การสังเคราะห์งานวิจัย

เรื่อง

การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนบนคลินิกฝากครรภ์โดยใช้วิธีการเรียนรู้แบบ VARK ในรายวิชาปฏิบัติการพยาบาลมารดา ทารกและการผดุงครรภ์ ๑

โดย

อ.ดร.วรรณวดี เนียมสกุล

จากการสังเคราะห์งานวิจัย เรื่อง ?การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนบนคลินิกฝากครรภ์โดยใช้วิธีการเรียนรู้แบบ VARK ในรายวิชาปฏิบัติการพยาบาลมารดา ทารกและการผดุงครรภ์ ๑? ซึ่งดำเนินการโดย นางสาว วรรณวดี? เนียมสกุลและคณะ นับว่าเป็นงานวิจัยที่มีประโยชน์อย่างมากต่อการพัฒนาการจัดการเรียนการสอน เนื่องจากเป็นสิ่งท้าทายสำหรับอาจารย์พยาบาลที่จะต้องหาแนวทางที่จะช่วยให้ผู้เรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น มีความมั่นใจและนำทฤษฎีการพยาบาลหญิงตั้งครรภ์ไปใช้อย่างเต็มภาคภูมิ รู้สึกเป็นสุขเมื่อได้เรียนรู้ มีทัศนคติที่ดีต่อวิชาชีพ กระบวนการจัดการเรียนการสอน จึงต้องเปลี่ยนมาสู่การเน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง ที่ผู้สอนจะต้องเป็นทั้งนักวิชาการ นักปฏิบัติ และนักจัดการที่จะบูรณาการความรู้และกระบวนการเรียนรู้ใช้กลยุทธ์ที่เน้นให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมอย่างกระตือรือร้น วิธีที่ได้ผลวิธีหนึ่งได้แก่ วิธีการเรียนรู้แบบ VARK โดยผู้สอนจะมีบทบาทเป็นผู้ออกแบบการเรียนการสอนที่ดี เพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้อย่างแท้จริง คือส่งผลให้มีพื้นฐานการคิดดี ภูมิแน่น เรียนรู้อย่างมีความสุขอันเป็นปิติสุขในความสำเร็จของการเรียนรู้ มีผลการศึกษาที่รายงานถึงประสิทธิภาพในการจัดการเรียนการสอนแบบ VARK ที่สามารถกระตุ้นให้ผู้สอนเป็นผู้ที่มีความกระตือรือร้นและสามารถสร้างบรรยากาศการเรียนที่เอื้อให้ผู้เรียนมีความสนุกสนาน เกิดการกระตุ้นวิธีการคิด การเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิตและการคิดอย่างมีวิจารณญาณ ?ซึ่งคุณสมบัติดังกล่าวเป็นคุณสมบัติที่พึงประสงค์ของบัณฑิตไทยตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 11 (พ.ศ. 2555-2559)

ดังนั้นแนวคิดเกี่ยวกับการนำกลยุทธ์ VARK มาใช้ในการจัดการเรียนการสอน? จึงเป็นเสมือนหนึ่งแนวทางให้ผู้สอนได้นำมาออกแบบการจัดการเรียนการสอนที่เหมาะกับศตวรรษที่ 21 โดยวิธีการสอนแบบ VARK เป็นวิธีการจัดการเรียนการสอนประเภทหนึ่งที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ผู้สอนเป็นผู้ที่มีความกระฉับกระเฉงในการสอน (active teacher) และออกแบบการเรียนการสอนที่สร้างบรรยากาศที่สนุกสนาน ทำให้ผู้เรียนเป็นผู้ที่มีความกระปรี้กระเปร่า (active learner) เกิดความคิดอย่างมีวิจารณญาณ (critical thinking) และเรียนรู้ตลอดชีวิต (lifelong learning)

VARK Learning style หรือรูปแบบการเรียนแบบ VARK เป็น sensory Model ที่ประกอบด้วย V หรือ Visual เป็นวิธีการเรียนรู้ที่ผู้เรียนจะเรียนได้ดีด้วยการเห็นข้อมูล การสังเกตผู้อื่นปฏิบัติ และ/หรือ การเห็นภาพ กราฟ ที่ช่วยให้เกิดการเรียนรู้? A: Aural or Auditory เป็นวิธีการเรียนรู้ที่ผู้เรียนจะเรียนได้ดีด้วยการฟังเช่น ฟังจากเทป จากเรื่องเล่าของผู้อื่น จากการพูดคุย การฟังกลุ่มอภิปราย? R: Read or Write เป็นวิธีการเรียนรู้ที่ผู้เรียนจะเรียนได้ดีด้วยการอ่านหรือเขียน โดยการอ่านจากหนังสือ ตำรา อินเทอร์เน็ตในรูปอักษร การเขียนรายงาน การทำแบบฝึกหัดต่าง ๆ และ K: Kinesthetic เป็นวิธีการเรียนรู้ที่ผู้เรียนจะเรียนได้ดีด้วยการลงมือปฏิบัติ ชอบฝึกหัด สนุกที่จะลงมือทำ อาจเป็นในรูปสถานการณ์จำลองเสมือนจริง หรือสถานการณ์จริง

