่มงานต่อไป

ระเบียบวาระที่ ๒ ?รับรองรายงานการประชุม

ไม่มี

ระเบียบวาระที่ ๓ เรื่องเพื่อพิจารณา

ไม่มี

ปิดประชุมเวลา ๑๖.๓๐ น.

ลงชื่อ ………….วราภรณ์? ยศทวี………ผู้บันทึกการประชุม

(นางสาววราภรณ์?? ยศทวี)

ลงชื่อ ……………..นัยนา? อินธิโชติ ……..ประธานการประชุม

(นางสาวนัยนา? อินธิโชติ)

รายงานการประชุมการจัดการความรู้ ครั้งที่ ๑ / ๒๕๕๙ กลุ่มงานกิจการนักศึกษา วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี อุตรดิตถ์

Categories: การจัดการความรู้ วพบ.อต.
Author: admin
Time: 1:32 pm
Reactions :6 comments

รายงานการประชุมการจัดการความรู้? ครั้งที่ ๑ / ๒๕๕๙

กลุ่มงานกิจการนักศึกษา? วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี อุตรดิตถ์

วันที่ ๒๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๙ เวลา ๑๕.๓๐ ? ๑๖.๓๐ น.

ณ ห้องรองผู้อำนวยการกลุ่มงานกิจการนักศึกษา

รายชื่อผู้เข้าร่วมการประชุม

๑. นางสาวนัยนา?????? ?อินธิโชติ??????????? รองฯ กลุ่มงานกิจการนักศึกษา??? (ประธาน)

๒.นางสาววราภรณ์???? ยศทวี? ???????????? ?หัวหน้าฝ่ายพัฒนานักศึกษา??????? (เลขานุการ)

๓.นางนิศารัตน์?????????? นาคทั่ง??? ??????????งานทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม

๔.นางสาวพัชชา? ???????สุวรรณรอด ???????งานทุนการศึกษา

๕. นางสาวสุกัญญา???? ม่วงเลี้ยง???????? งานพัฒนานักศึกษา

รายชื่อผู้ไม่เข้าร่วมการประชุม ไม่มี

เริ่มประชุม ๑๕. ๓๐ น.

ระเบียบวาระที่ ๑ เรื่องแจ้งเพื่อทราบ

ประธานแจ้งเรื่อง ??สืบเนื่องจากงานการประกันคุณภาพการศึกษา? แจ้งว่า ให้แต่ละกลุ่มงานต้องมีการการจัดการความรู้เกี่ยวกับงานของแต่ละกลุ่มงาน ???เพื่อให้การปฏิบัติตามภารกิจของกลุ่มงานกิจการนักศึกษาให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ จึงมีความจำเป็นในการพัฒนาความรู้ของทีมงาน? โดยอาศัยการจัดการความรู้ (Knowledge Management : KM) ????????????????ซึ่งกลุ่มงานกิจการนักศึกษาจะได้ดำเนินการ เพื่อรวบรวมความรู้ที่มีคุณค่า และดำเนินต่อการปฏิบัติงานทั้งความรู้ที่อยู่ในรูปของเอกสารคู่มือการปฏิบัติงาน และความรู้ที่อยู่ในตัวบุคคลมาประมวลกลั่นกรองจัดเป็นระเบียบให้ทีมงานสามารถนำองค์ความรู้ไปพัฒนางานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะน าไปสู่การเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ (Learning Organization: LO) ต่อไป

ดังนั้นจึงขอให้ทุกคนช่วยกันกำหนดประเด็นที่กลุ่มงานน่าจะนำมาสู่การจัดการความรู้ของกลุ่มงานเพื่อให้เกิดแนวปฏิบัติที่ดีในการทำงาน

วาระเพื่อพิจารณา

ประธานขอให้ทุกคนช่วยกันเสนอประเด็นเพื่อกำหนดเป็นประเด็นการจัดการความรู้ของกลุ่มงาน มีข้อเสนอจากแต่ละงาน และสรุปประเด็นที่สนใจในการจัดการความรู้ของกลุ่มงาน ดังนี้