รูปแบบการเรียนรู้ของผู้เรียนแต่ละคนแตกต่างกันไป ผู้เรียนแต่ละคนจะชอบวิธีการเรียนรู้ที่แตกต่างกันไปในการรับข้อมูลหรือความรู้ใหม่ ๆ เรียกว่า VARK learning preference อาทิเช่น บางคนเรียนรู้ได้ดีจากการดู บางคนจากการฟัง บางคนจากการอ่านหรือเขียน หรือบางคนเรียนรู้ได้ดีจากการลงมือปฏิบัติ อย่างไรก็ตามพบว่าผู้เรียนส่วนใหญ่ชอบรูปแบบการเรียนรู้ผสมผสานที่ช่วยให้เกิดการเรียนรู้เช่น เห็นและทำ? ฟัง อ่านและเขียน เป็นต้น เรียกว่า Multimodals

สำหรับการวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยการวิจัยนี้ใช้ระเบียบวิธีการวิจัยและพัฒนา (Research and Development) การดำเนินการวิจัยแบ่งเป็น 2 ตอนดังนี้ ตอนที่ 1 การพัฒนารูปแบบรูปแบบการเรียนการสอนบนคลินิกฝากครรภ์โดยใช้วิธีการเรียนรู้แบบ VARK ในรายวิชาปฏิบัติการพยาบาลมารดา ทารกและการผดุงครรภ์ 1 ตอนที่ 2 ศึกษาความคิดเห็นของนักศึกษาต่อรูปแบบรูปแบบการเรียนการสอนบนคลินิกฝากครรภ์โดยใช้วิธีการเรียนรู้แบบ VARK ในรายวิชาปฏิบัติการพยาบาลมารดา ทารกและการผดุงครรภ์ 1

ประชากรในการศึกษาได้แก่ นักศึกษาพยาบาล ชั้นปีที่ 3 ที่กำลังศึกษาวิชาปฏิบัติการพยาบาลมารดา ทารกและการผดุงครรภ์ 1 ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2558 วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี แห่งหนึ่งในเขตภาคเหนือ จำนวน 16 สัปดาห์ ระหว่างเดือนธันวาคม 2558 ถึงเดือนมิถุนายน 2559 มีจำนวนทั้งสิ้น 124 คน โดยคัดเลือกนักศึกษาทุกคนเป็นผู้ให้ข้อมูล

เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้เป็นเครื่องมือที่ศึกษาความคิดเห็นของนักศึกษาพยาบาลต่อรูปแบบรูปแบบการเรียนการสอนบนคลินิกฝากครรภ์โดยใช้วิธีการเรียนรู้แบบ VARK ในรายวิชาปฏิบัติการพยาบาลมารดา ทารกและการผดุงครรภ์ 1 การสร้างเครื่องมือและตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือ โดยศึกษาแนวคิดทฤษฎี ทบทวนเอกสาร ตำราที่เกี่ยวข้อง แนวคิดความคิดเห็นเกี่ยวกับวิธีการเรียนรู้แบบ VARK ร่างข้อคำถามให้ครอบคลุมตามวัตถุประสงค์การวิจัยและตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือด้านเนื้อหา (Content validity) โดยนำเครื่องมือที่ได้เสนอต่อผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 3 ท่านและปรับแก้ตามข้อเสนอแนะในรายละเอียดและ/หรือรายข้อที่ยังไม่ชัดเจน จากนั้นนำแบบสอบถามความคิดเห็นด้านการจัดการเรียนการสอนภาคปฏิบัติที่แผนกฝากครรภ์ไปทดลองใช้กับนักศึกษาชั้นปีที่ 4 ที่เคยฝึกทักษะที่แผนกฝากครรภ์มาก่อนจำนวน 30 คน นำแบบสอบถามที่ได้มาหาค่าความเชื่อมั่น (Reliability) โดยมีค่าความเชื่อมั่น 0.87 การรวบรวมข้อมูลในการวิจัยจะดำเนินการรวบรวมข้อมูลโดยแจกแบบสอบถามความคิดเห็นแก่นักศึกษาภายหลังสิ้นสุดการฝึกที่แผนกฝากครรภ์แล้วนำมาตรวจสอบความสมบูรณ์ในการตอบแบบสอบถามที่ครบถ้วน จากนั้นนำผลมาประเมินวิเคราะห์ทางสถิติเชิงบรรยาย (Descriptive statistics)

ซึ่งผลจากการวิจัยสามารถตอบวัตถุประสงค์การวิจัยดังนี้ กิจกรรมการเรียนการสอนภาคปฏิบัติแผนกฝากครรภ์ รายวิชาปฏิบัติการพยาบาลมารดา ทารกและการผดุงครรภ์ 1 ที่ครอบคลุม VARK learning style มีทั้งหมด 26 กิจกรรม แบ่งเป็นกิจกรรมด้านการดู (visual) 4 กิจกรรม คิดเป็นร้อยละ 15.39 การฟัง (Aural) 5 กิจกรรม คิดเป็นร้อยละ 19.23 การอ่าน/การเขียน 7 กิจกรรม คิดเป็นร้อยละ 26.92 และการลงมือปฏิบัติ (kinesthetic) 10 กิจกรรม คิดเป็นร้อยละ 38.46 โดยการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนภาคปฏิบัติเน้นการลงมือปฏิบัติมากที่สุด รองลงมา ได้แก่ การอ่านและการเขียน การฟัง และการดู ตามลำดับ รูปแบบการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้นเป็นแบบผสมผสานหรือMultimodal learning preference เพื่อกระตุ้นประสาทสัมผัสของนักศึกษาอย่างครบถ้วน

สื่อการเรียนการสอน ได้แก่ ใบงานแสดงบทบาทสมมติหญิงตั้งครรภ์ และ พยาบาลวิชาชีพ บทความวิจัยที่เกี่ยวข้องในระยะตั้งครรภ์ จำนวน 1 เรื่อง แบบฝึกหัดการคิดอายุครรภ์ การคาดคะเนกำหนดวันคลอด การคัดกรองภาวะเสี่ยง การเขียนบันทึกรายงานในบัตรอนามัยมารดา การอ่านผลการตรวจครรภ์ บทความภาษาอังกฤษการดูแลหญิงตั้งครรภ์ตามไตรมาส แบบฝึกหัดการอ่านตำราภาษาอังกฤษเกี่ยวกับกระบวนการพยาบาลหญิงตั้งครรภ์ตามไตรมาสและแผนการสอนในคลินิก 2 เรื่อง ได้แก่ แนวทางการคัดกรองภาวะธาลัส? ซีเมียและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในหญิงตั้งครรภ์ และ มาตรฐานการดูแลในระยะตั้งครรภ์ตามองค์การอนามัยโลก

นักศึกษามีความคิดเห็นต่อกิจกรรมการเรียนการสอนภาคปฏิบัติแผนกฝากครรภ์ รายวิชาปฏิบัติการพยาบาลมารดา ทารกและการผดุงครรภ์ 1 ที่ครอบคลุม VARK learning style โดยรวมทุกด้านอยู่ในระดับมากที่สุด (mean= 4.53, S.D.= 0.57) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่าความคิดเห็นด้านการลงมือปฏิบัติและด้านการดูมีค่าเฉลี่ยความคิดเห็นอยู่ในระดับมากที่สุด (mean= 4.61, S.D.= 0.54, mean= 4.58, S.D.= 0.55 ตามลำดับ)? ?โดยด้านการอ่าน/การเขียนและการฟังมีค่าเฉลี่ยความคิดเห็นอยู่ในระดับมาก (mean= 4.50, S.D.= 0.59, mean= 4.36, S.D.= 0.63 ตามลำดับ) โดยด้านการฟังมีค่าเฉลี่ยความคิดเห็นน้อยที่สุด อยู่ในระดับมาก (mean= 4.36, S.D.= 0.63)

จากผลการสังเคราะห์การวิจัยครั้งนี้ จะพบว่าการจัดการเรียนการสอนโดยใช้ VARK ทำให้นักศึกษารู้สึกสนุกกับบทเรียนสามารถนำความรู้ไปใช้ได้เมื่อฝึกภาคปฏิบัติและมีผลสัมฤทธิ์การเรียนที่ดี คณาจารย์สามารถนำข้อมูลที่ได้จากผลการวิจัยดังกล่าวมาออกแบบการเรียนการสอนที่ทำให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ที่ใช้ประสาทสัมผัสทั้งการอ่าน ฟัง ดูและลงมือทำเพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจต่อบทเรียนได้เป็นอย่างดี

นอกจากนี้สถาบันการศึกษาต่าง ๆ ที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการจัดการเรียนการสอนแก่นักศึกษาพยาบาลสามารถที่จะนำผลการสังเคราะห์งานวิจัยนี้ไปออกแบบการเรียนการสอนในรายวิชาเพื่อให้สอดคล้องกับการจัดการเรียนการสอนในศตวรรษที่ 21 ที่ต้องการผู้เรียนที่เรียนรู้และคิดอย่างมีวิจารณญาณ ตลอดจนการเรียนรู้ตลอดชีวิต อันเป็นคุณสมบัติของบัณฑิตต่อไป

*********************************************