๑. การทำงานเป็นทีม

๒. กระบวนการกู้ยืมยืมเงินกองทุนเพื่อการศึกษา

๓. การทำงานอย่างเป็นระบบ

กลุ่มงานเสนอหัวข้อการจัดการความรู้จำนวน 3 หัวข้อ ที่ประชุมมีมติเลือกเพื่อดำเนินการจัดการความรู้ของกลุ่มงานกิจการนักศึกษา ในปีการศึกษา ๒๕๕๘ คือ? การจัดกิจกรรมพัฒนานักศึกษาอย่างเป็นระบบ

ประธานให้ที่ประชุมแลกเปลี่ยนความรู้เกี่ยวกับการทำงานอย่างเป็นระบบ? ระบบการทำงานที่ดี ควรเป็นอย่างไร

ระบบการทำงานที่ดีนั้นควรจะเป็นอย่างไร

อ. นัยนา เสนอว่า? ?ต้องมีขั้นตอนชัดเจน สามารถระบุเป็นขั้นตอนการทำงานมาตรฐานได้ว่ามีกี่ขั้นตอนหลัก ต้องทำกิจกรรมอะไรก่อน-หลัง แต่ละขั้นตอนมีวิธีการทำงานอย่างไร แยกแยะได้ว่าอะไรเป็น input ? process ? output ของระบบ

อ. นิศารัตน์ เสนอว่า ระบบการทำงานที่ดี ควรจะสามารถทำซ้ำได้ ระบบที่ดีต้องนำมาใช้ได้อีก ถ้าเป็นงานลักษณะเดียวกันต้องสามารถใช้วิธีการทำงานที่เป็น? มาตรฐานเดียวกันได้ ให้ใครมาทำซ้ำก็จะได้ผลลัพธ์ที่มีคุณภาพตามมาตรฐานที่กำหนด

อ. วราภรณ์ เสนอว่า ต้องสามารถทบทวนตรวจสอบได้ หากต้องมีการพิจารณาทบทวน ตรวจสอบข้อผิดพลาด ระบบที่ดีควรจะต้องสืบค้นย้อนหลังได้ สามารถนำกลับมาดูใหม่ เพื่อปรับปรุงแก้ไขในจุดบกพร่องได้

อ. สุกัญญา ?เสนอว่า ต้องประเมินผลได้ เพราะจะได้รู้ว่าผลของการทำงานเป็นอย่างไร? ดีขึ้นแล้วหรือยัง ระบบที่ดีควรจะต้องมีเกณฑ์การวัดผลประเมินผลว่าแบบไหนดีไม่ดี อะไรคือผ่านไม่ผ่าน

อ พัชชา เสนอว่า การทำงานอย่างเป็นระบบ ควรมีการนำกระบวนการ PDCA มาใช้ ก็จะทำให้มีกระบวนการทำงานที่ดี? สามารถตรวจสอบได้และวางแผนได้

ที่ประชุมกำหนดระบบการทำงานของกลุ่มงานฯ โดยเริ่มที่งานพัฒนานักศึกษาก่อน ในหัวข้อ ?การจัดกิจกรรมพัฒนานักศึกษาอย่างเป็นระบบ? ?โดยสรุปเป็นขั้นตอนการดำเนินงานโดยใช้ กระบวนการ PDCA ดังนี้

เทคนิคของ PDCA แต่ละขั้นตอน

1. เทคนิคการวางแผน P

การวางแผนที่ดี ควรตอบคำถามต่อไปนี้ได้มีอะไรบ้างที่ต้องทำใครทำมีอะไรต้องใช้บ้างระยะเวลาในการทำงานแต่ละขั้นตอนเป็นเท่าใดลำดับการทำงานเป็นอย่างไร ควรทำอะไรก่อน-หลังเป้าหมายในการกระทำครั้งนี้คืออะไร

2. เทคนิคขั้นตอนการปฏิบัติ D

ทำให้ถูกต้องตั้งแต่แรก จะได้ไม่ต้องแก้ไข หรือรับผลเสียจากการกระทำที่ผิดพลาด ตรวจสอบทุกขั้นตอน หากพบข้อบกพร่องให้รีบแก้ไขก่อนที่ความเสียหาย จะขยายเป็นวงกว้าง

3. เทคนิคขั้นตอนตรวจสอบ C

ตรวจสอบวิธีการและระยะเวลาที่ใช้ในการปฏิบัติจริง ว่าทำได้ตามแผนหรือไม่ตรวจสอบผล ที่ได้ว่าได้ตามเป้าหมายหรือไม่

4. เทคนิคขั้นตอนการดำเนินการให้เหมาะสม A

หลังจากตรวจสอบแล้ว ถ้าเราทำได้ตามเป้าหมาย ให้รักษาความดีนี้ไว้ หากตรวจสอบแล้ว พบว่ามีข้อผิดพลาดไม่ว่าในขั้นตอนใดๆ ก็ตาม ให้หาสาเหตุและแก้ไขสาเหตุหาทางปรับปรุง เพื่อให้การปฏิบัติครั้งต่อไปดีขึ้นกว่าเดิม

การใช้งานวงจร PDCA

PDCA เพื่อป้องกัน

การนำวงจร PDCA ไปใช้ ทำให้ผู้ปฏิบัติมีการวางแผน การวางแผนที่ดีช่วยป้องกันปัญหาที่ไม่ควรเกิด ช่วยลดความสับสนในการทำงาน ลดการใช้ทรัพยากรมากหรือน้อยเกินความพอดี ลดความสูญเสียในรูปแบบต่างๆการทำงานที่มีการตรวจสอบเป็นระยะ ทำให้ การปฏิบัติงานมีความรัดกุมขึ้น และแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็วก่อนจะลุกลาม มากยิ่งขึ้นการตรวจสอบที่นำไปสู่การแก้ไขปรับปรุง ทำให้ปัญหาที่เกิดขึ้นแล้วไม่เกิดซ้ำ หรือลดความรุนแรงของปัญหา ถือเป็น การนำความผิดพลาดมาใช้ให้เกิดประโยชน์

PDCA เพื่อแก้ไขปัญหา

ถ้าเราประสบสิ่งที่ ไม่เหมาะสม ไม่สะอาด ไม่สะดวก ไม่มีประสิทธิภาพ ไม่ประหยัด เราควร แก้ปัญหาการใช้ PDCA เพื่อการแก้ปัญหา ได้แก่ การทำ C-PDCA คือ ตรวจสอบก่อน ว่ามีอะไรบ้างที่เป็นปัญหา เมื่อหาปัญหาได้ ก็นำมาวางแผนเพื่อดำเนินการตามวงจร PDCA ต่อไป

PDCA เพื่อการปรับปรุง

PDCA เพื่อการปรับปรุง คือไม่ต้องรอให้เกิดปัญหา แต่เราต้องเสาะแสวงหาสิ่งต่างๆหรือวิธีการที่ดีกว่าเดิมอยู่เสมอ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและสังคมเมื่อเราคิดว่าจะปรับปรุงอะไร ก็ให้ใช้วงจร PDCA เป็นขั้นตอนในการปรับปรุง ข้อคิดสำคัญ ต้องเริ่ม PDCA ตัวเองก่อนมุ่งไปที่คนอื่น

ที่ประชุมมีมติให้ งานพัฒนานักศึกษาและงานทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม? ดำเนินการจัดกิจกรรม/โครงการต่างๆ โดยใช้กระบวนการ PDCA? ในการปฏิบัติงานอย่างเป็นระบบ เพื่อจะนำมาสรุปเป็นแนวปฏิบัติในการทำงานของแต่ละงานต่อไป

ระเบียบวาระที่ ๒ ?รับรองรายงานการประชุม

ไม่มี

ระเบียบวาระที่ ๓ เรื่องเพื่อพิจารณา

ไม่มี

ปิดประชุมเวลา ๑๖.๓๐ น.

ลงชื่อ …………..วราภรณ์ ?ยศทวี….ผู้บันทึกการประชุม

(นางสาววราภรณ์?? ยศทวี)

ลงชื่อ ……………..นัยนา? อินธิโชติ……..ประธานการประชุม

(นางสาวนัยนา? อินธิโชติ)

หน้าก่อนหน้าหน้าต่อไป
Proudly powered by Wordpress 3.0.1 - Theme Triplets Id Band 2.0, the boyish style by neuro